ASTVผู้จัดการรายวัน - ป่าไม้ยังรอหมายศาลโคราชลุยตรวจค้น 22 รีสอร์ต“เขาแผงม้า”รุกป่าสงวนฯ ยัน จนท.ไม่พกพาอาวุธบุกค้น ด้าน หน.อุทยานฯทับลาน เดินหน้าเชือดนายทุนติดป้ายสั่งรื้อเพิ่มอีก 8 ราย จากเดิม 25 แห่ง ระบุระวังตัวเข้มหลังมีข่าวถูกลงขันฆ่า ขณะ ส.ป.ก.โคราช ปรับแผนใหม่มุ่งเป้ารีสอร์ต 25 แห่งเป็นหลัก เผยชาวบ้านเมินไม่ให้ความร่วมมือ ชี้รีสอร์ตลูกสาว“ส.ส.”ดังอยู่ในพื้นที่ ส.ป.ก.ตั้งบนเนินเขาไม่จัดสรรให้ใช้ประโยชน์ “ส.อบจ.”วังน้ำเขียว ยัน 1,000% ไม่มีลงขันฆ่า หน.อุทยานฯ
วานนี้ (8 ส.ค.)นายสุเทพ ปรเวศวิทยาฬาร ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 (นครราชสีมา) กรมป่าไม้ เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินการกับกลุ่มนายทุนบุกรุกป่า สร้างรีสอร์ต บ้านพักหรู ในพื้น อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมาว่า จนถึงขณะนี้ยังต้องรอหมายศาลจังหวัดนครราชสีมา เพื่อจะได้เข้าตรวจค้นบ้านพักและรีสอร์ตเป้าหมายทั้ง 22 แห่ง บริเวณเขาแผงม้าที่เข้าข่ายบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวง อ.วังน้ำเขียว ซึ่งหากได้รับอนุมัติหมายศาล เจ้าหน้าที่ก็พร้อมปฏิบัติงานเข้าตรวจค้นทันที ทั้งนี้ เพื่อเข้าไปตรวจสอบเอกสารสิทธิถือครองพื้นที่ เพื่อพิสูจน์ว่าผู้ที่ใช้ประโยชน์อยู่ในพื้นที่รีสอร์ตทั้ง 22 จุด มีหลักฐานการถือครองที่ถูกต้องหรือไม่ พร้อมกับตรวจสภาพพื้นที่ว่าถูกบุกรุกหรือปรับสภาพพื้นที่จนได้รับความเสียหายมาน้อยแค่ไหน หากไม่มีหลักฐานเอกสารสิทธิมายืนยัน ทางชุดปฏิบัติการก็จำเป็นต้องแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับทางผู้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่นั้นๆ ทั้งทางแพ่ง และ ทางอาญา พร้อม สั่งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากเขตป่าสงวนแห่งชาติ ตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจปราบปรามการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวง อ.วังน้ำเขียว ที่มีนายเริงชัย ประยูรเวช รองอธิบดีกรมป่าไม้ เป็นประธานได้เตรียมความพร้อมไว้หมดแล้ว โดยในขั้นตอนการปฏิบัตินั้น หากศาลอนุมัติออกหมายมาแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจะไปรวมตัวกันที่ที่ศูนย์บัญชาการเฉพาะกิจ ซึ่งตั้งอยู่ภายในสถานีวนวัฒนวิจัยสะแกราช บนถนนสาย 304 ราชสีมา-กบินทร์บุรี อ.วังน้ำเขียว โดยมีรองอธิบดีกรมป่าไม้ในฐานะประธานชุดเฉพาะกิจเป็นผู้สั่งการในการลงพื้นที่ตรวจค้นตามแผนดำเนินงานที่วางไว้แล้ว และจะกลับมาประเมินผลการทำงานเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจในแต่ละวัน ที่กองบัญชาการเฉพาะกิจ สถานีวนวัฒนวิจัยสะแกราช
ศูนย์บัญชาการเฉพาะกิจดังกล่าวจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 3 คณะหลักๆ ประกอบด้วย 1.คณะกรรมชุดตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงในพื้นที่ ซึ่งเป็นชุดชี้เป้าหมายว่าพื้นที่ใดมีปัญหาและต้องเข้าทำการตรวจสอบ 2.คณะกรรมการชุดปฏิบัติการซึ่งเป็นการสนธิกำลังร่วมกันระหว่างทางเจ้าหน้าที่สายตรวจของกรมป่าไม้ เจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 นครราชสีมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัด กำลังทหารจากกองทัพภาคที่ 2 และตำรวจในพื้นที่มีทั้งหมด 6 ชุดๆ ละ 50 นายรวม 300 นายทำหน้าที่เข้าตรวจสอบรีสอร์ตเป้าหมายทั้ง 22 จุดที่ได้รับอนุมัติหมายศาลและรวบรวมข้อมูลทั้งหมดส่งให้คณะกรรมการชุดที่ 3 ที่จะเป็นชุดเยียวยาแก้ไขปัญหาและกำหนดแนวการฟื้นฟูสภาพพื้นที่ให้กลับมาคงสภาพป่าดังเดิม
“การเข้าไปปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่นั้นจะไม่มีการติดอาวุธเข้าไปอย่างเด็ดขาด มีเพียงนำหมายศาลไปแสดงให้เจ้าของพื้นที่ได้ทราบ ซึ่งการตรวจค้นมีกรอบที่ชัดเจนอยู่แล้วว่าจะตรวจสอบในส่วนใดบ้างและเป็นตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายแค่ 22 รายเท่านั้นไม่ได้ไปดำเนินการที่เกี่ยวข้องส่งผลกระทบกับชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ที่อยู่อาศัยทำกินกันมานานแต่อย่างใด และเราย้ำกันมาตลอดว่าจะดำเนินการกับผู้บุกรุกจากรายใหญ่ไปหาเล็ก แต่ทั้งนี้เจ้าหน้าที่เราก็เตรียมตัวไว้อยู่แล้วว่าจะต้องเจอกับปัญหาการต่อต้านเกิดขึ้น”
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า กระบวนการทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นได้หลังจากที่ทางศาลฯ อนุมัติหมายให้สามารถเข้าตรวจสอบพื้นที่รีสอร์ตทั้ง 22 จุดเรียบร้อยแล้วเท่านั้น ซึ่งตนยังไม่สามารถระบุได้ว่า กระบวนการในส่วนนี้จะเสร็จสิ้นในเวลาใด เพราะทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล
ด้านนายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน เผยถึงกรณีที่มีข่าวนายทุนรีสอร์ตลงขันรายละ 30,000-35,000 บาทเพื่อปองร้ายถึงขั้นเอาชีวิตว่า เรื่องนี้ได้ยินข่าวมาเช่นกัน แต่ไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร คาดว่าน่าจะเป็นมือที่ 3 มาสร้างข่าวมากกว่า แต่ก็ทำให้ตนต้องระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้น จะไปไหนมาไหนต้องระวังตัวมากกว่าเดิม อย่างไรก็ตามหากตนเป็นอะไรไปก็เคยปรากฏในสื่อแล้วว่า ทางกรมอุทยานฯ จะส่งคนที่เก่งกว่าตนลงมาจัดการเรื่องนี้ต่อไปอยู่แล้ว
“ผมไม่ได้หวั่นไหวอะไร ผู้หลักผู้ใหญ่ก็โทรศัพท์มาให้กำลังใจตลอด รวมถึงประชาชนก็ส่งไปรษณียบัตรมาให้กำลังใจต่อเนื่อง ทำให้เรามีกำลังใจมากขึ้น และยังยืนยันเดินหน้าทำตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องในการนำผืนป่ากลับคืนมา และในสัปดาห์นี้จะเร่งรัดไปทางอัยการให้ยื่นศาลสั่งบังคับคดี เนื่องจากมีรีสอร์ตหลายแห่งที่คดีถึงที่สุดแล้วแต่ไม่ยอมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่”
นายนุวรรต ลีลาพตะ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน กล่าวว่า ในวันนี้ (9 ส.ค.) เจ้าหน้าที่จะนำป้ายประกาศอุทยานแห่งชาติทับลานสั่งให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างภายใน 30 วันตามอำนาจในมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 ไปติดหน้าบ้านพักรีสอร์ตที่บุกรุกอุทยานฯทับลานเพิ่มเติมอีก 8 รายในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว และ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี จากที่ล่าสุดได้ติดป้ายประกาศอุทยานฯสั่งรื้อถอนไปแล้ว 25 แห่ง คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดในกลางเดือน ส.ค.นี้
“ขณะนี้การทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกคนต้องเพิ่มความระมัดระวังตัวมากขึ้นหลังมีข่าวการลงขันของกลุ่มนายทุนเพื่อหวังปองร้ายหัวหน้าอุทยานฯ ตอนนี้ไม่กล้าออกไปกินข้าวนอกเขตอุทยานฯ เพราะเกรงจะไม่ปลอดภัย และการลงพื้นที่ติดป้ายประกาศอุทยานฯ ก็ไม่ได้รับการยอมรับจากเจ้าของส่วนใหญ่จะปิดประตูรั้วประตู้บ้าน และมีบ้างที่เข้ามาต่อว่าด่าทอเจ้าหน้าที่ แต่ถือเป็นเรื่องธรรมดาเจ้าหน้าที่เราต้องทำตามหน้าที่และทุกคนยังมีกำลังใจในการทำงานเพื่อปกป้องผืนป่าอย่างเต็มที่ต่อไป”
ด้านนายประเสริฐ วิศิษฐจินดา ปฎิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงการดำเนินการในส่วนของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.)ว่า ล่าสุดคณะทำงานแก้ไขปัญหาวังน้ำเขียวประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.นครราชสีมาและส่วนกลางรวม 16 นายได้ลงพื้นที่ตรวจสอบการใช้ประโยชน์ที่ดิน ส.ป.ก.ไปแล้วกว่า 300 แปลงในจำนวนนี้พบมีการนำไปใช้ประโยชน์ที่ผิดวัตถุประสงค์โดยสร้างเป็นรีสอร์ตชัดเจน 13 แห่ง ซึ่งได้แจ้งทั้งเจ้าของพื้นที่เดิมและเจ้าของรีสอร์ตมาชี้แจงภายใน 15 วันแล้วและยังมีพื้นที่ของเกษตรกรที่ใช้ผิดวัตถุประสงค์อีกประมาณ 18 ราย ได้เรียกมาชี้แจงเช่นกันและ ให้แก้ไขปรับปรุง ภายใน 60 วัน หากไม่ดำเนินการจะเข้าสู่การเพิกถอนสิทธิ ยึดคืนพื้นที่ต่อไป
"ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทำงานกันค่อนข้างลำบาก เนื่องจากไม่ได้รับความร่วมมือในการให้ข้อมูลจากชาวบ้านในพื้นที่ จึงต้องปรับแผนทำงานใหม่ โดยมุ่งไปที่การตรวจสอบรีสอร์ตที่เหลืออีกประมาณ 12 แห่งในจำนวนทั้งหมด 25 แห่งที่มีการใช้ประโยชน์พื้นที่ผิดวัตถุประสงค์อย่างชัดเจนในส่วนอื่นจะทยอยดำเนินการตรวจสอบไปให้ครบทั้ง 6,412 ราย"
ส่วนกรณีรีสอร์ตโพธิ์คำดรากอนฮิลล์ ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว ที่เพิ่งเปลี่ยนชื่อเป็น“โกลด์เมาท์เทน วังน้ำเขียว”รีสอร์ตหรูขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 500-600 ไร่ของนางปราณี เนียมสูงเนิน ลูกสาวนายประนอม โพธิ์คำ ส.ส.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย(ภท.)อยู่ในพื้นที่ ส.ป.ก.หรือไม่นั้น นายประเสริฐ กล่าวว่า รีสอร์ตดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่ ส.ป.ก.ที่กรมป่าไม้มอบให้ ส.ป.ก.นำไปจัดสรรให้กับเกษตรกร แต่เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นเนินเขาทาง ส.ป.ก.จึงไม่ได้จัดสรรให้เกษตรกรเข้าไปใช้ประโยชน์ ซึ่งรีสอร์ตดังกล่าวเป็น 1 ใน 25 แห่ง ที่จะต้องถูกตรวจสอบเช่นกัน
นายชุณห์ ศิริชัยคีรีโกศล ส.อบจ.เขต อ.วังน้ำเขียว กล่าวถึงการเคลื่อนไหวภาคประชาชนชาววังน้ำเขียวว่า ยังคงเดินหน้าล่ารายชื่อ 50,000 รายชื่อเพื่อเสนอแก้ไขกฎหมาย 3 ฉบับประกอบด้วย พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504,พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 และ พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะสรุปผลในวันศุกร์ 12 ส.ค.นี้ ก่อนเสนอยื่นต่อรัฐบาลใหม่ ดำเนินการแก้ไขต่อไป
ส่วนที่มีข่าวเรื่องนายทุนลงขันกันเพื่อหวังปองรายหัวหน้าอุทยานฯนั้น ตนในฐานะตัวแทนประชาชนในพื้นที่ยืนยันว่าไม่มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นแน่นอน 1,000% ชาวบ้านกับเจ้าหน้าที่รัฐยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ในวันที่ 13 ส.ค.นี้ ทางอุทยานแห่งชาติทับลาน ยังขอความร่วมมือให้จัดชาวบ้านไปร่วมปลูกป่าในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว ซึ่งเราก็ยินดีให้ความร่วมมืออยู่แล้ว
วานนี้ (8 ส.ค.)นายสุเทพ ปรเวศวิทยาฬาร ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 (นครราชสีมา) กรมป่าไม้ เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินการกับกลุ่มนายทุนบุกรุกป่า สร้างรีสอร์ต บ้านพักหรู ในพื้น อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมาว่า จนถึงขณะนี้ยังต้องรอหมายศาลจังหวัดนครราชสีมา เพื่อจะได้เข้าตรวจค้นบ้านพักและรีสอร์ตเป้าหมายทั้ง 22 แห่ง บริเวณเขาแผงม้าที่เข้าข่ายบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวง อ.วังน้ำเขียว ซึ่งหากได้รับอนุมัติหมายศาล เจ้าหน้าที่ก็พร้อมปฏิบัติงานเข้าตรวจค้นทันที ทั้งนี้ เพื่อเข้าไปตรวจสอบเอกสารสิทธิถือครองพื้นที่ เพื่อพิสูจน์ว่าผู้ที่ใช้ประโยชน์อยู่ในพื้นที่รีสอร์ตทั้ง 22 จุด มีหลักฐานการถือครองที่ถูกต้องหรือไม่ พร้อมกับตรวจสภาพพื้นที่ว่าถูกบุกรุกหรือปรับสภาพพื้นที่จนได้รับความเสียหายมาน้อยแค่ไหน หากไม่มีหลักฐานเอกสารสิทธิมายืนยัน ทางชุดปฏิบัติการก็จำเป็นต้องแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับทางผู้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่นั้นๆ ทั้งทางแพ่ง และ ทางอาญา พร้อม สั่งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากเขตป่าสงวนแห่งชาติ ตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจปราบปรามการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวง อ.วังน้ำเขียว ที่มีนายเริงชัย ประยูรเวช รองอธิบดีกรมป่าไม้ เป็นประธานได้เตรียมความพร้อมไว้หมดแล้ว โดยในขั้นตอนการปฏิบัตินั้น หากศาลอนุมัติออกหมายมาแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจะไปรวมตัวกันที่ที่ศูนย์บัญชาการเฉพาะกิจ ซึ่งตั้งอยู่ภายในสถานีวนวัฒนวิจัยสะแกราช บนถนนสาย 304 ราชสีมา-กบินทร์บุรี อ.วังน้ำเขียว โดยมีรองอธิบดีกรมป่าไม้ในฐานะประธานชุดเฉพาะกิจเป็นผู้สั่งการในการลงพื้นที่ตรวจค้นตามแผนดำเนินงานที่วางไว้แล้ว และจะกลับมาประเมินผลการทำงานเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจในแต่ละวัน ที่กองบัญชาการเฉพาะกิจ สถานีวนวัฒนวิจัยสะแกราช
ศูนย์บัญชาการเฉพาะกิจดังกล่าวจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 3 คณะหลักๆ ประกอบด้วย 1.คณะกรรมชุดตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงในพื้นที่ ซึ่งเป็นชุดชี้เป้าหมายว่าพื้นที่ใดมีปัญหาและต้องเข้าทำการตรวจสอบ 2.คณะกรรมการชุดปฏิบัติการซึ่งเป็นการสนธิกำลังร่วมกันระหว่างทางเจ้าหน้าที่สายตรวจของกรมป่าไม้ เจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 นครราชสีมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัด กำลังทหารจากกองทัพภาคที่ 2 และตำรวจในพื้นที่มีทั้งหมด 6 ชุดๆ ละ 50 นายรวม 300 นายทำหน้าที่เข้าตรวจสอบรีสอร์ตเป้าหมายทั้ง 22 จุดที่ได้รับอนุมัติหมายศาลและรวบรวมข้อมูลทั้งหมดส่งให้คณะกรรมการชุดที่ 3 ที่จะเป็นชุดเยียวยาแก้ไขปัญหาและกำหนดแนวการฟื้นฟูสภาพพื้นที่ให้กลับมาคงสภาพป่าดังเดิม
“การเข้าไปปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่นั้นจะไม่มีการติดอาวุธเข้าไปอย่างเด็ดขาด มีเพียงนำหมายศาลไปแสดงให้เจ้าของพื้นที่ได้ทราบ ซึ่งการตรวจค้นมีกรอบที่ชัดเจนอยู่แล้วว่าจะตรวจสอบในส่วนใดบ้างและเป็นตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายแค่ 22 รายเท่านั้นไม่ได้ไปดำเนินการที่เกี่ยวข้องส่งผลกระทบกับชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ที่อยู่อาศัยทำกินกันมานานแต่อย่างใด และเราย้ำกันมาตลอดว่าจะดำเนินการกับผู้บุกรุกจากรายใหญ่ไปหาเล็ก แต่ทั้งนี้เจ้าหน้าที่เราก็เตรียมตัวไว้อยู่แล้วว่าจะต้องเจอกับปัญหาการต่อต้านเกิดขึ้น”
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า กระบวนการทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นได้หลังจากที่ทางศาลฯ อนุมัติหมายให้สามารถเข้าตรวจสอบพื้นที่รีสอร์ตทั้ง 22 จุดเรียบร้อยแล้วเท่านั้น ซึ่งตนยังไม่สามารถระบุได้ว่า กระบวนการในส่วนนี้จะเสร็จสิ้นในเวลาใด เพราะทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล
ด้านนายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน เผยถึงกรณีที่มีข่าวนายทุนรีสอร์ตลงขันรายละ 30,000-35,000 บาทเพื่อปองร้ายถึงขั้นเอาชีวิตว่า เรื่องนี้ได้ยินข่าวมาเช่นกัน แต่ไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร คาดว่าน่าจะเป็นมือที่ 3 มาสร้างข่าวมากกว่า แต่ก็ทำให้ตนต้องระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้น จะไปไหนมาไหนต้องระวังตัวมากกว่าเดิม อย่างไรก็ตามหากตนเป็นอะไรไปก็เคยปรากฏในสื่อแล้วว่า ทางกรมอุทยานฯ จะส่งคนที่เก่งกว่าตนลงมาจัดการเรื่องนี้ต่อไปอยู่แล้ว
“ผมไม่ได้หวั่นไหวอะไร ผู้หลักผู้ใหญ่ก็โทรศัพท์มาให้กำลังใจตลอด รวมถึงประชาชนก็ส่งไปรษณียบัตรมาให้กำลังใจต่อเนื่อง ทำให้เรามีกำลังใจมากขึ้น และยังยืนยันเดินหน้าทำตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องในการนำผืนป่ากลับคืนมา และในสัปดาห์นี้จะเร่งรัดไปทางอัยการให้ยื่นศาลสั่งบังคับคดี เนื่องจากมีรีสอร์ตหลายแห่งที่คดีถึงที่สุดแล้วแต่ไม่ยอมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่”
นายนุวรรต ลีลาพตะ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน กล่าวว่า ในวันนี้ (9 ส.ค.) เจ้าหน้าที่จะนำป้ายประกาศอุทยานแห่งชาติทับลานสั่งให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างภายใน 30 วันตามอำนาจในมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 ไปติดหน้าบ้านพักรีสอร์ตที่บุกรุกอุทยานฯทับลานเพิ่มเติมอีก 8 รายในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว และ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี จากที่ล่าสุดได้ติดป้ายประกาศอุทยานฯสั่งรื้อถอนไปแล้ว 25 แห่ง คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดในกลางเดือน ส.ค.นี้
“ขณะนี้การทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกคนต้องเพิ่มความระมัดระวังตัวมากขึ้นหลังมีข่าวการลงขันของกลุ่มนายทุนเพื่อหวังปองร้ายหัวหน้าอุทยานฯ ตอนนี้ไม่กล้าออกไปกินข้าวนอกเขตอุทยานฯ เพราะเกรงจะไม่ปลอดภัย และการลงพื้นที่ติดป้ายประกาศอุทยานฯ ก็ไม่ได้รับการยอมรับจากเจ้าของส่วนใหญ่จะปิดประตูรั้วประตู้บ้าน และมีบ้างที่เข้ามาต่อว่าด่าทอเจ้าหน้าที่ แต่ถือเป็นเรื่องธรรมดาเจ้าหน้าที่เราต้องทำตามหน้าที่และทุกคนยังมีกำลังใจในการทำงานเพื่อปกป้องผืนป่าอย่างเต็มที่ต่อไป”
ด้านนายประเสริฐ วิศิษฐจินดา ปฎิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงการดำเนินการในส่วนของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.)ว่า ล่าสุดคณะทำงานแก้ไขปัญหาวังน้ำเขียวประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.นครราชสีมาและส่วนกลางรวม 16 นายได้ลงพื้นที่ตรวจสอบการใช้ประโยชน์ที่ดิน ส.ป.ก.ไปแล้วกว่า 300 แปลงในจำนวนนี้พบมีการนำไปใช้ประโยชน์ที่ผิดวัตถุประสงค์โดยสร้างเป็นรีสอร์ตชัดเจน 13 แห่ง ซึ่งได้แจ้งทั้งเจ้าของพื้นที่เดิมและเจ้าของรีสอร์ตมาชี้แจงภายใน 15 วันแล้วและยังมีพื้นที่ของเกษตรกรที่ใช้ผิดวัตถุประสงค์อีกประมาณ 18 ราย ได้เรียกมาชี้แจงเช่นกันและ ให้แก้ไขปรับปรุง ภายใน 60 วัน หากไม่ดำเนินการจะเข้าสู่การเพิกถอนสิทธิ ยึดคืนพื้นที่ต่อไป
"ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทำงานกันค่อนข้างลำบาก เนื่องจากไม่ได้รับความร่วมมือในการให้ข้อมูลจากชาวบ้านในพื้นที่ จึงต้องปรับแผนทำงานใหม่ โดยมุ่งไปที่การตรวจสอบรีสอร์ตที่เหลืออีกประมาณ 12 แห่งในจำนวนทั้งหมด 25 แห่งที่มีการใช้ประโยชน์พื้นที่ผิดวัตถุประสงค์อย่างชัดเจนในส่วนอื่นจะทยอยดำเนินการตรวจสอบไปให้ครบทั้ง 6,412 ราย"
ส่วนกรณีรีสอร์ตโพธิ์คำดรากอนฮิลล์ ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว ที่เพิ่งเปลี่ยนชื่อเป็น“โกลด์เมาท์เทน วังน้ำเขียว”รีสอร์ตหรูขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 500-600 ไร่ของนางปราณี เนียมสูงเนิน ลูกสาวนายประนอม โพธิ์คำ ส.ส.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย(ภท.)อยู่ในพื้นที่ ส.ป.ก.หรือไม่นั้น นายประเสริฐ กล่าวว่า รีสอร์ตดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่ ส.ป.ก.ที่กรมป่าไม้มอบให้ ส.ป.ก.นำไปจัดสรรให้กับเกษตรกร แต่เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นเนินเขาทาง ส.ป.ก.จึงไม่ได้จัดสรรให้เกษตรกรเข้าไปใช้ประโยชน์ ซึ่งรีสอร์ตดังกล่าวเป็น 1 ใน 25 แห่ง ที่จะต้องถูกตรวจสอบเช่นกัน
นายชุณห์ ศิริชัยคีรีโกศล ส.อบจ.เขต อ.วังน้ำเขียว กล่าวถึงการเคลื่อนไหวภาคประชาชนชาววังน้ำเขียวว่า ยังคงเดินหน้าล่ารายชื่อ 50,000 รายชื่อเพื่อเสนอแก้ไขกฎหมาย 3 ฉบับประกอบด้วย พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504,พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 และ พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะสรุปผลในวันศุกร์ 12 ส.ค.นี้ ก่อนเสนอยื่นต่อรัฐบาลใหม่ ดำเนินการแก้ไขต่อไป
ส่วนที่มีข่าวเรื่องนายทุนลงขันกันเพื่อหวังปองรายหัวหน้าอุทยานฯนั้น ตนในฐานะตัวแทนประชาชนในพื้นที่ยืนยันว่าไม่มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นแน่นอน 1,000% ชาวบ้านกับเจ้าหน้าที่รัฐยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ในวันที่ 13 ส.ค.นี้ ทางอุทยานแห่งชาติทับลาน ยังขอความร่วมมือให้จัดชาวบ้านไปร่วมปลูกป่าในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว ซึ่งเราก็ยินดีให้ความร่วมมืออยู่แล้ว
