xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

พจมาน ณ ป้อมเพ็ชร์ จอมนางกระบังหลวง ซูสีไทเฮาแห่งครม.ปู 1

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ณ ห้วงเพลานี้ ทั้งเบื้องสูงและเบื้องต่ำของพรรคเพื่อไทยก็ได้รับรู้ถึง “สัญญาณพิเศษ” ว่า อีกหนึ่งผู้มีอำนาจตัวจริงของพรรคที่สามารถชี้เป็นชี้ตาย สั่งให้ซ้ายหันขวาหัน และรับประกันความชัวร์ได้ในทุกกรณีโดยไม่จำเป็นต้องนั่งเครื่องบินไปถึงดูไบก็คือ “นางพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร์” อดีตภรรยาของ นช.ทักษิณ ชินวัตร ที่แม้จะหย่าขาดในทางกฎหมาย แต่ในทางพฤตินัย “หญิงอ้อ” ยังทรงความเป็นผู้มีบารมีที่อดีตสามีจำต้องเชื่อฟังชนิดที่ไม่อาจปฏิเสธได้

แน่นอน การจัดสรรโควตาคณะรัฐมนตรี รวมถึงตำแหน่งสำคัญๆ ในรัฐบาล “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เที่ยวนี้ น้องปูก็จำต้องรับคำบัญชาจากพี่อ้อเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา

และประกาศิตแรกที่ออกมาจากหญิงอ้อแห่งวังจันทร์ส่องหล้าก็คือ การล็อบบี้ให้ “รองโรมานอฟ-พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย” ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อถอนตัวจากการชิงตำแหน่งประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ด้วยข้ออ้างเรื่องความปรองดองอันเป็นผลมาจากการที่ พ.อ.อภิวันท์มีภาพลักษณ์ความรุนแรงจากการขึ้นเวทีเสื้อแดง ซึ่งนั่นก็ส่งผลให้ “ขุนค้อน-นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์” ส.ส.ขอนแก่น ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นที่เรียบร้อยโรงเรียนอ้อแล้ว

และแม้จะมีข่าวเรื่องความเห็นที่ไม่ตรงกันในการจัดโผคณะรัฐมนตรีระหว่างคุณหญิงพจมานกับอดีตสามีชื่อทักษิณจนต้องลงทุนบินไปเคลียร์ถึงดูไบ แต่ก็เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ด้วยความเกรงอกเกรงใจอดีตภรรยาที่ยังคงเสมอต้นเสมอปลาย นช.ทักษิณก็มิอาจปฏิเสธคำร้องขอจากคุณหญิงพจมานได้

ด้วยเหตุดังกล่าว คุณหญิงพจมานในวันนี้จึงมีสถานภาพที่ไม่ต่างอะไรจาก “ซูสีไทเฮา” ที่สามารถชี้ชะตาความเป็นไปของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ชนิดที่ไม่อาจกระพริบตาได้เลยทีเดียว

**จันทร์ส่องหล้าชัวร์ไม่แพ้ดูไบ

แม้ในทางนิตินัยคุณหญิงพจมานจะหย่ากับ นช.ทักษิณเมื่อปลายปี 2551 และกลับมาใช้นามสกุลเดิมของนางพจนีย์ผู้เป็นมารดาคือ “ณ ป้อมเพ็ชร์” แทน “ชินวัตร” แต่ก็เป็นที่รับรู้กันว่า นั่นเป็นเพียงการหย่าเพื่อหวังผลทางคดีความและทรัพย์สมบัติ หากทว่าความสัมพันธ์ บารมีและความมีอำนาจที่มีอยู่ในตัวคุณหญิงพจมานซึ่งมีต่อ นช.ทักษิณที่เคยมีมาในอดีตเป็นเช่นไร ในปัจจุบันก็ยังคงสภาพเดิมอย่างไม่เปลี่ยนแปลง

ยังคงเป็น “นายหญิง” ของคนพรรคเพื่อไทยที่ทรงอิทธิพลและบารมียิ่ง

ไม่ว่าจะเป็นความทรงอิทธิพลที่มีต่อตัวของ นช.ทักษิณ ชินวัตร หรือแม้กระทั่งตัวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

เพราะความสำเร็จของ นช.ทักษิณที่เกิดขึ้นได้ในทุกวันนี้นั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่า คุณหญิงพจมานเป็นผู้มีส่วนผลักดันที่สำคัญที่สุด

คุณหญิงพจมานคือบุคคลที่ นช.ทักษิณมักเอ่ยอ้างถึงเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับครอบครัวที่คุณหญิงพจมานรับบทบาท ”แม่” รวมถึงบทบาทการเป็นนักธุรกิจหญิงที่คอยช่วยแก้ไขปัญหาเมื่อธุรกิจประสบปัญหา และการวางรากฐานธุรกิจกลุ่มชินคอร์ปอเรชั่นให้เข้มแข็งจนสามารถขายหุ้นให้กับกลุ่มเทมาเส็ก รับเงินสดๆ 73,000 ล้านบาท มาเก็บไว้ในคลังของครอบครัว และระหว่างเส้นทางชีวิตความเป็นนักการเมือง

ทั้งนี้ คนใกล้ตัวแล้วต่างประสานเป็นเสียงเดียวกันว่าคุณหญิงพจมาน คือผู้ที่มีบทบาทสูงยิ่งต่อชีวิตของ นช.ทักษิณ นั่นหมายถึงว่า ด้วยตำแหน่งหน้าที่ของ นช.ทักษิณ จะใช้อำนาจไปทางใด ย่อมมีคุณหญิงพจมานอยู่เบื้องหลัง

“คุณหญิงพจมาน ชินวัตร นายหญิงเหนือนายใหญ่”
ดังนั้น คงจะไม่แปลกอะไรนักถ้าจอมนางแห่งวังจันทร์ส่องหล้าผู้นี้จะเข้ามามีบทบาทในการจัดตั้งและส่งคนเข้านั่งเก้าอี้รัฐมนตรี รวมถึงตำแหน่งสำคัญๆ ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ 1

บทพิสูจน์ที่เห็นชัดเจนยิ่งก็คือ การที่คุณหญิงพจมานไม่เห็นด้วยกับการที่อดีตสามีต้องการให้แกนนำเสื้อแดงบางคนได้รับตำแหน่งคณะรัฐมนตรีในครม.ยิ่งลักษณ์ 1 รวมทั้งเปิดโอกาสให้กลุ่มทุน นายทุน มาดำรงตำแหน่งส่วนหนึ่ง เนื่องเพราะคุณหญิงพจมานต้องการให้ภาพของคณะรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ 1 ที่ออกมามีภาพลักษณ์ดี เน้นความปรองดองและต้องการให้ นช.ทักษิณเดินทางกลับประเทศไทยได้ง่ายขึ้น ดังนั้น จึงมีบัญชาการให้ “นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์” พี่ชายบุญธรรมหิ้วโผที่ตัวเองต้องการขึ้นเครื่องบินไปเจรจากับ นช.ทักษิณที่นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ทั้งนี้ ถ้าหากตรวจสอบรายชื่อตัวเต็งที่ปรากฏชื่อเป็นรัฐมนตรีในเก้าอี้ต่างๆ นั้น จะเห็นได้ว่า มีสายตรงหรือ “เด็กในคาถา” ของคุณหญิงพจมานเดินเพ่นพล่านให้เห็นจนละลานตา

ทั้ง จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ พิชัย นริพทะพันธุ์, คณวัฒน์ วศินสังวร, วิกรม คุ้มไพโรจน์, นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล, กิตติรัตน์ ณ ระนอง, ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ฯลฯ

เริ่มจากเต็งจ๋ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานที่นอนมาตั้งแต่ต้นจนจบที่ชื่อ “นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ”

กล่าวสำหรับนายจารุพงศ์นั้น ต้องบอกว่ามีเส้นทางการเติบโตที่ไม่ธรรมดาเพราะจากตำแหน่งรองปลัดกทม. นายจารุพงศ์ก็ได้รับการย้ายข้ามห้วยมานั่งนั่งรองปลัดกระทรวงการพัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และถัดมาปีเดียวก็ขยับขึ้นไปเป็นปลัดกระทรวงแรงงาน ก่อนที่จะปิดท้ายเกษียณอายุราชการในตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเส้นทางการเติบใหญ่ของนายจารุพงศ์ที่พรวดพลาดข้ามห้วยราวกับชีวิตในเทพนิยายนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่า มีผลมาจากแรงหนุนของจอมนางแห่งวังจันทร์ส่องหล้าเป็นสำคัญ

และด้วยแรงหนุนดังกล่าวทำให้นายจารุพงศ์ก้าวขึ้นไปเป็นเลขาธิการพรรคเพื่อไทยในยุคที่พรรคตกต่ำถึงขีดสุดด้วยการร้องขอจากคุณหญิงพจมาน ท่ามกลางสถานการณ์ในขณะนั้นที่ไม่มีใครอยากนั่งเก้าอี้กรรมการบริหารพรรค รวมทั้งเลขาธิการพรรคเนื่องจากกลัวลูกหลงจากคดียุบพรรค

กลายเป็นเลขาธิการพรรค ทั้งๆ ที่ ส.ส.ส่วนใหญ่ไม่มีใครรู้จัก หลายคนยังไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนด้วยซ้ำ

และสิ่งที่ยืนยันความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างนายจารุพงศ์กับคุณหญิงพจมานและนช.ทักษิณได้เป็นอย่างดีคือ การที่เขาได้รับความไว้วางใจให้ควบอีกตำแหน่งหนึ่งคือ “ผู้จัดการรัฐบาล” ด้วย

ดังนั้น เก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานจึงมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ได้ว่า จะไม่พลิกจากชายชื่อจารุพงศ์ เรืองสุวรรณอย่างแน่นอน โดยภารกิจสำคัญที่ถือเป็นเผือกร้อนที่รออยู่เบื้องหน้าก็คือ การขับเคลื่อนนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันและเงินเดือนผู้จบปริญญาตรี 15,000 บาทให้กลายเป็นความจริง

ส่วนอีกคนหนึ่งที่มีชื่อติดโผตลอดและรู้กันในพรรคว่า เป็นคนใกล้ชิดและคุณหญิงพจมานเชื่อมือมาก นั่นก็คือ “นายคณวัฒน์ วศินสังวร” รองหัวหน้าพรรค ที่มีชื่อปรากฏในตำแหน่งรัฐมนตรีหลายกระทรวงด้วยกัน ทั้ง รมว.ไอซีที-รมช.คลัง-รมช.ศึกษาธิการ-ต่างประเทศ

เหตุเพราะทำงานให้พรรคหลายเรื่องทั้งเรื่องนโยบายด้านไอที-เป็นคนคอย ดูแลแขกต่างประเทศให้กับพรรคเพื่อไทยเช่นเอกอัครราชทูต ผู้ช่วยทูตของประเทศต่างๆ ที่มายังพรรคเพื่อไทยในทุกกรณี เช่นมาแสดงความยินดีกับน.ส.ยิ่งลักษณ์หรือ มาแลกเปลี่ยนพูดคุยเรื่องการเมืองในช่วงก่อนการเลือกตั้ง เพื่อไทยก็จะส่งนายคณวัฒน์คนนี้ไปดูแล

ทั้งนี้ แม้บางคนในพรรคยังมองว่าอาวุโสยังไม่ถึง ไม่เคยเป็น ส.ส. ไม่มีบทบาทในเรื่องการเลือกตั้ง ไม่มีกลุ่ม ส.ส.หนุนหลัง แต่จุดอ่อนที่ยกมาขวางอาจหมดไปทันที หากได้ “ตั๋วหญิงอ้อ” สั่งเข้ามา

ส่วนคนอื่นๆ ก็ยังมีอีกหลายคนที่ได้แรงหนุนจากคุณหญิงพจมาน อาทิ “เสี่ยแดง” นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมช.คลัง ที่แม้เจ้าตัวไม่เคยแพร่งพรายให้ใครรู้ว่าสนิทสนมเป็นคนในของหญิงอ้อ แต่การที่คุณหญิงพจมานเคยเข้าไปเยี่ยมพิชัยถึงห้องพักในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งตอนที่นายพิชัยเข้าโรงซ่อม ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าคุณหญิงพจมานให้ความสำคัญกับ “เสี่ยแดง” อย่างมากในฐานะทั้งนายทุนพรรค-มือทำงานเศรษฐกิจและนโยบายของพรรคเพื่อไทย

ทำให้ทุกโผ ครม.จะโผไหนต่อโผไหน ชื่อของนายพิชัยที่ไม่เคยหลุดหาย เพียงแต่ยังไม่นิ่งว่าจะเป็นที่ไหน จะ รมช.คลังเหมือนเดิม หรือจะ รมว.ไอซีที หรือ รมช.พาณิชย์

กล่าวสำหรับนายพิชัยนั้น สามารถกล่าวได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า คือคนของบ้านจันทร์ส่องหล้าตัวจริง ซึ่งที่ผ่านมามีบทบาทในเชิงเปิดหน้าทางการเมืองมาโดยตลอดในฐานะนายทุนพรรค โดยจากการรายงานยอดเงินบริจาคพรรคการเมืองของสำนักงานคณะกรรมการการเลือก ตั้ง (กกต.) ในปี 2552-2553 มียอดบริจาคคนเดียวมากถึง 12 ล้านบาท

แม้อาจจะดูว่าน้อยกว่านายทุนพรรคของพรรคอื่นๆ แต่อย่าลืมว่าเขาเป็นนายทุนให้พรรคเพื่อไทยในยุคที่นายทุนอื่นๆ ไม่กล้าสนับสนุนพรรคเพื่อไทยอย่างเปิดเผย ดังนั้น ที่ผ่านมานายพิชัยจึงได้รับตำแหน่งอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังในรัฐบาลของ สมัคร สุนทรเวช และเป็นคณะทำงานทีมเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย

นอกจากนี้ ในขณะช่วงหาเสียงเลือกตั้งปี 2554 นายพิชัยยังได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ดำเนินการปราศรัยนโยบายตามเวทีสาธารณะต่างๆ อีกด้วย

ส่วนอีกคนหนึ่งที่ต้องบอกว่า เป็นคนใกล้ชิดกับคุณหญิงพจมาน รวมถึง นช.ทักษิณไม่แพ้คนอื่นก็คือ “นายวิกรม คุ้มไพโรจน์ อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร โดยนายวิกรม มักเป็นแขกวีไอพีขาประจำของบ้านพัก นช.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ที่ประเทศอังกฤษ ในช่วงที่ นช.ทักษิณยังไม่ถูกสหราชอาณาจักรถอนวีซ่าห้ามเข้าประเทศและเป็นเจ้าของสโมรสรแมนเชสเตอร์ซิตี้ที่

ทั้งนี้ นายวิกรมคือหนึ่งในกรรมการบริหารสโมสร ซึ่งดีลซื้อทีมเรือใบสีฟ้าและฟันกำไรให้ นช.ทักษิณจำนวนมากก่อนถูกห้ามเข้าอังกฤษ ก็ย่อมเป็นเรื่องพอใจของคุณหญิงพจมานด้วยแน่นอน ดังนั้น เก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจึงย่อมไม่หนีไปจากชื่อยานวิกรมอย่างแน่นอน

เช่นเดียวกับ นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตประธาน กรรมการบริหาร บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) รองประธานกรรมการบริหาร บริษัทในเครือ ชินคอร์ปอเรชั่น (ชินคอร์ป) รับผิดชอบด้านภาพลักษณ์ และกิจกรรมสัมพันธ์ อีกหนึ่งสายตรง นช.ทักษิณ-คุณหญิงพจมาน ที่ส่งมาเป็น ส.ส.เพื่อไทยและมีข่าวเตรียมลาออกเพื่อไปทำหน้าที่ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่เป็นเสมือนนายกฯ น้อย ให้กับครม.ยิ่งลักษณ์

นิวัฒน์ธำรงคือเป็นลูกหม้อของธุรกิจตระกูลชินวัตรมากว่า 20ปี แน่นอนว่าการเตรียมการเลือกตั้งรอบที่ผ่านมา นิวัฒน์ธำรงถูกส่งตัวมาให้เป็นพี่เลี้ยงดูแลด้านสื่อให้ ยิ่งลักษณ์ ขณะเดียวกันพี่เลี้ยงคนนี้ได้รับเลือกให้เป็นปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคเพื่อไทยแบบนอนมาในลำดับที่ 21 เพื่อเตรียมให้ขึ้นตำแหน่งสำคัญของรัฐบาลหากพรรคเพื่อไทยได้รับคะแนนเสียง เลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1 อยู่แล้ว

รายนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ ใครส่งเข้าประกวด ถ้าไม่ใช่บ้านจันทร์ส่องหล้า

ขณะที่ กิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยชินวัตร ที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ไว้ใจแค่ไหน

นอกจากนั้น จอมนางแห่งวังจันทร์ส่องหล้ายังมีอิทธิพลเหลือตำแหน่งแห่งหนอื่นๆ ที่สำคัญอีกด้วย ซึ่งนอกเหนือจากคำสั่งให้ พ.อ.อภิวันท์ ถอนตัวจากการท้าชิงเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้วที่เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนถึงความทรงอิทธิพลและบารมีของคุณหญิงพจมานแล้ว การได้รับตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ของ “นายเจริญ จรรย์โกมล” ก็มิอาจปฏิเสธได้เช่นกันว่า มาจากฝีมือของคุณหญิงพจมาน เนื่องด้วยเป็น ส.ส.จังหวัดชัยภูมิ บ้านเกิดของคุณหญิงพจมาน

“ดร.วิษณุ เครืองาม” อดีตเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร กล่าวถึงตัวตนของคุณหญิงอ้อเอาไว้ตอนหนึ่งในหนังสือ “โลกนี้คือละคร” อย่างน่าสนใจ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในราวเดือนสิงหาคมปี 2545 ที่ ดร.วิษณุมีโอกาสได้ไปรับประทานอาหารกับเพื่อนเรียน วปอ.รุ่น 399 รุ่นเดียวกันที่ชื่อบรรณพจน์ ดามาพงศ์ และดร.วิษณุได้ปรารภจุดแข็งจุดอ่อนของนายกฯ ทักษิณให้บรรณพจน์ฟังตามประสาคนรู้จักกันว่า....

“คุณบรรณพจน์กินไปฟังไป จดไป ไม่พูดไม่จา ซึ่งเป็นลักษณะนิสัยของท่านอยู่แล้ว....สามวันต่อมา คุณหญิงพจมานเชิญผมไปพบที่บ้าน กระดาษที่คุณบรรณพจน์จดไปวางอยู่ข้างหน้า คุณหญิงให้ผมวิจารณ์รัฐบาลให้ฟังอีกหนว่าใครเป็นอย่างไร นายกฯ เป็นอย่างไร ปัญหาในการทำงานมีอะไรบ้าง ที่ว่าไม่ค่อยฟังใครเช่นเรื่องอะไร ถ้าไม่ฟังแล้วจะเกิดอะไรขึ้น คณะที่ปรึกษาสิบคนที่ผมเสนอแนะนั้นผมรู้จักไหม ไว้ใจได้ไหม คุณหญิงถามอย่างคนไม่รู้ โดยไม่เสริมหรือออกความเห็นเสียเองแม้แต่ประโยคเดียว”

“มีคนเคยบอกผมว่า คุณหญิงพจมานเป็นคนฉลาดและที่จริงดุมาก ตอนแต่งงานใหม่ๆ คุณทักษิณทั้งกลัวทั้งเกรงใจ เรื่องพวกนี้จริงหรือไม่ ผมไม่ทราบ แต่ถ้าว่าถึงความฉลาดนุ่มนวลแล้ว ผมว่าจริง! ถ้าคุณทักษิณได้ความนุ่มนวลอย่างนี้มาสักครึ่ง บางทีลงท้ายจะไม่เป็นอย่างนี้”

เพราะฉะนั้น “ทักษิณที่ว่าแน่” ก็ยัง “แพ้พจมาน”และคำจำกัดความดังกล่าว ก็ยังคงเป็นนิยามที่อยู่ยั้งยืนยงตั้งแต่จนกระทั่งถึงปัจจุบัน เพราะในการจัดโผคณะรัฐมนตรีและการรับตำแหน่งสำคัญๆ ภายในรัฐบาลยิ่งลักษณ์หนึ่ง จอมนางแห่งวังจันทร์ส่องหล้าและน้องชายชื่อ “บรรณพจน์” ก็ยังคงมีบทบาทเข้มข้นและถึงลูกถึงคนเหมือนเดิมทุกประการ

และเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า การที่จอมนางแห่งวังจันทร์ส่องหล้าตัดสินใจเดินทางไปเจรจากับ นช.ทักษิณที่นครดูไบ หลังจากส่งนายบรรณพจน์หิ้วโผไปก่อนล่วงหน้าจะต้องจบลงด้วยดีอย่างไม่มีปัญหา เพราะขึ้นชื่อว่า เป็นคำร้องของคุณหญิงพจมานแล้ว มีหรือที่ นช.ทักษิณจะปฏิเสธได้

ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็บอกได้คำเดียวว่า โปรดเลิกโกหกว่า เป็นผู้มีอำนาจและสิทธิขาดในการจัดสรรตำแหน่งต่างๆ ในคณะรัฐมนตรีเสียที เพราะต่อให้อมพระมาพูด อมโบสถ์มาพูดหรืออมศาสนาทั้งศาสนามาพูดก็ไม่มีใครเชื่อ

**ประชา" คุมมั่นคง "ยุทธศักดิ์" กลาโหม- “ธีระชัย” คลัง

กล่าวได้ว่านี่เป็นโค้งสุดท้ายสำหรับการจัดสรรเก้าอี้คณะรัฐมนตรี ปู 1 และยิ่งเข้าใกล้โผ ครม.ปู1 ใกล้คลอดเข้ามาเพียงใด สภาวะฝุ่นตลบดูเหมือนจะยิ่งทวีความดุเดือด ไม่แพ้ช่วงที่ผ่านมาเสียด้วยซ้ำ เพราะทั้งบรรดาส.ส.เพื่อไทย แกนนำคนเสื้อแดง บางรายทนไม่ไหวพากันวิ่งพล่านไปหาผู้มีบารมีตัวจริงแห่งพรรคเพื่อไทย ทั้ง นช.ทักษิณ คุณหญิงพจมานกันจ้าละหวั่น เพื่อรับประกันตำแหน่งเสนาบดีในรัฐบาลที่ จะเป็นรูปเป็นร่างอีกภายในไม่กี่วันข้างหน้า

สำหรับตำแหน่งที่ดูเหมือนจะนิ่งและนอนมา ตามบัญชาของนายใหญ่และนายหญิง คงจะเป็นกระทรวงการต่างประเทศที่ช่วงแรกมีกระแสว่ายิ่งลักษณ์ ชินวัตร อาจจะได้ควบตำแหน่งนี้ไปด้วย แต่ถึงที่สุดแล้วหวยมาออกที่ชื่อของ "วิกรม คุ้มไพโรจน์" ดังที่สาธยายเอาไว้ในช่วงแรกถึงสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับทั้งนช.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ดังนั้น จึงเชื่อได้ว่า ชื่อของนายวิกรมนอนมาในตำแหน่งเจ้ากระทรวงบัวแก้วอย่างไร้คู่แข่ง

หันมาดูตำแหน่งสำคัญ อย่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งถือว่าเป็นเก้าอี้ที่ฝุ่นตลบที่สุด ใน ครม.ปู1 ครั้งนี้ เพราะคุณสมบัติสำคัญที่ นช.ทักษิณ ต้องการคือคอนเนกชันที่เชื่อมตรงไปถึงกองทัพได้ จนช่วงโค้งสุดท้ายก็ยังมีกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ต่อสายคุยกับ นช.ทักษิณ ในการวางตัวคนที่จะมานั่งตำแหน่งนี้ โดยเสนอชื่อ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

แต่ในโผท้ายสุดแล้ว เหลือแค่เพียงชื่อเดียวคือ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่เคยเป็นทั้งรองปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงกลาโหมและประธานคณะกรรมการโอลิมปิกไทย

ชื่อของ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ถูกทาบทามจัดวางให้นั่งเก้าอี้ รมว.กลาโหม นอนมาตลอดในช่วงโผ ครม. ใกล้ คลอดนี้ จนกระทั่งตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งกรรมการอิสระและประธานคณะกรรมการตรวจสอบ ของบริษัท ไดนาสตี้ เซรามิค แต่ก็เหมือนจะไม่ง่ายเสมอไป เมื่อล่าสุดได้ถูกแรงต้านอย่างแรงจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย กลุ่มเตรียมทหารรุ่นที่ 10 ข้อท้วงติงที่ออกมาก็คือ ไม่มีความสามารถในด้านความมั่นคง วิสัยทัศน์ไม่ดีพอ และไม่เคยช่วยเหลืองานในพรรค

ด้วยเหตุดังกล่าว สุดท้ายก็ต้องจับตาว่า ใครจะมานั่งตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม ที่ได้ชื่อว่าเป็นเก้าอี้ที่ นช.ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ดูจะปวดเศียรเวียนเกล้ามากที่สุด

สำหรับตำแหน่งที่มีความสำคัญยิ่งยวดไม่แพ้กันอย่าง รองนายกฝ่ายความมั่นคง น่าจะเป็นตำแหน่งที่ดูจะฝุ่นตลบน้อยกว่าตำแหน่งอื่น เพราะช่วงที่ผ่านมาจนมาถึงโค้งสุดท้าย ก็ปรากฏชื่อของ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 5 ซึ่งหากดูตามภาระหน้าที่แล้ว ก็คงไม่ผิดฝาผิดตัวมากนัก สำหรับอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน เพราะนายตำรวจมือปราบมีฉายาว่า "อินทรีอีสาน" เคยได้รับความไว้วางใจถึงขนาด ได้รับการสนับสนุนจากพรรคเพื่อไทยให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นคนต่อไป หลังนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ถูกเด้งออกจากตำแหน่งมาแล้ว รวมถึงปรากฏชื่อเป็นตัวเต็งนายกรัฐมนตรีก่อนที่นายใหญ่จะเคาะชื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์เสียด้วยซ้ำไป

ขณะที่เก้าอี้ใหญ่ อย่างกระทรวงมหาดไทย หากไม่มีการล็อกถล่มเกิดขึ้น คงจะเป็นนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่เคยเป็นถึงอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย อดีตอธิบดีกรมที่ดิน อดีตประธานกรรมการการไฟฟ้านครหลวง อดีตประธานกรรมการการประปานครหลวง อดีตประธานกรรมการตรวจสอบของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 2 สมัยคงจะไม่น่าพลาดด้วยประการทั้งปวง

แต่ก็ไม่แน่นักที่เก้าอี้ตัวนี้อาจจะตกเป็นของ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ที่ล่าสุดได้ตัดสินใจลาออกจากการเป็นกรรมการอิสระของบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) แจ้งว่า กรรมการอิสระ เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ซึ่งก็เป็นคาดหมายว่า พล.ต.อ.โกวิท เป็นหนึ่งในรายชื่อที่ได้รับการทาบทามให้ดำรงตำแหน่งในรัฐบาลชุดใหม่อย่างแน่นอน

ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการมหาดไทย หรือมท.2 และมท.3 นั้น หากนายยงยุทธได้นั่งเป็นเจ้ากระทรวง เก้าอี้ที่เหลืออาจจะตกไปเป็นของ นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข ส.ส.เลย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายสุพล ฟองงาม อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช

มาถึงตำแหน่งรัฐมนตรียุติธรรม ก็เรียกว่าฝุ่นตลบไม่แพ้กัน เพราะมีการเสนอแคนดิเดต เรียกได้ว่าชื่อกระฉ่อนอยู่หลายคน ซึ่งภารกิจสำคัญก็คือ การเข้ามาดูแลคดีความต่างๆ ของทักษิณ ชินวัตร ที่ยังค้างเติ่งไม่ได้รับการชำระอีกหลายคดีมากโขทีเดียว ชื่อบุคคลที่อยู่ในกระแสข่าวก็มีทั้ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย หรือจะเป็นนายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส. ยโสธร ซึ่งที่ผ่านมารับบทบาทเป็นฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย ก็มีชื่ออยู่ในโค้งสุดท้ายเช่นกัน

แต่ดูเหมือนว่า ชื่อของเป็ดเหลิมดูเหมือนว่า จะมีปัญหาและหลุดออกมาโผในช่วงโค้งสุดท้ายเช่นกัน ซึ่งก็คงต้องติดตามกันต่อไปไปว่า ท้ายที่สุดแล้วจะเป็นอย่างไร

ข้ามฝากมาทางสายเศรษฐกิจกันบ้าง ซึ่งเป็นส่วนงานที่ทักษิณให้ความสำคัญอยากมากในเรื่องหน้าตาของ ครม.ปู 1 เนื่องจากต้องเจอภารกิจหนักหน่วงในสัญญาขายฝันของ เจ๊ปู ที่ประกาศไว้ว่าจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ปรับเงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท ยกเลิกกองทุนน้ำมัน โดยรายชื่อก็หลากหลายเช่นกัน อาทิ ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร (ซีอีโอ) ธนาคารไทยพาณิชย์ซึ่งจะถูกวางตัวในตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง ซึ่งเจ้าตัวก็ถือว่าแนบแน่นกับนายใหญ่และนายหญิงที่ไว้วางใจอย่างมากคนหนึ่ง แต่ล่าสุดดูเหมือนว่าจะต้องฆ่าชื่อ ดร.วิชิตออกไป เมื่อธนาคารไทยพานิชย์ได้ออกแถลงการณ์ว่า ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย ยังคงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ และไม่ได้มีการยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง

ดังนั้น เก้าอี้ตัวนี้น่าจะตกเป็นของนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ก.ล.ต. ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้แจ้งว่า นายธีระชัย ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคม 2554 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ภายหลังจากที่มีการแจ้งการลาออก นายธีระชัยได้ส่งจดหมายถึงพนักงานก.ล.ต. โดยใจความสำคัญของจดหมายดังกล่าวมีอยู่ว่า "ผมได้ยื่นลาออกจากเลขาธิการ ก.ล.ต. มีผลในวันพรุ่งนี้ เพื่อไปทำงานการเมือง” สำหรับ ดร.โอฬาร ไชยประวัติ ที่มีชื่ออยู่ในทีมเศรษฐกิจมาตลอด มีข่าวว่าจะโยกไปเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจให้กับยิ่งลักษณ์ ซึ่งก็ถือว่าเป็นงานปิดทองหลังพระนั่นเอง

ส่วนที่เหลือปรากฏชื่อ นายบัณฑูร สุภัควณิช อดีตผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เป็นอีกผู้หนึ่งที่ถูกวางตัวให้อยู่ในกลุ่มรัฐมนตรีเศรษฐกิจ โควตาคนนอก ซึ่งจะวางตัวให้นั่ง รมช.คลัง โดยภารกิจหลักที่ทางพรรคต้องการให้นายบัณฑูรดูแล คือ เรื่องงบประมาณโดยตรง ซึ่งที่ผ่านมานายบัณฑูร ได้เข้าร่วมประชุมและทำงานกับทีมเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยมาอย่างต่อเนื่องระยะหนึ่งแล้วเช่นเดียวกับ ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรมช.คลัง ซึ่งติดโผชื่อในทีมเศรษฐกิจตั้งแต่ช่วงแรก รวมไปถึงนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมช.คลัง สมัยนายสมัคร สุนทรเวชก็มีชื่อโผติดมายาวนานเช่นกัน

ขณะที่ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตกรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ ก็มีชื่อโผล่ว่าจะเข้ารับตำแหน่งในรัฐบาลยิ่งลักษณ์เช่นกัน โดยแกนนำพรรคอยู่ระหว่างพิจารณาตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ อีกทางหนึ่งก็มีชื่อ นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการและผู้บริหารบริษัท น้ำตาลมิตรผล ซึ่งเป็นถือหุ้นใหญ่ใน บมจ.บ้านปู ที่ประสานโดยตรงกับทักษิณ ก็จ่อนั่งเก้าอี้ รมว.พาณิชย์ ด้วย ส่วนนายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งเป็นคนในจะถูกวางตัว รมช.พาณิชย์

ด้านนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธาน และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) ก็ยังมีชื่ออยู่ในโผของรมว.พลังงาน รมว.กระทรวงอุตสาหกรรม เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งที่เหลืออื่นๆ ก็ยังมีการปล่อยโผรายวัน ออกมาอย่างหนัก ซึ่งมีทั้ง เก้าอี้รมว. คมนาคม นายสันติ พร้อมพัฒน์ ที่ได้แรงดันจากแกนนำกลุ่มภาคเหนือขึ้นนั่ง วันนี้เริ่มแผ่วเพราะกลุ่มของ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล จับมือกับ พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี รองหัวหน้าพรรค และตท.10 เพิ่มอำนาจการต่อรอง โอกาสจึงเป็นของ พล.อ.อ.สุเมธ สูงกว่า โดยมี นายประภัสร์ จงสงวน และ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ คั่วเก้าอี้รมช.คมนาคม

ขณะที่เบอร์หนึ่งกระทรวงแรงงาน ชื่อของ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณเลขาธิการพรรค เหนียวแน่นมาตั้งแต่ต้น รมว.ศึกษาธิการนายภาวิช ทองโรจน์ แม้มีแต้มต่อนายคณวัฒน์ วศินสังวร ที่มีชื่อร่วมเป็นแคนดิเดต และมีนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล จากกลุ่มวังบัวบาน เสนอขอเป็นตัวเลือกอีกคน โดยมีชื่อ ร.ต.ท.เชาวรินธร์ ลัทธศักดิ์ศิริ และ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล นั่งรมช.ศึกษาธิการ

กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายอุดมเดช รัตนเสถียรยังไม่ค่อยมีคู่แข่ง เช่นเดียวกับรมว.สาธารณสุข ที่มี นายวิชาญ มีนชัยนันท์เป็นแคนดิเดต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตอธิบดีกรมป่าไม้ เก้าอี้นี้น่าจะลงตัวกว่า ส่วน รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ได้แรงดันจาก นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์

นับจากนี้อีกไม่กี่วันประชาชนก็จะได้เห็นหน้าตา ครม.ปู1 ว่าหน้าตาจะออกมาเช่นไร จะทำตามสัญญาที่ให้ไว้ดิบดีกับประชาชนหรือไม่ หรือจะมัวแต่แก้ปัญหาให้ทักษิณ ชินวัตร อย่างเดียว ก็ต้องติดตามรอดูกันต่อไป แต่ไม่ว่าใครจะนั่งตำแหน่งใดก็ตาม สุดท้ายแล้วอาการฝุ่นตลบนี้จะหมดลงในที่สุด เมื่อโผ ครม.ปู1 ได้รับการกดปุ่มมาจาก ทักษิณ ชินวัตร และพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร์
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล
กิตติรัตน์ ณ ระนอง
นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล
พิชัย นริพทะพันธ์
กำลังโหลดความคิดเห็น