xs
xsm
sm
md
lg

จับตา “วังน้ำเขียว โมเดล” เดือด ! ปล่อยผีนายทุนฮุบป่าครั้งใหญ่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ป้ายชื่อสารพัดบ้านพัก รีสอร์ต บริเวณปากทางเข้าถนนหมายเลข 3052 สายวังน้ำเขียว-เขาใหญ่ มุ่งสู่ เขาแผงม้า อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
ศูนย์ข่าวนครราชสีมา

การบุกรุกยึดครองพื้นที่ป่าเขา อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา คาบเกี่ยว อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี เป็นปัญหาซับซ้อนสั่งสมมานานกว่า 10 ปี โดยเฉพาะช่วง 3-5 ปี หลังนี้บรรดาเศรษฐี กลุ่มนายทุน นักการเมืองใหญ่น้อย บิ๊กข้าราชการ ตำรวจ ทหาร และผู้มีอิทธิพล ต่างพาเหรดเข้าไปซื้อขายที่ดินและทุ่มทุนก่อสร้างผุดรีสอร์ต บ้านพักตากอากาศหรู โฮมสเตย์ และไร่สวนฟาร์มเกษตรรูปแบบต่างๆ กันเป็นดอกเห็ดกว่า 500 แห่ง รวมกว่า 10,000 ห้อง ท่ามกลางการโหมโปรโมต “วังน้ำเขียว” ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักแห่งใหม่ของโคราชกันขนานใหญ่

ปฏิบัติการภาครัฐประโคมข่าวรุกเชือดกลุ่มนายทุนบุกรุกป่าวังน้ำเขียวและถูกตอบโต้จากกลุ่มผู้เสียประโยชน์อย่างดุเดือดอยู่ในขณะนี้ น่าจับตาอย่างยิ่งว่า “วังน้ำเขียว โมเดล” จะเป็นต้นแบบของการแก้ปัญหา หรือ เป็นเพียงมวยล้มต้มคนดูนำไปสู่การสร้างความชอบธรรมให้นายทุนยึดครองป่าครั้งใหญ่อย่างถูกกฎหมาย

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า อ.วังน้ำเขียว ทั้ง 5 ตำบล 83 หมู่บ้าน ประชากร 41,636 คน (ปี 2552) นั้น มีพื้นที่ทั้งอำเภอประมาณ 7 แสนไร่ สภาพทั่วไปส่วนใหญ่เป็นภูเขา ป่าต้นน้ำ เนินเขาสูงและที่ลาดชัน โดยแบ่งเป็นพื้นที่ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ของ ส.ป.ก. มากที่สุด 241,018 ไร่ รองลงมาคือเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน พ.ศ. 2524 จำนวน 220,625 ไร่ ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวง พ.ศ. 2516 จำนวน 193,050 ไร่ รวมทั้งเขตป่าสงวนฯ โซน C มอบให้ ส.ป.ก.เพื่ออนุรักษ์ 7,000 ไร่ - แนวเขตห้ามล่าสัตว์เขาแผงม้า 5,000 ไร่ และ พื้นที่หนังสือสำคัญของกรมที่ดิน 9, 318 ไร่

เห็นได้ว่า อ.วังน้ำเขียว เกือบทั้งหมดเป็นพื้นที่ ส.ป.ก. , อุทยานแห่งชาติ และ ป่าสงวนแห่งชาติ ส่วนที่ดินที่มีเอกสารสิทธิของกรมที่ดิน มีเพียง 9,000 กว่าไร่ หรือ ประมาณ 5 % เท่านั้น และ ล้วนอยู่ในเขต ต.อุดมทรัพย์ ซึ่งเป็นตำบลเดียวที่ตั้งอยู่พื้นที่ด้านล่างภูเขา ส่วนอีก 4 ตำบลตั้งอยู่พื้นที่บนเขา ข้อมูลเจ้าหน้าที่ป่าไม้ระบุว่า มีเพียงรายเดียวที่มีเอกสารสิทธิเป็นโฉนดและไม่ทราบว่าโผล่มาได้อย่างไร คือ รีสอร์ต “วังน้ำเขียววิว”

ฉะนั้นปัญหาการบุกรุกป่า อ.วังน้ำเขียว ที่เป็นข่าวอื้อฉาวสับสนวุ่นวายกันอยู่ในเวลานี้ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มปัญหาหลัก คือ การบุกรุกป่าเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน พ.ศ. 2524 , การบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวง พ.ศ. 2516 และ การเปลี่ยนมือหรือใช้ประโยชน์ที่ดิน ส.ป.ก. ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์เพื่อเกษตรกรรม

เดือดลงขันฆ่า หน.อุทยานฯ ทับลาน

ทั้ง 3 กลุ่มปัญหาดังกล่าว “อุทยานแห่งชาติทับลาน” ถือเป็นหน่วยงานที่ดำเนินการเป็นรูปธรรมมากที่สุดภายใต้โครงการ “คืนผืนป่าให้แผ่นดิน” ด้วยการนำบัญชีการบุกรุก ยึดถือครอบครองเขตพื้นที่เขตอุทยานฯ เดิม ที่จับกุมดำเนินคดี ตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา รวม 105 ราย แบ่งเป็นมีสิ่งปลูกสร้าง 50 ราย ไม่มีสิ่งปลูกสร้าง 55 ราย รวมเนื้อที่ 4,274 ไร่ มาลงมือปฏิบัติการเชือด ล็อตใหญ่
“โกลด์เมาท์เทน วังน้ำเขียว” รีสอร์ตหรูบนเขา พื้นที่ ส.ป.ก. กว่า 500-600 ไร่ ของลูกสาว นายประนอม โพธิ์คำ ส.ส. นครราชสีมา พรรค ภูมิใจไทย
นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน นำ ชุดเจ้าหน้าที่ลุยติดป้ายคำสั่งอุทยานแห่งชาติ ให้เจ้าของรีสอร์ต บ้านพักหรู รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างตามอำนาจ มาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 ออกจากเขตอุทยานฯ ชนิดไม่ไว้หน้าใคร แม้จะถูกกลุ่มผู้เสียประโยชน์ดิ้นรนตอบโต้ทั้งการโทรศัพท์ข่มขู่ และ มีกระแสข่าวกลุ่มนายทุนรีสอร์ต ลงขันวางแผนปองร้ายถึงขั้นเอาชีวิตหัวหน้าอุทยานฯทับลาน ลือสะพัดไปทั่วตลาดวังน้ำเขียว

ล่าสุดไล่ติดป้ายสั่งรื้อถอนไปแล้ว 2 ชุด รวม 25 ราย โดยเฉพาะชุดแรก 15 แห่ง ล้วนเป็นรายใหญ่บุกรุกยึดครองพื้นที่และมีสิ่งปลูกสร้างรีสอร์ตที่พักและบ้านพักตากอากาศหรูอยู่จำนวนมาก เช่น บ้านไร่กฤษวรรณ รีสอร์ต ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว พื้นที่ 18 ไร่ จำนวน 17 หลัง , ไร่ทองทับลาน ต.ห้วยใหญ่ อ.วังน้ำเขียว พื้นที่ 345 ไร่ จำนวน 3 หลัง , ไร่ทะเยอทะยาน ต.อุดทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว พื้นที่ 208 ไร่ จำนวน 2 หลัง ,กระทิงคันทรีวิว ต.อุดมทรัพย์ พื้นที่ 174 ไร่ จำนวน 87 หลัง ,บ้านกุลละวณิชย์ ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว 79 ไร่ จำนวน 19 หลัง และ บ้านผางามรีสอร์ท ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี พื้นที่ 38 ไร่ จำนวน 21 หลัง เป็นต้น

นักการเมือง-นายทุนปลุกม็อบต้าน

ขณะที่ปัญหาการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวง ซึ่งมีพื้นที่ใน เขต อ.วังน้ำเขียว ประมาณ 1.9 แสนไร่ กรมป่าไม้ ประเดิมตั้งเป้าเชือดรีสอร์ต บ้านพักตากอากาศ ฮุบป่าสงวนฯ บริเวณ “เขาแผงม้า” จำนวน 22 แห่ง เป็นล็อตแรก จากทั้งหมดข้อมูลการสำรวจในปี 2547-2548 พบ มีการบุกรุก 428 ราย จำนวน 590 แปลง รวมเนื้อที่ 6,051 ไร่

สำหรับล็อต แรก 22 ราย มีรีสอร์ตของนายทุนรายใหญ่ชื่อดังอยู่หลายแห่ง เช่น บ้านภูน้ำรินอิงเขาใหญ่ ,บ้านระเบียงดาว , บ้านบุหงาส่าหรี , รีสอร์ตภูภพดาว ,รีสอร์ตอิงกมล ,ครัวอิ่มสุข ,บ้านภูหลวง และ ภูธาราฟ้ารีสอร์ต เป็นต้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนยื่นขอหมายศาลเพื่อเข้าตรวจค้นและแจ้งความดำเนินคดี ให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากเขตป่าสงวนแห่งชาติ

วันที่ 9 ส.ค. ชุดเฉพาะกิจปราบปรามการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนฯ ที่มี “นายเริงชัย ประยูรเวช” รองอธิบดีกรมป่าไม้เป็นประธาน จะลงพื้นที่ตั้งกองบัญชาการ อยู่ที่ สถานีวนวัฒนวิจัยสะแกราช ทางหลวงหมายเลข 304 กบินทร์บุรี-นครราชสีมา เพื่อดำเนินการบ้านพักและรีสอร์ต ทั้ง 22 ราย ท่ามกลางการปลุกระดมมวลชนประชาชนในพื้นที่ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านต่อต้านอย่างต่อเนื่อง

แม้แต่ “นายระพี ผ่องบุพกิจ” ผู้ว่าฯ นครราชสีมา เองต้องออกมาแฉว่า กลุ่มเหล่านี้มีกลุ่มนายทุน นักการเมือง และผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลังใช้ชาวบ้านเป็นเครื่องมือ จ้องเล่นแรงถึงขั้นปิดล้อมทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐ และยกแรก ได้ระดมนำมวลชนปิดถนนสายยุทธศาสตร์ 304 ราชสีมา - กบินทร์บุรี ไปแล้ว เมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา
ม็อบชาว อ.วังน้ำเขียว เดือด ปิดถนนสายยุทธศาสตร์หมายเลข 304 พร้อมล่าชื่อแก้กม. 3 ฉบับ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา
รีสอร์ต ส.ส.ดัง ผุดในที่ ส.ป.ก. ชัดเจน

ทางด้าน สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ดูเหมือนจะเป็นหน่วยงานที่ขยับตัวช้ากว่าใครเพื่อนและมีท่าทีปรองดองกับผู้บุกรุกเป็นพิเศษ จากข้อมูล ส.ป.ก.นครราชสีมา ระบุว่า ได้รับมอบพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมจากกรมป่าไม้เพื่อนำมาจัดสรรให้เกษตรกรในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว ทั้งสิ้น 241,018 ไร่ ปัจจุบันดำเนินการปฏิรูปที่ดินและออกเอกสารที่ทำกิน ส.ป.ก. 4-01 มอบให้แก่เกษตรกรแล้ว 6,412 ราย รวม 139,300 ไร่

จากการตรวจสอบเบื้องต้นมีการใช้ประโยชน์ที่ดิน ส.ป.ก. ผิดวัตถุประสงค์ โดยนายทุนบุกรุกสร้างรีสอร์ต บ้านพักจำนวน 25 แห่ง เช่น รีสอร์ต ภูธารฟ้า , ไร่มิตรแท้ ,ภูน้ำอิงฟ้า & รีสอร์ท ,วังน้ำเขียวลอร์ด , กระท่อมหินรีสอร์ท ,บ้านไร่ปลายตะวัน รวมทั้ง “โพธิ์คำดรากอนฮิลล์” รีสอร์ต หรู ตั้งอยู่บนยอดเขากว่า 500-600 ไร่ ของ “ปราณี เนียมสูงเนิน” ลูกสาว นายประนอม โพธิ์คำ ส.ส. นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย และเป็นภรรยา รองนายก อบจ.นครราชสีมา ที่ล่าสุดเปลี่ยนชื่อเป็น “โกลด์เมาท์เทน วังน้ำเขียว” เป็นต้น

ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตรวจพบหลักฐานชัดเจนว่ามีรีสอร์ตเข้ามาผุดอยู่ในพื้นที่ ส.ป.ก. แล้วจำนวน 17 แห่ง และได้ทำหนังสือแจ้งให้เจ้าของรีสอร์ตทั้ง 17 ราย มาชี้แจงข้อมูล เกี่ยวกับการถือครองที่ดินภายใน 15 วัน พร้อมแจ้งไปยังเกษตรกรที่ได้รับสิทธิการถือครองที่ดิน แต่มีรีสอร์ตเข้าไปตั้งอยู่ ให้แก้ไขปรับปรุงพื้นที่ให้กลับมาใช้ประโยชน์ด้านการเกษตร ภายใน 60 วัน หากไม่ดำเนินการจะเข้าสู่การเพิกถอนสิทธิ

นักการเมือง ตัวการซื้อขายป่าวังน้ำเขียว

สาเหตุการบุกรุกป่า อ.วังน้ำเขียว และอุปสรรคในการแก้ปัญหา หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างได้ข้อสรุปตรงกันว่า ผู้บุกรุกยึดครองพื้นที่ป่าส่วนใหญ่เป็นนายทุน นักการเมืองและผู้มีอิทธิพลในสังคม ทำให้ยากต่อการป้องกันและแก้ปัญหา , ปัญหาความไม่ชัดเจนและทับซ้อนของแนวเขตระหว่างป่าสงวนแห่งชาติฯ , ส.ป.ก. , อุทยานฯ ทับลาน และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คือ อบต. ยังออกเอกสารจัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่ (ภบท.5) ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ , อุทยานแห่งชาติ และ ส.ป.ก. ทำให้ เกิดการยึดถือเป็นเอกสารในการซื้อ-ขาย ทั้งที่ไม่สามารถทำได้ ตาม ม. 6 แห่ง พ.ร.บ.ภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ. 2508

“ภบท. 5” กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการปั่นราคาและซื้อ-ขายที่ดินวังน้ำเขียว กันอย่างมโหฬาร ของกลุ่มนักการเมืองระดับชาติและท้องถิ่นในพื้นที่ ทั้ง ส.ส. ชื่อย่อ “ป.” , ส.อบจ. ชื่อย่อ “ช.” และ บรรดาฝ่ายบริหาร อบต. ใน อ.วังน้ำเขียว ที่มีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงเป็นเครือข่ายกัน ประกอบกับความหวังจะได้รับการยกระดับเป็นพื้นที่พิเศษด้านการท่องเที่ยว ยิ่งทำให้บุกรุกซื้อขายที่ดิน อ.วังน้ำเขียว รุนแรงมากขึ้น

จับตา“เผาไทย”ปล่อยผีนายทุนฮุบป่า

อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญ หลายฝ่ายต่างเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดว่า การแก้ปัญหาบุกรุกป่า อ.วังน้ำเขียว ที่ภาครัฐคาดหวังให้เป็น “วังน้ำเขียว โมเดล” เพื่อเป็นต้นแบบแก้ปัญหาทั่วประเทศ นั้น สุดท้ายจะกลายเป็น “โมเดล ปล่อยผี” เปิดทางให้บรรดาเศรษฐีนายทุน และผู้มีอิทธิพล เข้ายึดครอบครองป่าได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายครั้งใหญ่หรือไม่
ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบการเช่า หรือ อาศัยช่อง พ.ร.บ.ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม มาตรา 30 วรรค 5 และ ประกาศกระทรวงเกษตรฯ ข้อที่ 1.5 เกี่ยวกับกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับเกษตรกรรม รวมถึงการแก้กฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

อันสอดคล้องกับข้อเสนอของกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว , นายทุนรีสอร์ต และกลุ่มม็อบวังน้ำเขียว ที่มุ่งมั่นเรียกร้องนโยบาย กำหนด อำเภอวังน้ำเขียวเป็นพื้นที่พิเศษด้านการท่องเที่ยว อีกทั้งยังล่ารายชื่อแก้กฎหมาย 3 ฉบับ คือ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 , พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 และ พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518 เตรียมผลักดันให้รัฐบาลใหม่ “เผาไทย” เสกฝันให้เป็นจริง ซึ่งถือเป็นความหวังยิ่งของกลุ่มทุนฮุบป่าอยู่ในขณะนี้ !
กำลังโหลดความคิดเห็น