ผู้สื่อรายงานถึงความเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์ ในการคัดเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ที่จะมีขึ้นในวันนี้ (6 ส.ค.) ว่า ในช่วงเย็น(5ส.ค.) ได้มีการจัดเลี้ยงสังสรรผู้มีสิทธิ์ลงคะแนน ซึ่งประกอบด้วยประธานสาขาพรรคทั่วประเทศ และส.ส.พรรค ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ ย่านหลักสี่ โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีแกนนำพรรคมาร่วมงานหลายคนอาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ขณะที่ผู้อาสาตัวลงแข่งขันเป็นผู้บริหารพรรคต่างเดินสายหาเสียงกับผู้มีสิทธิ์ลงคะแนน เพื่อให้สนับสนุนตน
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รักษาการเลขาธิการพรรค ได้ส่งตัวแทนคือนายอาคม เอ่งฉ้วน ส.ส.สัดส่วน และนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ออกเดินล็อบบี้ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนน เพื่อให้โหวตโน หากนายอภิสิทธิ์ เสนอชื่อ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ส.ส.ประจวบคีรีขันธุ์ เป็นเลขาธิการพรรค เนื่องจากนายสุเทพ เกรงว่าหากนายเฉลิมชัย ได้เป็นเลขาธิการพรรค อำนาจจะเปลี่ยนขั้ว และทำให้กลุ่มของนายสุเทพ สูญเสียอำนาจการบริหารภายในพรรค
โดยก่อนหน้านี้ นายสุเทพได้พยายามผลักดันให้ นายอภิสิทธิ์ เสนอชื่อนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งมีความใกล้ชิดกับนายสุเทพ เป็นเลขาธิการพรรค แต่นายอภิสิทธิ์ ไม่เห็นด้วย เนื่องจากนายอภิรักษ์ ติดคดีทุจริตจัดซื้อรถดับเพลิงกทม. ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อาจจะทำให้นายอภิรักษ์ตกเป็นเป้าโจมตีจากคู่แข่งทางการเมืองทันที หากได้เป็นเลขาธิการพรรค จึงไม่เป็นผลดีต่อทั้งตัวนายอภิรักษ์ และพรรค
นอกจากนี้ นายสุเทพ ยังพยายามเสนอชื่อนายจุติ ไกรฤกษ์ เป็นเลขาธิการพรรคแทน แต่ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนใจนายอภิสิทธิ์ได้ จึงเดินเกมก่อหวอด ด้วยการล็อบบี้ให้ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนโหวตโน หากมีการเสนอชื่อนายเฉลิมชัย โดยอ้างว่าผู้ใหญ่ในพรรคไม่เห็นด้วยที่จะให้นายเฉลิมชัย เป็นเลขาธิการพรรค โดยอ้างว่านายเฉลิมชัย ไม่ใช่ลูกหม้อประชาธิปัตย์ และก่อนหน้านี้ก็มีหลายครั้งที่เคยคิดจะย้ายพรรค จึงเป็นห่วงว่าอาจจะไม่มีความจงรักภักดีต่อพรรคจริง ซึ่งจะเป็นปัญหาในยุคที่พรรคต้องต่อสู้กับอำนาจเงินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่พร้อมจะทุ่มซื้อผู้บริหารทุกพรรคการเมือง โดยมีการเปรียบเทียบกับปัญหาที่เกิดขึ้นในยุคที่นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เป็นเลขาธิการพรรค แต่กลับสู้ไม่เต็มที่ ทำให้พรรคพ่ายแพ้อย่างยับเยินในการเลือกตั้งปี 48 จากนั้นก็ทิ้งพรรคไป จึงเกรงว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย หากนายเฉลิมชัย ได้เป็นเลขาธิการพรรคในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม คนใกล้ชิดนายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคยืนยันว่า นายบัญญัติ ไม่ได้ต่อต้านนายเฉลิมชัย ส่วนแกนนำพรรคระดับผู้ใหญ่ อาทิ นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่เคยติดใจต่อพฤติกรรมของนายเฉลิมชัยในอดีต และเกรงว่าอาจจะไม่มีความมั่นคงกับพรรคก็ได้มีการทำความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว รวมถึงนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ส.ส.บัญชีรายชื่อ ยังพร้อมให้การสนับสนุนนายเฉลิมชัย เป็นเลขาธิการพรรคด้วย
ดังนั้นจึงมีเพียงกลุ่มเดียวที่เคลื่อนไหวต่อต้านอย่างจริงจัง คือกลุ่มของนายสุเทพ เท่านั้น แต่ก็มีกระแสข่าวด้วยว่าหากการเลือกเลขาธิการพรรคครั้งนี้ สร้างแรงกระเพื่อมอย่างหนักจนทำให้ไม่มีความเป็นเอกภาพภายในพรรคก็มีความเป็นได้ที่นายอภิสิทธิ์ จะตัดสินใจไม่รับตำแหน่งหัวหน้าพรรค
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวถึงการประชุมเพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรค ในวันนี้ ซึ่งสมาชิกจะเสนอให้นายอภิสิทธิ์ เป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้งว่า ยังพูดอยู่กับหลายฝ่าย และต้องการให้การเลือกตั้งกรรมการบริหารเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีเอกภาพ และพรรคต้องตัดสินใจในการกำหนดทิศทางที่จะเดินร่วมกัน
ส่วนความเห็นขณะนี้ก็ยังมีที่แตกต่างอยู่บ้าง ซึ่งเป็นปกติ แต่ตนคิดว่าสมาชิกทุกคนควรคิดถึงการผนึกกำลังมากกว่า และหวังว่าจะผ่านไปด้วยความราบรื่น ส่วนตนจะได้ปฏิบัติหน้าที่ในส่วนของผู้นำฝ่ายค้านหรือไม่นั้น คงต้องรอการเลือกตั้งในวันนี้
**"กรณ์"ลงชิงรองหน.พรรค
นายกรณ์ จาติกวณิช รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะลงชิงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคภาคกทม.แข่งกับนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.ภาคกทม.ว่า ตนเพิ่งตัดสินใจเพราะนายอภิสิทธิ์ เพิ่งแจ้งให้ทราบ เมื่อวันที่ 4 ส.ค. ถึงการจัดบุคคลลงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคในโควต้าหัวหน้าพรรคจำนวน 3 ตำแหน่ง ซึ่งไม่มีชื่อของตนอยู่ด้วย
ดังนั้น ตนจึงเสนอตัวให้สมาชิกพรรคตัดสิน ส่วนการเดินสายขอคะแนนนั้น คงทำไม่ทันแล้ว เพราะจะมีการประชุมใหญ่วิสามัญฯ ของพรรคในวันนี้ (6 ส.ค.) แล้ว
"ผมไม่โกรธ เพราะก่อนหน้านี้ได้เคยแจ้งกับนายอภิสิทธิ์ว่า อยากลงสมัครรองหัวหน้าภาคกทม. เพราะชอบที่จะให้มีการเลือกตั้งมากกว่า" นายกรณ์ กล่าว
ส่วนที่มีข่าวว่ามีผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ ขอให้นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ถอนตัวนั้น ตนไม่ทราบ และตนก็ไม่ได้ขออย่างนั้น เพราะคิดว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะดิ้นรน การแข่งขันตามระบอบประชาธิปไตย ดังนั้นไม่จำเป็นต้องมีการตกลงอะไรกัน
**"องอาจ"ยันไม่ถอนตัวชิงรองหน.
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวที่มีผู้เรียกร้องให้ถอนตัวจากการชิงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคว่า คงไม่มีการถอนตัว เพราะได้ประกาศความพร้อมในการทำหน้าที่มาตั้งแต่ต้น จึงไม่เข้าใจเหตุผลที่มีการปล่อยข่าวนี้ออกมา ซึ่งก่อนหน้านี้ ทั้งนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน และนายกรณ์ จาติกวณิช ก็ระบุว่า จะไปอยู่ในส่วนของโควต้าหัวหน้าพรรค แต่หากจะมาลงแข่งขัน ในส่วนโควต้า กทม.ก็ยินดี โดยยืนยันไม่ได้มีความขัดแย้งกันแต่เป็นการแข่งขันตามครรลองของพรรคเท่านั้น
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รักษาการเลขาธิการพรรค ได้ส่งตัวแทนคือนายอาคม เอ่งฉ้วน ส.ส.สัดส่วน และนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ออกเดินล็อบบี้ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนน เพื่อให้โหวตโน หากนายอภิสิทธิ์ เสนอชื่อ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ส.ส.ประจวบคีรีขันธุ์ เป็นเลขาธิการพรรค เนื่องจากนายสุเทพ เกรงว่าหากนายเฉลิมชัย ได้เป็นเลขาธิการพรรค อำนาจจะเปลี่ยนขั้ว และทำให้กลุ่มของนายสุเทพ สูญเสียอำนาจการบริหารภายในพรรค
โดยก่อนหน้านี้ นายสุเทพได้พยายามผลักดันให้ นายอภิสิทธิ์ เสนอชื่อนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งมีความใกล้ชิดกับนายสุเทพ เป็นเลขาธิการพรรค แต่นายอภิสิทธิ์ ไม่เห็นด้วย เนื่องจากนายอภิรักษ์ ติดคดีทุจริตจัดซื้อรถดับเพลิงกทม. ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อาจจะทำให้นายอภิรักษ์ตกเป็นเป้าโจมตีจากคู่แข่งทางการเมืองทันที หากได้เป็นเลขาธิการพรรค จึงไม่เป็นผลดีต่อทั้งตัวนายอภิรักษ์ และพรรค
นอกจากนี้ นายสุเทพ ยังพยายามเสนอชื่อนายจุติ ไกรฤกษ์ เป็นเลขาธิการพรรคแทน แต่ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนใจนายอภิสิทธิ์ได้ จึงเดินเกมก่อหวอด ด้วยการล็อบบี้ให้ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนโหวตโน หากมีการเสนอชื่อนายเฉลิมชัย โดยอ้างว่าผู้ใหญ่ในพรรคไม่เห็นด้วยที่จะให้นายเฉลิมชัย เป็นเลขาธิการพรรค โดยอ้างว่านายเฉลิมชัย ไม่ใช่ลูกหม้อประชาธิปัตย์ และก่อนหน้านี้ก็มีหลายครั้งที่เคยคิดจะย้ายพรรค จึงเป็นห่วงว่าอาจจะไม่มีความจงรักภักดีต่อพรรคจริง ซึ่งจะเป็นปัญหาในยุคที่พรรคต้องต่อสู้กับอำนาจเงินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่พร้อมจะทุ่มซื้อผู้บริหารทุกพรรคการเมือง โดยมีการเปรียบเทียบกับปัญหาที่เกิดขึ้นในยุคที่นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เป็นเลขาธิการพรรค แต่กลับสู้ไม่เต็มที่ ทำให้พรรคพ่ายแพ้อย่างยับเยินในการเลือกตั้งปี 48 จากนั้นก็ทิ้งพรรคไป จึงเกรงว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย หากนายเฉลิมชัย ได้เป็นเลขาธิการพรรคในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม คนใกล้ชิดนายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคยืนยันว่า นายบัญญัติ ไม่ได้ต่อต้านนายเฉลิมชัย ส่วนแกนนำพรรคระดับผู้ใหญ่ อาทิ นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่เคยติดใจต่อพฤติกรรมของนายเฉลิมชัยในอดีต และเกรงว่าอาจจะไม่มีความมั่นคงกับพรรคก็ได้มีการทำความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว รวมถึงนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ส.ส.บัญชีรายชื่อ ยังพร้อมให้การสนับสนุนนายเฉลิมชัย เป็นเลขาธิการพรรคด้วย
ดังนั้นจึงมีเพียงกลุ่มเดียวที่เคลื่อนไหวต่อต้านอย่างจริงจัง คือกลุ่มของนายสุเทพ เท่านั้น แต่ก็มีกระแสข่าวด้วยว่าหากการเลือกเลขาธิการพรรคครั้งนี้ สร้างแรงกระเพื่อมอย่างหนักจนทำให้ไม่มีความเป็นเอกภาพภายในพรรคก็มีความเป็นได้ที่นายอภิสิทธิ์ จะตัดสินใจไม่รับตำแหน่งหัวหน้าพรรค
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวถึงการประชุมเพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรค ในวันนี้ ซึ่งสมาชิกจะเสนอให้นายอภิสิทธิ์ เป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้งว่า ยังพูดอยู่กับหลายฝ่าย และต้องการให้การเลือกตั้งกรรมการบริหารเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีเอกภาพ และพรรคต้องตัดสินใจในการกำหนดทิศทางที่จะเดินร่วมกัน
ส่วนความเห็นขณะนี้ก็ยังมีที่แตกต่างอยู่บ้าง ซึ่งเป็นปกติ แต่ตนคิดว่าสมาชิกทุกคนควรคิดถึงการผนึกกำลังมากกว่า และหวังว่าจะผ่านไปด้วยความราบรื่น ส่วนตนจะได้ปฏิบัติหน้าที่ในส่วนของผู้นำฝ่ายค้านหรือไม่นั้น คงต้องรอการเลือกตั้งในวันนี้
**"กรณ์"ลงชิงรองหน.พรรค
นายกรณ์ จาติกวณิช รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะลงชิงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคภาคกทม.แข่งกับนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.ภาคกทม.ว่า ตนเพิ่งตัดสินใจเพราะนายอภิสิทธิ์ เพิ่งแจ้งให้ทราบ เมื่อวันที่ 4 ส.ค. ถึงการจัดบุคคลลงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคในโควต้าหัวหน้าพรรคจำนวน 3 ตำแหน่ง ซึ่งไม่มีชื่อของตนอยู่ด้วย
ดังนั้น ตนจึงเสนอตัวให้สมาชิกพรรคตัดสิน ส่วนการเดินสายขอคะแนนนั้น คงทำไม่ทันแล้ว เพราะจะมีการประชุมใหญ่วิสามัญฯ ของพรรคในวันนี้ (6 ส.ค.) แล้ว
"ผมไม่โกรธ เพราะก่อนหน้านี้ได้เคยแจ้งกับนายอภิสิทธิ์ว่า อยากลงสมัครรองหัวหน้าภาคกทม. เพราะชอบที่จะให้มีการเลือกตั้งมากกว่า" นายกรณ์ กล่าว
ส่วนที่มีข่าวว่ามีผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ ขอให้นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ถอนตัวนั้น ตนไม่ทราบ และตนก็ไม่ได้ขออย่างนั้น เพราะคิดว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะดิ้นรน การแข่งขันตามระบอบประชาธิปไตย ดังนั้นไม่จำเป็นต้องมีการตกลงอะไรกัน
**"องอาจ"ยันไม่ถอนตัวชิงรองหน.
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวที่มีผู้เรียกร้องให้ถอนตัวจากการชิงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคว่า คงไม่มีการถอนตัว เพราะได้ประกาศความพร้อมในการทำหน้าที่มาตั้งแต่ต้น จึงไม่เข้าใจเหตุผลที่มีการปล่อยข่าวนี้ออกมา ซึ่งก่อนหน้านี้ ทั้งนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน และนายกรณ์ จาติกวณิช ก็ระบุว่า จะไปอยู่ในส่วนของโควต้าหัวหน้าพรรค แต่หากจะมาลงแข่งขัน ในส่วนโควต้า กทม.ก็ยินดี โดยยืนยันไม่ได้มีความขัดแย้งกันแต่เป็นการแข่งขันตามครรลองของพรรคเท่านั้น