ASTVผู้จัดการรายวัน- “มาร์ค”ปูดมีข้อมูลเด็ดหาช่องฟ้องกลับ“วอลเตอร์บาว” แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด ห่วงกระทบกรอบสู้ 3คดี เชื่อช่วงสิงหาคมชัดเจน ยันเปลี่ยนผ่านรัฐบาลไม่กระทบ ด้านอัยการสูงสุดเตรียมแถลงวันนี้ ระบุ “ไม่หมดหวัง” กต.เชิญอุปทูตเยอรมนีประท้วง
เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้(28 ก.ค) ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง อัยการสูงสุด และเลขาคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อชี้แจงให้ทุกหน่วยงานทราบสถานะของคดีที่ศาลประเทศเยอรมนีสั่งอายัดเครื่องบินโบอิ้ง 737-400 เพื่อชดใช้หนี้บริษัทวอเตอร์ บาวน์ คู่กรณีที่ฟ้องเรียกค่าชดใช้จากรัฐบาลไทย จากเรื่องขัดแย้งกันเกี่ยวกับสัมปทานในการก่อสร้างทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์หารือ เป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง
นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยภายหลังการหารือว่า วันนี้ได้เชิญทุกหน่วยงานหารือ เพราะต้องการให้ทุกหน่วยงานทราบสถานะของคดีที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งหมด ซึ่งประเด็นที่เป็นข้อพิพาทระหว่างบริษัทกับรัฐบาลไทย มันมีหลายแง่มุม และมีข้อมูลใหม่ที่ต้องดำเนินการต่อสู้ทางกฎหมายต่อไป ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุด และตัวอัยการสูงสุดได้เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ หลายเรื่องจะมีความชัดเจนในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ ไม่ขอลงรายละเอียดเพราะเดี๋ยวจะกระทบต่อรูปคดีที่เราไปดำเนินการ ยืนยันว่า ขณะนี้มีความพร้อมเต็มที่ และกำลังเดินหน้าในการที่จะต่อสู้ ได้มีการทำความเข้าใจกับหน่วยงานต่างๆ ถึงสถานะคดี เพื่อให้ทุกคนสามารถวางแผน และปฏิบัติได้ตรงกัน
เมื่อถามว่า คำว่าพร้อมที่จะเดินหน้าต่อสู้คดีคือไทยมีโอกาสที่จะชนะคดีใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ครับ ตนเห็นว่า น่าจะมีข้อมูลที่น่าจะมีความสำคัญต่อเรื่องทั้งหมด ซึ่งท่านอัยการสูงสุดได้มีการดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ซึ่งจะมีหลายเวทีทั้งนิวยอร์ค และเยอรมัน เมื่อถามต่อว่า ในส่วนที่จะมีการฟ้องคดีใหม่จะเริ่มต้นจากตรงไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ท่านอัยการสูงสุดบอกให้ที่ประชุมได้รับทราบ แต่รายละเอียดขอไม่เปิดเผย เพราะไม่อยากให้กระทบต่อการต่อสู้คดี ส่วนเรื่องของการฟ้องร้องมีในส่วนของต่างประเทศด้วย ซึ่งการฟ้องร้องมีเรื่องอื่นที่นอกเหนือจากการใช้สิทธิที่ไม่สุจริตของวอเตอร์ บาว์นด้วย อยู่ประมาณ 3 คดี ส่วนการเรียกค่าเสียงหายจากทางบริษัทหรือไม่นั้น ให้เป็นเรื่องของทางอัยการสูงสุดดีกว่า เพราะเป็นผู้ดำเนินการ และเชื่อว่าช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาลจะไม่กระทบกับเรื่องนี้ เพราะการต่อสู้ทำมาอย่างต่อเนื่อง ช่วงเดือนสิงหาคมก้าวหน้าค่อนข้างมาก ไม่คิดว่า จะมีประเด็นในการตัดสินใจเชิงนโยบายเป็นเรื่องการต่อสู้ทางกฎหมายซึ่งทำได้ตามปกติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจกับการดำเนินคดีใหม่ว่าจะชนะหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเห็นข้อเท็จจริงแล้ว มองว่ารัฐบาลไทยไม่ได้รับความเป็นธรรม ฉะนั้นการต่อสู้ก็จะดำเนินการต่อ เมื่อถามว่า การฟ้องกลับวอลเตอร์บาว์นคิดว่า รัฐบาลเยอรมันจะมีปฏิกิริยาอะไรหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หากรัฐบาลเยอรมันได้ทราบข้อมูลต่างๆ คงต้องปรับท่าทีตัวเอง หากดูด้วยความเป็นธรรม คิดว่าต้องปรับท่าทีพอสมควร และหวังว่าคดีจะไม่ยืดเยื้อ ซึ่งแต่ละคดีจะใช้เวลาแตกต่างกัน
** อัดเรื่องของศาลฝ่ายบริหารไม่ควรยุ่ง
เมื่อถามว่า เรื่องการอายัดเครื่องบินอัยการสูงสุดได้ให้ความมั่นใจว่าจะมีการถอนอายัด นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีอะไรเพิ่มเติมแนวทางการต่อสู้ การพิสูจน์ก็ยังเหมือนเดิม ส่วนการที่รัฐบาลเยอรมันออกตัวยืนยันว่าไทยต้องจ่ายค่าชดเชยตามที่ศาลสั่ง เป็นเพราะรัฐบาลมีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ แถลงการณ์ของสถานทูตเยอรมันเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา พูดเรื่องคดีเครื่องบินตอนต้นก็จริง แต่สิ่งที่เขามาพูดทีหลังคือคดีหลักที่เป็นข้อขัดแย้งระหว่างบริษัทกับรัฐบาลไทย และการที่มีการเรียกค่าชดเชยนั้น ตนก็เห็นว่าคดียังไม่สิ้นสุด เป็นเรื่องของศาล ฝ่ายบริหารไม่ควรเข้ามายุ่ง
** “จุลสิงห์”ชี้ไทยยังไม่หมดหวัง
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้ถามนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด ถึงกระแสข่าวที่รัฐบาลไทยหมดหวังที่จะสู้คดีนี้ โดยนายจุลสิงห์ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “ไม่หมดหวัง เดี๋ยวเรื่องนี้ท่านนายกฯจะให้สัมภาษณ์เอง” จากนั้นได้ขึ้นรถออกไปในทันที
**เตรียมแถลงฟ้องกลับวันนี้
รายงานระบุว่า ขณะนี้นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด และคณะทำงานที่นายจุลสิงห์ ตั้งขึ้นเพื่อรับผิดชอบดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ และกำลังเร่งทำคดีนี้อย่างเต็มที่ทุกวันมืดค่ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นายจุลสิงห์ อัยการสูงสุด จะแถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีในศุกร์วันที่ 29 ก.ค.นี้ เวลา 14.00 น. ระหว่างการเดินทางมาปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ทิศทางการบริหารราชการของสำนักงานอัยการสูงสุดในฐานะองค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญ” ที่โรงแรม ทีเค พาเลซ ถ.แจ้งวัฒนะด้วย
**กต.เชิญอุปทูตเยอรมนีประท้วง
นายเจษฎา กตเวทิน รองอธิบดีกรมสารนิเทศ ปฏิบัติหน้าที่แทนโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ในวันนี้ (28 ก.ค.) นายสเตฟาน ดูเพิล อุปทูตเยอรมนี ประจำประเทศไทย ได้พบกับนางบุษยา มาทแล็ง อธิบดีกรมยุโรป เพื่อมอบหนังสือส่งผ่านไปยังรัฐบาลเยอรมนี และชี้แจงย้ำตามแถลงการณ์ที่กระทรวงการต่างประเทศได้ในวานนี้ โดยระบุว่า ตามที่สถานเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทยได้ออกเอกสาร เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมาเรียกร้องให้รัฐบาลไทยรีบดำเนินการชำระค่าเสียหายให้แก่บริษัทวาลเทอร์ บาว โดยมีข้อความพาดพิงถึงการอายัดเครื่องบินส่วนพระองค์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร นั้น
นอกจากนี้ ยังย้ำ กรณีพิพาทระหว่างรัฐบาลไทยกับบริษัทวาลเทอร์ บาว ซึ่งเป็นพิพาทระหว่างรัฐกับผู้ลงทุนเอกชน ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นผู้รับผิดชอบในนามของรัฐบาลไทย โดยกรณีพิพาทนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องแต่ประการใดกับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และทรัพย์สินส่วนพระองค์ พระองค์ทรงเป็นบุคคลภายนอก ไม่ใช่คู่พิพาทในกรณีดังกล่าว และเช่นเดียวกัน รัฐบาลเยอรมนีก็ไม่ใช่คู่กรณี
กระทรวงการต่างประเทศขอแถลงด้วยว่า ฝ่ายไทยได้แจ้งข้อเท็จจริงข้างต้นให้แก่รัฐบาลเยอรมนีแล้วในทุกระดับตั้งแต่ต้น ซึ่งรัฐบาลเยอรมนีก็น่าจะตระหนักดีถึงข้อเท็จจริงนี้ และด้วยเหตุนี้ รัฐบาลไทยจึงรู้สึกผิดหวังต่อท่าทีและการดำเนินการของรัฐบาลเยอรมนี ดังเอกสารแถลงข่าวล่าสุดของสถานเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย ซึ่งยังคงพาดพิงถึงการอายัดเครื่องบินส่วนพระองค์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร โดยใช่เหตุ และโดยมิบังควร
เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้(28 ก.ค) ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง อัยการสูงสุด และเลขาคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อชี้แจงให้ทุกหน่วยงานทราบสถานะของคดีที่ศาลประเทศเยอรมนีสั่งอายัดเครื่องบินโบอิ้ง 737-400 เพื่อชดใช้หนี้บริษัทวอเตอร์ บาวน์ คู่กรณีที่ฟ้องเรียกค่าชดใช้จากรัฐบาลไทย จากเรื่องขัดแย้งกันเกี่ยวกับสัมปทานในการก่อสร้างทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์หารือ เป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง
นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยภายหลังการหารือว่า วันนี้ได้เชิญทุกหน่วยงานหารือ เพราะต้องการให้ทุกหน่วยงานทราบสถานะของคดีที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งหมด ซึ่งประเด็นที่เป็นข้อพิพาทระหว่างบริษัทกับรัฐบาลไทย มันมีหลายแง่มุม และมีข้อมูลใหม่ที่ต้องดำเนินการต่อสู้ทางกฎหมายต่อไป ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุด และตัวอัยการสูงสุดได้เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ หลายเรื่องจะมีความชัดเจนในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ ไม่ขอลงรายละเอียดเพราะเดี๋ยวจะกระทบต่อรูปคดีที่เราไปดำเนินการ ยืนยันว่า ขณะนี้มีความพร้อมเต็มที่ และกำลังเดินหน้าในการที่จะต่อสู้ ได้มีการทำความเข้าใจกับหน่วยงานต่างๆ ถึงสถานะคดี เพื่อให้ทุกคนสามารถวางแผน และปฏิบัติได้ตรงกัน
เมื่อถามว่า คำว่าพร้อมที่จะเดินหน้าต่อสู้คดีคือไทยมีโอกาสที่จะชนะคดีใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ครับ ตนเห็นว่า น่าจะมีข้อมูลที่น่าจะมีความสำคัญต่อเรื่องทั้งหมด ซึ่งท่านอัยการสูงสุดได้มีการดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ซึ่งจะมีหลายเวทีทั้งนิวยอร์ค และเยอรมัน เมื่อถามต่อว่า ในส่วนที่จะมีการฟ้องคดีใหม่จะเริ่มต้นจากตรงไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ท่านอัยการสูงสุดบอกให้ที่ประชุมได้รับทราบ แต่รายละเอียดขอไม่เปิดเผย เพราะไม่อยากให้กระทบต่อการต่อสู้คดี ส่วนเรื่องของการฟ้องร้องมีในส่วนของต่างประเทศด้วย ซึ่งการฟ้องร้องมีเรื่องอื่นที่นอกเหนือจากการใช้สิทธิที่ไม่สุจริตของวอเตอร์ บาว์นด้วย อยู่ประมาณ 3 คดี ส่วนการเรียกค่าเสียงหายจากทางบริษัทหรือไม่นั้น ให้เป็นเรื่องของทางอัยการสูงสุดดีกว่า เพราะเป็นผู้ดำเนินการ และเชื่อว่าช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาลจะไม่กระทบกับเรื่องนี้ เพราะการต่อสู้ทำมาอย่างต่อเนื่อง ช่วงเดือนสิงหาคมก้าวหน้าค่อนข้างมาก ไม่คิดว่า จะมีประเด็นในการตัดสินใจเชิงนโยบายเป็นเรื่องการต่อสู้ทางกฎหมายซึ่งทำได้ตามปกติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจกับการดำเนินคดีใหม่ว่าจะชนะหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเห็นข้อเท็จจริงแล้ว มองว่ารัฐบาลไทยไม่ได้รับความเป็นธรรม ฉะนั้นการต่อสู้ก็จะดำเนินการต่อ เมื่อถามว่า การฟ้องกลับวอลเตอร์บาว์นคิดว่า รัฐบาลเยอรมันจะมีปฏิกิริยาอะไรหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หากรัฐบาลเยอรมันได้ทราบข้อมูลต่างๆ คงต้องปรับท่าทีตัวเอง หากดูด้วยความเป็นธรรม คิดว่าต้องปรับท่าทีพอสมควร และหวังว่าคดีจะไม่ยืดเยื้อ ซึ่งแต่ละคดีจะใช้เวลาแตกต่างกัน
** อัดเรื่องของศาลฝ่ายบริหารไม่ควรยุ่ง
เมื่อถามว่า เรื่องการอายัดเครื่องบินอัยการสูงสุดได้ให้ความมั่นใจว่าจะมีการถอนอายัด นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีอะไรเพิ่มเติมแนวทางการต่อสู้ การพิสูจน์ก็ยังเหมือนเดิม ส่วนการที่รัฐบาลเยอรมันออกตัวยืนยันว่าไทยต้องจ่ายค่าชดเชยตามที่ศาลสั่ง เป็นเพราะรัฐบาลมีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ แถลงการณ์ของสถานทูตเยอรมันเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา พูดเรื่องคดีเครื่องบินตอนต้นก็จริง แต่สิ่งที่เขามาพูดทีหลังคือคดีหลักที่เป็นข้อขัดแย้งระหว่างบริษัทกับรัฐบาลไทย และการที่มีการเรียกค่าชดเชยนั้น ตนก็เห็นว่าคดียังไม่สิ้นสุด เป็นเรื่องของศาล ฝ่ายบริหารไม่ควรเข้ามายุ่ง
** “จุลสิงห์”ชี้ไทยยังไม่หมดหวัง
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้ถามนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด ถึงกระแสข่าวที่รัฐบาลไทยหมดหวังที่จะสู้คดีนี้ โดยนายจุลสิงห์ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “ไม่หมดหวัง เดี๋ยวเรื่องนี้ท่านนายกฯจะให้สัมภาษณ์เอง” จากนั้นได้ขึ้นรถออกไปในทันที
**เตรียมแถลงฟ้องกลับวันนี้
รายงานระบุว่า ขณะนี้นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด และคณะทำงานที่นายจุลสิงห์ ตั้งขึ้นเพื่อรับผิดชอบดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ และกำลังเร่งทำคดีนี้อย่างเต็มที่ทุกวันมืดค่ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นายจุลสิงห์ อัยการสูงสุด จะแถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีในศุกร์วันที่ 29 ก.ค.นี้ เวลา 14.00 น. ระหว่างการเดินทางมาปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ทิศทางการบริหารราชการของสำนักงานอัยการสูงสุดในฐานะองค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญ” ที่โรงแรม ทีเค พาเลซ ถ.แจ้งวัฒนะด้วย
**กต.เชิญอุปทูตเยอรมนีประท้วง
นายเจษฎา กตเวทิน รองอธิบดีกรมสารนิเทศ ปฏิบัติหน้าที่แทนโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ในวันนี้ (28 ก.ค.) นายสเตฟาน ดูเพิล อุปทูตเยอรมนี ประจำประเทศไทย ได้พบกับนางบุษยา มาทแล็ง อธิบดีกรมยุโรป เพื่อมอบหนังสือส่งผ่านไปยังรัฐบาลเยอรมนี และชี้แจงย้ำตามแถลงการณ์ที่กระทรวงการต่างประเทศได้ในวานนี้ โดยระบุว่า ตามที่สถานเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทยได้ออกเอกสาร เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมาเรียกร้องให้รัฐบาลไทยรีบดำเนินการชำระค่าเสียหายให้แก่บริษัทวาลเทอร์ บาว โดยมีข้อความพาดพิงถึงการอายัดเครื่องบินส่วนพระองค์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร นั้น
นอกจากนี้ ยังย้ำ กรณีพิพาทระหว่างรัฐบาลไทยกับบริษัทวาลเทอร์ บาว ซึ่งเป็นพิพาทระหว่างรัฐกับผู้ลงทุนเอกชน ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นผู้รับผิดชอบในนามของรัฐบาลไทย โดยกรณีพิพาทนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องแต่ประการใดกับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และทรัพย์สินส่วนพระองค์ พระองค์ทรงเป็นบุคคลภายนอก ไม่ใช่คู่พิพาทในกรณีดังกล่าว และเช่นเดียวกัน รัฐบาลเยอรมนีก็ไม่ใช่คู่กรณี
กระทรวงการต่างประเทศขอแถลงด้วยว่า ฝ่ายไทยได้แจ้งข้อเท็จจริงข้างต้นให้แก่รัฐบาลเยอรมนีแล้วในทุกระดับตั้งแต่ต้น ซึ่งรัฐบาลเยอรมนีก็น่าจะตระหนักดีถึงข้อเท็จจริงนี้ และด้วยเหตุนี้ รัฐบาลไทยจึงรู้สึกผิดหวังต่อท่าทีและการดำเนินการของรัฐบาลเยอรมนี ดังเอกสารแถลงข่าวล่าสุดของสถานเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย ซึ่งยังคงพาดพิงถึงการอายัดเครื่องบินส่วนพระองค์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร โดยใช่เหตุ และโดยมิบังควร