xs
xsm
sm
md
lg

อัยการบินสู้คดีโบอิ้ง ยันไม่วางเงินถอนประกัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- “มาร์ค” บอก 3 วันชัด หลังส่งอัยการสูงสุดบินสู้คดีโบอิ้ง 737 ยันไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อถอนอายัด ย้ำเดินหน้ายุติปัญหาเร็วที่สุด เพื่อไม่กระทบต่อสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และสถาบันฯ

หลังจากที่สำนักงานราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้แถลงการณ์ เรื่อง การอายัดเครื่องบินพระที่นั่งส่วนพระองค์ของพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จากกรณีพิพาทระหว่างรัฐบาลไทย กับบริษัท วอลเตอร์ บาว เอจี (Walter Bau AG) โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีพระราชกระแส และพระราชปณิธาน ที่จะทรงตอบแทนพระคุณแผ่นดินไทย มิให้เกิดผลกระทบต่อความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทย และสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และเพื่อให้ข้อพิพาทดังกล่าวจบลงด้วยดี และรวดเร็ว จึงจะพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อนำไปใช้ในการระงับข้อพิพาทดังกล่าว

ล่าสุดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด ได้เดินทางเฝ้าฯ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เพื่อถวายรายงานความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าวแล้ว เมื่อวันจันทร์ที่ 1 ส.ค.2554 ที่ผ่านมา

ล่าสุดเมื่อเวลา 11.30 น. วานนี้ (2 ส.ค.) นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด ได้เดินทางเข้าพบ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหารือถึงความคืบหน้าในการดำเนินการคดีอายัดเครื่องบินส่วนพระองค์ โดยมีนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขาธิการ รมว.ต่างประเทศ นายกรณ์ จาติกวนิช รมว.คลัง นายสาทิตย์ วงษ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมหารือ

จากนั้นเวลา 15.00 น. นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยว่า ได้เชิญทุกหน่วยงานมาหารืออีกครั้งหนึ่งเพื่อมาสนองพระราชปณิธาน โดยต้องการให้คดีนี้ยุติโดยเร็วที่สุด อย่างน้อยที่สุดจะต้องไม่ปล่อยให้เป็นเรื่องที่มากระทบกระเทือน หรือลุกลามไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ได้อนุมัติแนวทางไว้ จึงเชิญหน่วยงานทั้งหมดมาซักซ้อมเพิ่มเติม โดยมีการไปขอความเห็น และรวมถึงการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ ซึ่งคณะอัยการจะเดินทางไปกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ในวันพุธที่ 3 ส.ค.นี้ โดยคาดว่าจะไปถึงค่ำของวันพุธที่ 3 ส.ค. และจะพยายามเร่งรัดให้เสร็จภายในเดือนนี้ และพยายามจะเร่งรัดให้ได้ข้อยุติที่ดี

“พระองค์ท่านแสดงพระราชปณิธานว่า จะสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ แต่รัฐบาลก็จะดำเนินการแก้ไขปัญหานี้ โดยไม่ต้องไประคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท เพราะฉะนั้น ก็จะเดินหน้าทำงานตรงนี้ก่อน เพราะยังคิดว่า น่าจะมีแนวทางที่จะดำเนินการต่อ และจากการถวายรายงาน ท่านทรงห่วงผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะถ้าเหตุการณ์มันยืดเยื้อและลุกลาม ก็จะมีผลกระทบทั้งต่อความสัมพันธ์และสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะฉะนั้นก็ทรงแสดงพระปณิธานที่จะสละราชทรัพย์เพื่อที่จะไม่ให้เกิดปัญหาขึ้น เพราะฉะนั้นเราก็น้อมรับ และสนองในการที่จะไปเดินให้เป็นไปตามเป้าหมายนี้”นายอภิสิทธิ์กล่าว

เมื่อถามว่า หมายความว่า รัฐบาลต้องไปวางเงินก่อนหรือเปล่า นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องแยกกัน การที่จะไปวางเงินในศาลเพื่อต่อสู้ในเรื่องของเครื่องบินนั้น ไม่มีการไปวางเงิน แต่เรื่องของคดีหลัก และการจะดำเนินการต่อไปอย่างไร เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งกำลังดำเนินการในหลายช่องทาง

เมื่อถามต่อว่า คดีหลักที่จะไม่ให้กระทบกระเทือนจะมีการดำเนินการอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า มีหลายทางที่ดำเนินการอยู่ เมื่อถามอีกว่า แสดงว่า การต่อสู้คดียังจะมีต่อไปใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ก็ยังมีการดำเนินการกันต่อเนื่อง โดยทางอัยการสูงสุดจะเป็นผู้นำคณะไป ซึ่งคดีนี้มีหลายประเด็นที่พันกันอยู่ ให้ทีมงานคณะอัยการไปดำเนินการ ซึ่งคิดว่าช่วงปลายๆ สัปดาห์ อัยการน่าจะรายงานความคืบหน้ามาได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้เรื่องของการอุทธรณ์ และที่บอกว่าจะมีการฟ้องกลับ จะมีการดำเนินการควบคู่กันหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องอุทธรณ์ได้มีการดำเนินการไปแล้วที่นิวยอร์ก ส่วนเรื่องอื่นๆ ปลายสัปดาห์นี้น่าจะมีความชัดเจน

เมื่อถามว่า คดีที่ค้างอยู่ที่เยอรมนี ตอนนี้ถ้าเกิดไม่มีการไปวางเงินประกัน ความมั่นใจในการชนะคดีมีมากแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มันมี 2 คดี ตอนนี้เราพยายามไปดูไม่ให้ลุกลามและไปกระทบกับสถาบันฯ

เมื่อถามต่อว่า คดีนี้จะยุติได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การที่คดีจะยุติหรือไม่ มันเป็นเรื่องของการที่จะไปดูเงื่อนไข แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่า จะเป็นอย่างไร

เมื่อถามว่า มีเงื่อนไขอะไรบ้างที่จะนำไปสู่การยุติหรือไม่ยุติ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่เปิดเผย เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่เราจะไปคุยรายละเอียดคดีที่นิวยอร์ก ซึ่งเป็นคดีหลักจบ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คดีหลักตอนนี้ก็มีทั้งที่นิวยอร์ก และเบอร์ลิน ซึ่งคาบเกี่ยวกันอยู่ มีข้อเท็จจริงที่อัยการสูงสุดบอกเป็นข้อมูลที่ได้มา ซึ่งก็ต้องนำไปใช้ ขอให้รออีก 3 วัน ก็น่าจะชัดเจน

เมื่อถามว่า แล้วจะทำให้เครื่องบินอายัดได้กลับมาอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตอนนี้ไปดำเนินการกันอยู่ เมื่อถามอีกว่า ตอนนี้รัฐบาลกลายเป็นว่า ต้องดำเนินการภายใต้แรงกดดันหลายทางหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ธรรมดา มันก็มีแรงกดดันทั้ง 2 ฝ่าย ทางฝ่ายบริษัทเองก็มีแรงกดดันเหมือนกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้มีการติดต่ออะไรมาทางรัฐบาลเพื่อขอประนีประนอมอะไรหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เขาขอประนีประนอมมาเป็นระยะๆ ตลอดเวลาอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้การสละพระราชทรัพย์ ยังไม่เกิดขึ้นใช่ไหม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังครับ เพราะทางรัฐบาลได้กราบบังคมทูลที่จะขอไปดำเนินการก่อน เมื่อถามว่า การที่อัยการเดินทางไปนั้น ไปในเรื่องที่วอลเตอร์ บาว ยื่นใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไปหลายเรื่อง อีก 2-3วัน จะรายงานให้ทราบ และคนที่ทำงานเข้าใจแนวทางหมดแล้ว เมื่อถามว่า เครื่องบินจะถอนอายัดได้เมื่อไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อีก 2-3 วัน จะรายงานให้ทราบ

** กต.เตรียมฟ้องกลับวอลเตอร์ บาว

นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในชั้นศาลเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี กรณีพิพาทระหว่างรัฐบาลไทยกับบริษัท วอลเตอร์ บาว หลังจากมีพระราชวินิจฉัย ที่ใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์นั้น เรื่องได้จบแล้ว ซึ่งหลังจากนี้จะต้องกลับมาสู้คดีระหว่างรัฐบาลไทยกับบริษัทวอลเตอร์ บาว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะฟ้องกลับบริษัท วอลเตอร์ บาว หรือไม่ ในความผิดใช้สิทธิ์ไม่สุจริตในการร้องศาลเบอร์ลิน ในการอายัดเครื่องบิน ซึ่งเจ้าภาพที่รับผิดชอบหลักๆ คือ สำนักงานอัยการสูงสุด ทล.เร่งรวบรวมข้อมูลหนุนอัยการสู้คดี

นายวีระ เรืองสุขศรีวงศ์ อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมา ได้มอบหมายให้สำนักงานอัยการสูงสุด กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงคมนาคม ร่วมกันดำเนินการในกรณีพิพาทระหว่างรัฐบาลไทย กับบริษัท วอลเตอร์ บาว เอจี ซึ่งในส่วนของ กระทรวงคมนาคมและกรมทางหลวง พร้อมที่จะให้การสนับสนุนข้อมูลรายละเอียดของสัญญาสัมปทานของบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) โดยขณะนี้ ทล. อยู่ระหว่างรวบรวมรายละเอียดสัญญาสัมปทาน ดอนเมืองโทลล์เวย์ รวมถึงรายละเอียดการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากรัฐบาลไทยของบริษัท วอลเตอร์ บาว เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วน หากสำนักงานอัยการสูงสุด หรือกระทรวงการต่างประเทศ ต้องการนำข้อมูลจาก ทล.ไปต่อสู่คดี ก็จะได้นำเสนอได้ทันที

“กรณีวอเตอร์บาว เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนที่สามารถส่งผลกระทบได้ทั้ง 2 ฝ่าย คือ ไทย และเยอรมนี ดังนั้น การพิจารณาข้อมูลต่างๆ จึงต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำเสนอข้อมูลทั้งหมดต่อนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคมพิจารณาได้ในเร็วๆ นี้”นายวีระกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น