กกต.ประเดิมแจก"ใบเหลือง"หนองคาย เขต 2 สั่งเลือกตั้งใหม่ 31 ก.ค. ขณะที่ ส.ส.ทะยอยมารายงานตัวคึกคักยอดวันแรก 219 คน เลขา กกต.วอนส.ส. เมื่อเข้าสภาแล้วช่วยแก้ไขกฎหมายเลือกตั้งที่มีปัญหาด้วย โดยเฉพาะเรื่องการใช้สิทธิล่วงหน้า "ปุระชัย"ยันขอเป็นฝ่ายค้าน ไม่อยากไปข้องแวะกับทักษิณอีก "ชูวิทย์" เย้ยพวกที่ถูกแขวน และพวกบ้านเลขที่ 111 อย่าใจร้อน อย่ากระเหี้ยนกระหือรือเกินเหตุ ใครโดดร่มจะแฉว่าไปอาบอบนวดที่ไหน
วานนี้ (14 ก.ค. ) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณาตัดสิทธิ์ผู้สมัคร( ใบแดง ) หรือ สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ( ใบเหลือง ) ส.ส.แบบแบ่งเขต จ.หนองคาย ว่า ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบพิจารณาการให้ใบเหลืองด้วยมติเสียงข้างมาก สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ เขต 2 หนองคาย ตามที่ด้านสืบสวนสอบสวน และวินิจฉัยเสนอเรื่องร้องคัดค้านมา โดยนายสมคิด บาลไธสง ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 จ.หนองคาย พรรคเพื่อไทย ที่ได้รับคะแนนเป็นลำดับที่ 1 ได้มีการกระทำอันควรเชื่อได้ว่า มีการแจกเงิน และขนคนไปฟังการปราศรัย ซึ่งมีหลักฐานเป็นคลิปวีดีโอชัดเจน รวมถึงมีพยานเป็นกลุ่มคนเสื้อแดงยืนยัน ทั้งนี้จะสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันอาทิตย์ที่ 31 ก.ค.
อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์หน้าหากกกต.สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ก็ยังสามารถเลือกตั้งภายในวันเดียวกันได้ ซึ่งการสั่งเลือกตั้งใหม่ จะไม่ประกาศรับสมัคร ถือว่าอยู่ในพระราชกฤษฎีกาเดียวกัน
นางสดศรี ยังกล่าวถึงการพิจาณาคุณสมบัติของผู้สมัครส.ส.ทั้งแบบบัญชีรายชื่อ และแบบแบ่งเขต ที่เป็นกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ว่า กกต.ได้ตั้งอนุกรรมการสืบสวนเพื่อทำความเห็นโดยต้องพิจารณาในข้อกฎหมายรวมถึงต้องดูในข้อเท็จจริงอีกครั้ง ซึ่งทางอนุกรรมการจะส่งผลมาให้กกต.ทราบในวันอังคารที่ 19 ก.ค.
ส่วนกรณีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กกต.ก็ต้องพิจารณาไปตามข้อกฎหมาย โดยเฉพาะประเด็นที่ขนรถแห่รอบเมืองเชียงใหม่ โดยมีนายสมชาย และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสิทธิ์ทางการเมือง เช่นเดียวกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ที่กกต. จะต้องพิจารณาตามข้อกฎหมายเช่นกัน
** ส.ส.รับใบรับรองคึกคัก
วานนี้ (14ก.ค.) ที่อาคาร B ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีการเปิดให้ ส.ส.ที่ได้รับการเลือกตั้ง และผ่านการรับรองจาก กกต. ชุดแรก 358 คน มารับใบรับรองการเป็น ส.ส.จาก กกต. ก่อนนำไปแสดงตนต่อรัฐสภาเพื่อเข้าไปทำหน้าที่ ส.ส. เจ้าหน้าที่ กกต.ได้จัดเตรียมโต๊ะจำนวน 6 โต๊ะ เพื่อให้ ส.ส.รับใบรับรอง โดยแบ่งเป็น ส.ส.ระบบเขต 5 โต๊ะ ประกอบไปด้วย พื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวันออก และภาคเหนือ และโต๊ะของ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ
นอกจากนี้ ยังมีคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มาตั้งโต๊ะให้เซ็นใบปณิธาน และแจกเข็มกลัดช่อสะอาด เป็นการเตือนใจให้ ส.ส.ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ส่งเสริม คุณธรรม จริยธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ก่อนเวลา 08.00 น.มีบรรดา ส.ส.ใหม่ ทั้งแบบบัญชีรายชื่อ และแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ที่ได้รับการรับรองจากกกต. ต่างทยอยมารับหนังสือรับรองผลการเลือกตั้ง โดยแบบแบ่งเขต มีนายสหรัฐ กุลศรี ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคเพื่อไทย เดินทางมารับเอกสารเป็นคนแรก ขณะที่แบบบัญชีรายชื่อ นายพีรยศ ราฮิมมูลา จากพรรคประชาธิปัตย์ มาเป็นคนแรก
จากนั้น ส.ส.ใหม่ ก็ทยอยมารับเอกสารอย่างต่อเนื่อง ขณะที่บางคนก็ให้เจ้าหน้าที่พรรคมารับเอกสารแทน บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก ซึ่งในการให้รับหนังสือรับรองครั้งนี้ กกต.ไม่ได้มีการทำพิธีแจกเหมือนอย่างทุกครั้งที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน ทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ได้ตั้งโต๊ะให้ส.ส.ใหม่ ได้ลงนามในการตั้งปณิธาน ให้คำมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ ในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย พร้อมกับแจกเอกสารผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน ในหัวข้อนักการเมืองที่คนไทยต้องการ รวมถึงเข็มช่อสะอาด ที่สื่อความหมายถึง ความโปร่งใส สุจริต
ทั้งนี้ นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้มารับหนังสือรับรองการเป็นส.ส. แต่ไม่ยอมลงนามในปณิธาน ที่ป.ป.ช.เตรียมไว้ให้ โดยอ้างว่าป.ป.ช. มีที่มาที่ไม่ถูกต้อง จึงไม่จำเป็นต้องลงนามในปณิธาน ทำให้นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ที่เดินทางมารับหนังสือรับรอง ได้กล่าวตำหนิพฤติกรรมของนายสุนัย ว่าเป็นเพราะพรรคเพื่อไทยไม่ได้ประโยชน์จากป.ป.ช. ที่เข้าไปตรวจสอบเรื่องร้องเรียนต่างๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็แทรกแซงการทำงานขององค์กรอิสระ ทั้งนี้หากเข้ามาทำหน้าที่ในสภาฯ และไม่มีความคิดที่จะคอร์รัปชันก็ควรที่จะร่วมลงนาม เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติตัวของส.ส. ดังนั้นตนขอให้ส.ส.ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านที่จะมารับหนังสือรับรองร่วมลงนามในปณิธานด้วย
** ขอส.ส.แก้กม.เลือกตั้งที่มีปัญหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการกกต. ได้มาตรวจเยี่ยมดูแลความเรียบร้อยในการแจกหนังสือรับรองผลการเลือกตั้งส.ส.ของเจ้าหน้าที่กกต. และทักทายเหล่าบรรดา ส.ส.ที่เดินทางมารับหนังสือรับรอง โดยนายสุทธิพล ได้กล่าวกับน.ส.สุนีย์ เหลืองวิจิตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยว่า เมื่อเข้าไปทำหน้าที่ในสภาแล้ว ขอให้ช่วยแก้ไขข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งยังมีปัญหา โดยเฉพาะวัน และเวลาในการจัดการเลือกตั้งล่วงหน้า ที่มีการแก้ไขให้เหลือเพียงแค่วันเดียว แต่ฝ่ายปฏิบัติคือ กกต.ทำงานได้ยากมาก และให้มีการพิจารณายกเลิกผลผูกพันการลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า ว่าให้มีผลเฉพาะการเลือกตั้งแต่ละครั้งไป
** ส.ส.รับใบรับรองแล้ว 260 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อเวลา 16.30 น. ที่กกต.ปิดการให้รับใบประกาศรับรองผลการเป็นส.ส. ปรากฏว่า มีส.ส.มารับไปแล้ว 260 คน โดยแยกเป็นส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจำนวน 109 คน มารับไปแล้วจำนวน 74 คน ยังคงเหลือเพียงแค่ 35 คน
ส่วนส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งนั้น กกต.ประกาศรับรองผลไป 249 คน มารับแล้ว 186 คน ยังเหลือจำนวน 63 คน
ในส่วนของบุคคลที่ยังไม่ได้รับใบประกาศรับรองผลการเป็นส.ส.ก็สามารถมารับได้ที่กกต.ทุกคนไม่เว้นวันหยุดราชการ แต่ให้ขึ่งไปรับได้ที่ชั้น 5 สำนักงานด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง ตั้งแต่เวลา 08.30 น.-16.30 น.
โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือกกต.ประกาศรับรองทั้งสิ้น 84 คน มารับใบรับรองแล้วจำนวน 30 คน ยังเหลือ 13 คน ภาคเหนือกกต.ประกาศรับรองผลไปจำนวน 48 คน มารับใบรับรองแล้วจำนวน 30 คน เหลืออีก 18 คน ภาตใต้กกต.ประกาศรับรองจำนวน 45 คน มารับใบรับรองแล้ว 36 คน ยังคงเหลือ 9 คน ภาคกลาง กกต.ประกาศรับรองผลจำนวน 22 คน มารับแล้วจำนวน 13 คน ยังคงเหลือจำนวน 9 คน ส่วนกทม.และปริมณฑล กกต.ประกาศรับรองผลไปจำนวน 50 คน มารับแล้วจำนวน 36 คน ยังคงเหลืออีกจำนวน 14 คน
อย่างไรก็ตามในส่วนของบัญชีรายชื่อนั้นยังคงมีเหลือในส่วนของพรรคเพื่อไทยจำนวน 18 คน พรรคประชาธิปัตย์ 14 คน และพรรคภูมิใจไทย 3 คน ซึ่งก็ยังมีคนดังๆหลายคนอาทิ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี นายกรณ์ จาติกวณิช นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล นายศุภชัย ใจสมุทร ฯ
**รายงานตัวรับเงินเดือน113,560 บ.
ส่วนที่ รัฐสภา บรรยากาศบริเวณห้องโถงรัฐสภา 1 เป็นไปอย่างคึกคัก หลังจาก ส.ส.เดินทางไปรับหนังสือรับรองจากกกต.และได้มาแสดงตนที่รัฐสภา โดยเวลา 08.50 น.นายคมเดช ไชยศิวามงคล ส.ส.เขต 8 กาฬสินธุ์ พรรคเพื่อไทย เดินทางมาเป็นคนแรกได้ขอเอกสารแสดงตนรับกระเป๋าบรรจุเอกสาร ซึ่งภายในประกอบด้วยรัฐธรรมนูญปี 50 ระเบียบข้อบังคับต่างๆ และถ่ายรูปทำบัตร
ทั้งนี้ ส.ส.ชุดใหม่จะเป็นชุดที่ 24 ได้รับเงินเดือน 113,560 บาท เพิ่มจากชุดก่อนที่ได้รับ 104,330 บาท และขณะนี้มี ส.ส.จากพรรคต่างๆ ทยอยเดินทางมาแสดงตนอย่างต่อเนื่อง ทำให้บรรยากาศที่รัฐสภากลับมาคึกคักอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับ 45 พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมารายงานตัว โดยนำรูปนายสุวโรช พะลัง ที่เสียชีวิตมารายงานตัวด้วย โดยระบุว่า การเสียชีวิตของนายสุวโรช ทำให้ตนได้เลื่อนลำดับขึ้นมาเป็นส.ส. จึงขอแสดงความกตัญญู และขอยึดตามปณิธานของนายสุวโรช ในการต่อสู้เพื่อเกษตรกร ทั้งที่ดินทำกิน และราคาพืชผล
**รายงานตัวส.ส.วันแรก 219 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ ส.ส.ที่มารายงานตัวในวันแรก จนถึงเวลา 18.00 น. ซึ่งเป็นเวลาปิดรับการแสดงตนในวันแรก มีจำนวนทั้งสิ้น 219 คน จาก 260 คน ที่ไปรับใบรับรองจาก กกต. โดยมีพล.อ.สนธิ บุญยรัตนกลิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคมาตุภูมิ มาแสดงตัวเป็นคนสุดท้าย
**พท.คุยฟุ้งจะลดความขัดแย้ง
นายคมเดช ไชยศิวามงคลให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่สมบูรณ์แบบ เนื่องจากประชาชนเลือกมา ภายใต้ข้อขัดแย้ง การถูกเอาเปรียบทุกระบบ ด้วยการใช้อำนาจรัฐ และวิธีการใช้เงินซื้อเสียง แม้จะถูกเอาเปรียบทั้งระบบ แต่ประชาชนก็เลือกเข้ามาถึง 265 เสียง พลังจึงอยู่ตรงนี้ เราต่อสู้กับข้อขัดแย้ง ต่อสู้กับความไม่เป็นธรรม
เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่า น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกฯ จะผ่านการรับรองจากกกต. นายคมเดช กล่าวว่ามีมีปัญหา การบริหารบ้านเมืองไม่ได้อยู่ที่คนเดียว สภาพบ้านเมืองที่เกิดขึ้นมาจากความขัดแย้ง เกิดเผด็จการภายใต้ระบบประชาธิปไตยมา 3-5 ปีแล้ว ดังนั้นข้อขัดแย้งที่ตนต้องการให้มีการแก้ไขมากที่สุดคือ ให้ประเทศไทยลงนามสัตยบันกับสหประชาชาติ ว่าผู้ที่มีอำนาจทำลายประชาชน ฆ่าประชาชน ต้องขึ้นศาลโลก เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับประชาชน
เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นส.ส.จะรับประกันไม่ให้เกิดสภาล่มอย่างไร นายคมเดช กล่าวว่า ไม่มีปัญหา เพราะรัฐบาลมีเสียงเกินครึ่ง แต่ปัญหาสภาล่มที่ผ่านมาเกิดจากรัฐบาล เป็นรัฐบาลผสมมีหลายพรรคร่วม รัฐบาลมีเสียงไม่เกิดกึ่งหนึ่ง พรรคร่วมรัฐบาลจึงใช้ประเด็นไม่เข้าร่วมประชุมสภา มาต่อรองเรื่องผลประโยชน์ จนเกิดปัญหา แต่ถ้าเป็นรัฐบาลนำโดยพรรคเพื่อไทยไม่มีปัญหาแน่นอน
** ปชป.มั่นใจเป็นฝ่ายค้านคุณภาพ
ด้านนายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเตรียมทำหน้าที่ฝ่ายค้านว่า การทำหน้าที่ฝ่ายค้านในครั้งนี้คงไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากเพราะเคยทำหน้าที่ฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐบาลที่มีคะแนนเสียงมากกว่าครั้งนี้มาแล้ว ทั้งนี้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ยังเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านทำหน้าที่ได้มากขึ้น พรรคประชาธิปัตย์เชื่อว่า การทำหน้าที่ฝ่ายค้านครั้งนี้จะทำงานง่ายกว่าครั้งรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
อย่างไรก็ตามพรรคยังไม่หวั่นกับส.ส.ที่เคยเป็นแกนนำเคลื่อนไหวนอกรัฐสภาจะเข้ามาอยู่ในสภา เพราะในรัฐสภามีข้อบังคับและกฎระเบียบไม่เหมือนการเดินถนนนอกรัฐสภา ยืนยันจะทำหน้าที่ติดตามตรวจสอบรัฐบาล เป็นปากเสียงให้กับประชาชน ส่วนการทำหน้าที่ฝ่ายค้านเพื่อความปรองดองคงทำหน้าที่ตามปกติ เพราะความขัดแย้งไม่ได้เกิดจากสภาแต่เกิดจากคนที่ไม่เคารพกฎหมาย การทำงานของฝ่ายค้านจะไม่ทำหน้าที่ที่จะทำให้เกิดความขัดแย้ง
"รัฐบาลต้องทำหน้าที่โดยคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชน อย่านำนโยบายไปผูกพันกันใครคนใดคนหนึ่ง ต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติมากกว่า ที่ล้มเหลวในอดีต เพราะผลประโยชน์ทับซ้อนของผู้มีอำนาจ" นายวิทยากล่าว
**"ปุระชัย"ยันขอเป็นฝ่ายค้าน
ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ หัวหน้าพรรครักษ์สันติ และส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ให้สัมภาษณ์ภายหลังมารับหนังสือรับรอง ว่า ต่อจากนี้จะทำหน้าที่อย่างสร้างสรรค์พร้อมที่จะสร้างพรรครักษ์สันติให้มี ส.ส.เพิ่มขึ้น ซึ่งการทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านร่วมกับพรรคอื่น ถึงแม้จะเป็นหนึ่งเดียว ก็ไม่มีปัญหาก็สามารถทำงานตรวจสอบได้
ทั้งนี้ ร.ต.อ.ปุระชัย ยืนยันว่าไม่เข้าร่วมรัฐบาลแน่นอน ไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งของพรรคเพื่อไทย เพราะก่อนหน้านี้มีคนมองว่า เราเป็นพรรคนอมินี ดังนั้นขอเป็นฝ่ายค้านดีกว่า
"ผมเคยรู้จักพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จริง แต่ก็แยกกันเมื่อปี 2548 แล้วไม่เคยเข้ายุ่งเกี่ยวอีกเลย และไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องเข้าไปร่วม ผมเป็นฝ่ายค้านเหมาะสมแล้ว และผมจะแสดงจุดยืนของพรรคให้ประชาชนได้เห็น เพื่ออนาคตของพรรครักษ์สันติ ที่ถูกมองว่า เป็นพรรคเล็กไม่สามารถโตได้ ไม่เป็นความจริง ยืนยันว่าเราไม่ได้เป็นพรรคนอมินีของใคร ภารกิจสำคัญ ผมจะทำงานเพื่อประเทศชาติ ขออย่ามาตั้งคำถามกับผมว่า จะนั่งในตำแหน่งอะไร" ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าว
**ชี้ประชานิยมจะเป็นภาระ
เมื่อถามว่า จะเสนอแนะนโยบายกับรัฐบาลในฐานะเป็นฝ่ายค้านอย่างไร ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าวว่า เรื่องใหญ่ที่ทุกพรรคต้องทบทวนคือ ประชานิยมหรือประชาวิวัฒน์ เพราะประเทศที่พัฒนาแล้วไม่ใช้นโยบายแบบนี้ แต่ใช้นโยบายลดช่องว่างในสังคม นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค โอท็อป เริ่มต้นไม่ใช่ประชานิยม แต่เป็นการให้โอกาสกับผู้มีโอกาสน้อยกว่า แต่ตอนหลังกลายเป็นในลักษณะลดแลก แจกแถม เมื่อให้อย่างไม่ระวัง จะกลายเป็นภาระประเทศระยะยาว ดังนั้นต้องทำให้ประชาชนพึ่งพาตนเอง เหมือนต้องสอนจับปลา ไม่ใช่เอาปลาไปให้กินได้เลย ส่วนเรื่องการจัดระเบียบสังคม ก็ต้องทำต่อ โดยสภาก็ต้องตรวจสอบการบังคับใช้กฎหมายของฝ่ายบริหารและสามารถตั้งกระทู้ถามได้ มิเช่นนั้นสังคมจะแย่ไปกว่านี้
เมื่อถามถึงการทำหน้าที่ฝ่ายค้านจะร่วมกับประชาธิปัตย์หรือนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์อย่างไร ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าวว่า การเป็นรัฐบาลกับฝ่ายค้านต่างกัน เพราะรัฐบาลจะอยู่ร่วมกันภายใต้นโยบายรัฐบาลและนายกฯ ส่วนฝ่ายค้านรวมตัวกันหลวมๆ จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยเหมือนกันก็ไม่มีปัญหาอะไร การลงมติจะขึ้นกับข้อมูลเป็นสำคัญและมีความอิสระ
**"ชูวิทย์"เย้ยพวกถูกแขวนอย่าใจร้อน
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย และ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ของพรรคประกอบด้วย นายชัยวัฒน์ ไกรฤกษ์ นายโปรดปราน โต๊ะราหนี นายพงษ์ศักดิ์ เรือนเงิน เดินทางมารับหนังสือรับรอง ส.ส. โดยนายชูวิทย์ กล่าวว่า ขอบคุณประชาชนที่เลือกตนเข้ามา ส่วนคนที่กกต.ยังไม่รับรอง ขอให้อดใจรอนิดหนึ่ง ส่วนพวกที่ไม่มีสิทธิ์ อย่าไปกระเหี้ยนกระหือรือมาก รู้ว่าตัวเองบัญชาการอยู่ข้างหลัง
อย่างไรก็ตาม ขอชมชมเชยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ สมาชิกบ้านเลขที่ 111 ที่ไม่เคยออกงาน ออกข่าว ไม่เคยขึ้นเวที ไม่เคยขึ้นรถแห่ ไม่เคยออกมาสัมภาษณ์ อยู่แต่ข้างหลังเงียบๆ ขอเตือนคนที่โดนโทษแบน เหลือเวลาอีก 1 ปี 2 ปี ครบแล้วค่อยออกมาเล่นการเมือง อย่าไปซื้อเสือ ซื้อลิง อยู่เฉยๆ จะดีกว่า แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น
" ส่วนคนโดนแขวน คุณปูจ๋า ใจเย็นๆได้เป็นนายกฯแน่ เสื้อแดงไม่ต้องห่วง มีรัฐมนตรีเสื้อแดงแน่ เชื่อว่าอาทิตย์หน้า กกต.จะรับรองคนที่เหลือ" นายชูวิทย์ กล่าว
นายชูวิทย์กล่าวด้วยว่า หลังจากตนเป็น ส.ส.แล้วก็จะเริ่มทำงานทันที โดยได้เปิดศูนย์รับเรื่องร้องเรียน ทั้งอาชญากรรม ยาเสพติด และอื่นๆ นอกจากนี้จะตรวจสอบพฤติกรรมของส.ส.ที่ไม่เข้าทำงานในสภาว่าไปไหน ด้วย
" หากส.ส.คนใดไม่เข้าประชุมสภา ผมจะแฉว่าพวกนี้หนีไปอาบอบนวดที่ไหน" นายชูวิทย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นายชูวิทย์ มารับหนังสือรับรองส.ส. นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาได้เดินมาพอดี ผู้สื่อข่าวได้ถามว่า จะจับมือกับหัวหน้าพรรคปรองดองหรือไม่ นายชูวิทย์ รีบส่ายหัวพร้อมกับยิ้มและเดินออกไปจากห้องทันที
** ชทพ.ปัดไม่ได้ทอดทิ้งภูมิใจห้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงบ่ายของการเข้ารายงานตัวของส.ส.ที่รัฐสภา ก็ยังคงคึกคัก โดยเฉพาะมีส.ส.ของพรรคชาติไทยพัฒนา รวมทั้งแกนนำพรรคได้ทยอยเดินทางเข้ามารายงานตัว อาทิ นายชุมพล ศิลปอาชาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งได้เดินทางมากับลูกชาย นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ ส.ส.พิจิตร ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตุว่า นายอภิรัต ศิรินาวิน ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคมหาชน ซึ่งเดินทางมารัฐสภาแต่ช่วงเช้า ก็ได้เข้ารายงานตัวพร้อมคณะของ พล.ต.สนั่น
ขณะที่นายชุมพล ศิลปอาชา ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นทางการเมือง ทั้งกรณีที่กกต. ยังไม่รับรองการเป็นส.ส.ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือกระแสข่าวให้นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรี แทนหากน.ส.ยิ่งลักษณ์ เกิดอุบัติเหตุ โดยนายชุมพล กล่าวว่า เรื่องการเมืองวันนี้ยังไม่ขอตอบ มาแค่รายงานตัว รอให้ทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อยก่อน ให้ กกต.รับรองส.ส.ให้ครบก่อน ซึ่งขณะนี้พรรคชาติไทยพัฒนา ก็ยังมีว่าที่ส.ส.ที่ยังถูกแขวนอีก 6 คน
เมื่อถามว่าสรุปแล้วพรรคชาติไทยพัฒนาทิ้งพรรคภูมิใจไทยไปแล้ว ใช่หรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่าเราเป็นมิตรกัน แต่ในแง่การทำงานเราอยู่คนละบ้าน แต่ก็ทำงานร่วมกันได้ เมื่อถามย้ำว่าแล้วจะช่วยพรรคภูมิใจไทยให้เข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่นายชุมพล กล่าวว่า ไม่ใช่หน้าที่ของตน ตอนนี้ขอให้บรรยากาศการเมืองเดินไปอย่างสดใสเดินสู่ถนนสายปรองดองก่อน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ฝ่ายพันธมิตรฯยื่นกกต.ยุบพรรคการเมือง ซึ่งมีพรรคชาติไทยพัฒนาร่วมด้วย นายชุมพล กล่าว่า ยังไม่ขอตอบ รอให้กกต.รับรองส.ส.ให้ครบก่อน
วานนี้ (14 ก.ค. ) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณาตัดสิทธิ์ผู้สมัคร( ใบแดง ) หรือ สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ( ใบเหลือง ) ส.ส.แบบแบ่งเขต จ.หนองคาย ว่า ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบพิจารณาการให้ใบเหลืองด้วยมติเสียงข้างมาก สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ เขต 2 หนองคาย ตามที่ด้านสืบสวนสอบสวน และวินิจฉัยเสนอเรื่องร้องคัดค้านมา โดยนายสมคิด บาลไธสง ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 จ.หนองคาย พรรคเพื่อไทย ที่ได้รับคะแนนเป็นลำดับที่ 1 ได้มีการกระทำอันควรเชื่อได้ว่า มีการแจกเงิน และขนคนไปฟังการปราศรัย ซึ่งมีหลักฐานเป็นคลิปวีดีโอชัดเจน รวมถึงมีพยานเป็นกลุ่มคนเสื้อแดงยืนยัน ทั้งนี้จะสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันอาทิตย์ที่ 31 ก.ค.
อย่างไรก็ตาม ในสัปดาห์หน้าหากกกต.สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ก็ยังสามารถเลือกตั้งภายในวันเดียวกันได้ ซึ่งการสั่งเลือกตั้งใหม่ จะไม่ประกาศรับสมัคร ถือว่าอยู่ในพระราชกฤษฎีกาเดียวกัน
นางสดศรี ยังกล่าวถึงการพิจาณาคุณสมบัติของผู้สมัครส.ส.ทั้งแบบบัญชีรายชื่อ และแบบแบ่งเขต ที่เป็นกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ว่า กกต.ได้ตั้งอนุกรรมการสืบสวนเพื่อทำความเห็นโดยต้องพิจารณาในข้อกฎหมายรวมถึงต้องดูในข้อเท็จจริงอีกครั้ง ซึ่งทางอนุกรรมการจะส่งผลมาให้กกต.ทราบในวันอังคารที่ 19 ก.ค.
ส่วนกรณีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กกต.ก็ต้องพิจารณาไปตามข้อกฎหมาย โดยเฉพาะประเด็นที่ขนรถแห่รอบเมืองเชียงใหม่ โดยมีนายสมชาย และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสิทธิ์ทางการเมือง เช่นเดียวกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ที่กกต. จะต้องพิจารณาตามข้อกฎหมายเช่นกัน
** ส.ส.รับใบรับรองคึกคัก
วานนี้ (14ก.ค.) ที่อาคาร B ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีการเปิดให้ ส.ส.ที่ได้รับการเลือกตั้ง และผ่านการรับรองจาก กกต. ชุดแรก 358 คน มารับใบรับรองการเป็น ส.ส.จาก กกต. ก่อนนำไปแสดงตนต่อรัฐสภาเพื่อเข้าไปทำหน้าที่ ส.ส. เจ้าหน้าที่ กกต.ได้จัดเตรียมโต๊ะจำนวน 6 โต๊ะ เพื่อให้ ส.ส.รับใบรับรอง โดยแบ่งเป็น ส.ส.ระบบเขต 5 โต๊ะ ประกอบไปด้วย พื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวันออก และภาคเหนือ และโต๊ะของ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ
นอกจากนี้ ยังมีคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มาตั้งโต๊ะให้เซ็นใบปณิธาน และแจกเข็มกลัดช่อสะอาด เป็นการเตือนใจให้ ส.ส.ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ส่งเสริม คุณธรรม จริยธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ก่อนเวลา 08.00 น.มีบรรดา ส.ส.ใหม่ ทั้งแบบบัญชีรายชื่อ และแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ที่ได้รับการรับรองจากกกต. ต่างทยอยมารับหนังสือรับรองผลการเลือกตั้ง โดยแบบแบ่งเขต มีนายสหรัฐ กุลศรี ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคเพื่อไทย เดินทางมารับเอกสารเป็นคนแรก ขณะที่แบบบัญชีรายชื่อ นายพีรยศ ราฮิมมูลา จากพรรคประชาธิปัตย์ มาเป็นคนแรก
จากนั้น ส.ส.ใหม่ ก็ทยอยมารับเอกสารอย่างต่อเนื่อง ขณะที่บางคนก็ให้เจ้าหน้าที่พรรคมารับเอกสารแทน บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก ซึ่งในการให้รับหนังสือรับรองครั้งนี้ กกต.ไม่ได้มีการทำพิธีแจกเหมือนอย่างทุกครั้งที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน ทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ได้ตั้งโต๊ะให้ส.ส.ใหม่ ได้ลงนามในการตั้งปณิธาน ให้คำมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ ในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย พร้อมกับแจกเอกสารผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน ในหัวข้อนักการเมืองที่คนไทยต้องการ รวมถึงเข็มช่อสะอาด ที่สื่อความหมายถึง ความโปร่งใส สุจริต
ทั้งนี้ นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้มารับหนังสือรับรองการเป็นส.ส. แต่ไม่ยอมลงนามในปณิธาน ที่ป.ป.ช.เตรียมไว้ให้ โดยอ้างว่าป.ป.ช. มีที่มาที่ไม่ถูกต้อง จึงไม่จำเป็นต้องลงนามในปณิธาน ทำให้นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ที่เดินทางมารับหนังสือรับรอง ได้กล่าวตำหนิพฤติกรรมของนายสุนัย ว่าเป็นเพราะพรรคเพื่อไทยไม่ได้ประโยชน์จากป.ป.ช. ที่เข้าไปตรวจสอบเรื่องร้องเรียนต่างๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็แทรกแซงการทำงานขององค์กรอิสระ ทั้งนี้หากเข้ามาทำหน้าที่ในสภาฯ และไม่มีความคิดที่จะคอร์รัปชันก็ควรที่จะร่วมลงนาม เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติตัวของส.ส. ดังนั้นตนขอให้ส.ส.ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านที่จะมารับหนังสือรับรองร่วมลงนามในปณิธานด้วย
** ขอส.ส.แก้กม.เลือกตั้งที่มีปัญหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการกกต. ได้มาตรวจเยี่ยมดูแลความเรียบร้อยในการแจกหนังสือรับรองผลการเลือกตั้งส.ส.ของเจ้าหน้าที่กกต. และทักทายเหล่าบรรดา ส.ส.ที่เดินทางมารับหนังสือรับรอง โดยนายสุทธิพล ได้กล่าวกับน.ส.สุนีย์ เหลืองวิจิตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยว่า เมื่อเข้าไปทำหน้าที่ในสภาแล้ว ขอให้ช่วยแก้ไขข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งยังมีปัญหา โดยเฉพาะวัน และเวลาในการจัดการเลือกตั้งล่วงหน้า ที่มีการแก้ไขให้เหลือเพียงแค่วันเดียว แต่ฝ่ายปฏิบัติคือ กกต.ทำงานได้ยากมาก และให้มีการพิจารณายกเลิกผลผูกพันการลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า ว่าให้มีผลเฉพาะการเลือกตั้งแต่ละครั้งไป
** ส.ส.รับใบรับรองแล้ว 260 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อเวลา 16.30 น. ที่กกต.ปิดการให้รับใบประกาศรับรองผลการเป็นส.ส. ปรากฏว่า มีส.ส.มารับไปแล้ว 260 คน โดยแยกเป็นส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจำนวน 109 คน มารับไปแล้วจำนวน 74 คน ยังคงเหลือเพียงแค่ 35 คน
ส่วนส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งนั้น กกต.ประกาศรับรองผลไป 249 คน มารับแล้ว 186 คน ยังเหลือจำนวน 63 คน
ในส่วนของบุคคลที่ยังไม่ได้รับใบประกาศรับรองผลการเป็นส.ส.ก็สามารถมารับได้ที่กกต.ทุกคนไม่เว้นวันหยุดราชการ แต่ให้ขึ่งไปรับได้ที่ชั้น 5 สำนักงานด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง ตั้งแต่เวลา 08.30 น.-16.30 น.
โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือกกต.ประกาศรับรองทั้งสิ้น 84 คน มารับใบรับรองแล้วจำนวน 30 คน ยังเหลือ 13 คน ภาคเหนือกกต.ประกาศรับรองผลไปจำนวน 48 คน มารับใบรับรองแล้วจำนวน 30 คน เหลืออีก 18 คน ภาตใต้กกต.ประกาศรับรองจำนวน 45 คน มารับใบรับรองแล้ว 36 คน ยังคงเหลือ 9 คน ภาคกลาง กกต.ประกาศรับรองผลจำนวน 22 คน มารับแล้วจำนวน 13 คน ยังคงเหลือจำนวน 9 คน ส่วนกทม.และปริมณฑล กกต.ประกาศรับรองผลไปจำนวน 50 คน มารับแล้วจำนวน 36 คน ยังคงเหลืออีกจำนวน 14 คน
อย่างไรก็ตามในส่วนของบัญชีรายชื่อนั้นยังคงมีเหลือในส่วนของพรรคเพื่อไทยจำนวน 18 คน พรรคประชาธิปัตย์ 14 คน และพรรคภูมิใจไทย 3 คน ซึ่งก็ยังมีคนดังๆหลายคนอาทิ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี นายกรณ์ จาติกวณิช นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล นายศุภชัย ใจสมุทร ฯ
**รายงานตัวรับเงินเดือน113,560 บ.
ส่วนที่ รัฐสภา บรรยากาศบริเวณห้องโถงรัฐสภา 1 เป็นไปอย่างคึกคัก หลังจาก ส.ส.เดินทางไปรับหนังสือรับรองจากกกต.และได้มาแสดงตนที่รัฐสภา โดยเวลา 08.50 น.นายคมเดช ไชยศิวามงคล ส.ส.เขต 8 กาฬสินธุ์ พรรคเพื่อไทย เดินทางมาเป็นคนแรกได้ขอเอกสารแสดงตนรับกระเป๋าบรรจุเอกสาร ซึ่งภายในประกอบด้วยรัฐธรรมนูญปี 50 ระเบียบข้อบังคับต่างๆ และถ่ายรูปทำบัตร
ทั้งนี้ ส.ส.ชุดใหม่จะเป็นชุดที่ 24 ได้รับเงินเดือน 113,560 บาท เพิ่มจากชุดก่อนที่ได้รับ 104,330 บาท และขณะนี้มี ส.ส.จากพรรคต่างๆ ทยอยเดินทางมาแสดงตนอย่างต่อเนื่อง ทำให้บรรยากาศที่รัฐสภากลับมาคึกคักอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับ 45 พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมารายงานตัว โดยนำรูปนายสุวโรช พะลัง ที่เสียชีวิตมารายงานตัวด้วย โดยระบุว่า การเสียชีวิตของนายสุวโรช ทำให้ตนได้เลื่อนลำดับขึ้นมาเป็นส.ส. จึงขอแสดงความกตัญญู และขอยึดตามปณิธานของนายสุวโรช ในการต่อสู้เพื่อเกษตรกร ทั้งที่ดินทำกิน และราคาพืชผล
**รายงานตัวส.ส.วันแรก 219 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ ส.ส.ที่มารายงานตัวในวันแรก จนถึงเวลา 18.00 น. ซึ่งเป็นเวลาปิดรับการแสดงตนในวันแรก มีจำนวนทั้งสิ้น 219 คน จาก 260 คน ที่ไปรับใบรับรองจาก กกต. โดยมีพล.อ.สนธิ บุญยรัตนกลิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคมาตุภูมิ มาแสดงตัวเป็นคนสุดท้าย
**พท.คุยฟุ้งจะลดความขัดแย้ง
นายคมเดช ไชยศิวามงคลให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่สมบูรณ์แบบ เนื่องจากประชาชนเลือกมา ภายใต้ข้อขัดแย้ง การถูกเอาเปรียบทุกระบบ ด้วยการใช้อำนาจรัฐ และวิธีการใช้เงินซื้อเสียง แม้จะถูกเอาเปรียบทั้งระบบ แต่ประชาชนก็เลือกเข้ามาถึง 265 เสียง พลังจึงอยู่ตรงนี้ เราต่อสู้กับข้อขัดแย้ง ต่อสู้กับความไม่เป็นธรรม
เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่า น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกฯ จะผ่านการรับรองจากกกต. นายคมเดช กล่าวว่ามีมีปัญหา การบริหารบ้านเมืองไม่ได้อยู่ที่คนเดียว สภาพบ้านเมืองที่เกิดขึ้นมาจากความขัดแย้ง เกิดเผด็จการภายใต้ระบบประชาธิปไตยมา 3-5 ปีแล้ว ดังนั้นข้อขัดแย้งที่ตนต้องการให้มีการแก้ไขมากที่สุดคือ ให้ประเทศไทยลงนามสัตยบันกับสหประชาชาติ ว่าผู้ที่มีอำนาจทำลายประชาชน ฆ่าประชาชน ต้องขึ้นศาลโลก เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับประชาชน
เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นส.ส.จะรับประกันไม่ให้เกิดสภาล่มอย่างไร นายคมเดช กล่าวว่า ไม่มีปัญหา เพราะรัฐบาลมีเสียงเกินครึ่ง แต่ปัญหาสภาล่มที่ผ่านมาเกิดจากรัฐบาล เป็นรัฐบาลผสมมีหลายพรรคร่วม รัฐบาลมีเสียงไม่เกิดกึ่งหนึ่ง พรรคร่วมรัฐบาลจึงใช้ประเด็นไม่เข้าร่วมประชุมสภา มาต่อรองเรื่องผลประโยชน์ จนเกิดปัญหา แต่ถ้าเป็นรัฐบาลนำโดยพรรคเพื่อไทยไม่มีปัญหาแน่นอน
** ปชป.มั่นใจเป็นฝ่ายค้านคุณภาพ
ด้านนายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเตรียมทำหน้าที่ฝ่ายค้านว่า การทำหน้าที่ฝ่ายค้านในครั้งนี้คงไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากเพราะเคยทำหน้าที่ฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐบาลที่มีคะแนนเสียงมากกว่าครั้งนี้มาแล้ว ทั้งนี้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ยังเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านทำหน้าที่ได้มากขึ้น พรรคประชาธิปัตย์เชื่อว่า การทำหน้าที่ฝ่ายค้านครั้งนี้จะทำงานง่ายกว่าครั้งรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
อย่างไรก็ตามพรรคยังไม่หวั่นกับส.ส.ที่เคยเป็นแกนนำเคลื่อนไหวนอกรัฐสภาจะเข้ามาอยู่ในสภา เพราะในรัฐสภามีข้อบังคับและกฎระเบียบไม่เหมือนการเดินถนนนอกรัฐสภา ยืนยันจะทำหน้าที่ติดตามตรวจสอบรัฐบาล เป็นปากเสียงให้กับประชาชน ส่วนการทำหน้าที่ฝ่ายค้านเพื่อความปรองดองคงทำหน้าที่ตามปกติ เพราะความขัดแย้งไม่ได้เกิดจากสภาแต่เกิดจากคนที่ไม่เคารพกฎหมาย การทำงานของฝ่ายค้านจะไม่ทำหน้าที่ที่จะทำให้เกิดความขัดแย้ง
"รัฐบาลต้องทำหน้าที่โดยคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชน อย่านำนโยบายไปผูกพันกันใครคนใดคนหนึ่ง ต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติมากกว่า ที่ล้มเหลวในอดีต เพราะผลประโยชน์ทับซ้อนของผู้มีอำนาจ" นายวิทยากล่าว
**"ปุระชัย"ยันขอเป็นฝ่ายค้าน
ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ หัวหน้าพรรครักษ์สันติ และส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ให้สัมภาษณ์ภายหลังมารับหนังสือรับรอง ว่า ต่อจากนี้จะทำหน้าที่อย่างสร้างสรรค์พร้อมที่จะสร้างพรรครักษ์สันติให้มี ส.ส.เพิ่มขึ้น ซึ่งการทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านร่วมกับพรรคอื่น ถึงแม้จะเป็นหนึ่งเดียว ก็ไม่มีปัญหาก็สามารถทำงานตรวจสอบได้
ทั้งนี้ ร.ต.อ.ปุระชัย ยืนยันว่าไม่เข้าร่วมรัฐบาลแน่นอน ไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งของพรรคเพื่อไทย เพราะก่อนหน้านี้มีคนมองว่า เราเป็นพรรคนอมินี ดังนั้นขอเป็นฝ่ายค้านดีกว่า
"ผมเคยรู้จักพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จริง แต่ก็แยกกันเมื่อปี 2548 แล้วไม่เคยเข้ายุ่งเกี่ยวอีกเลย และไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องเข้าไปร่วม ผมเป็นฝ่ายค้านเหมาะสมแล้ว และผมจะแสดงจุดยืนของพรรคให้ประชาชนได้เห็น เพื่ออนาคตของพรรครักษ์สันติ ที่ถูกมองว่า เป็นพรรคเล็กไม่สามารถโตได้ ไม่เป็นความจริง ยืนยันว่าเราไม่ได้เป็นพรรคนอมินีของใคร ภารกิจสำคัญ ผมจะทำงานเพื่อประเทศชาติ ขออย่ามาตั้งคำถามกับผมว่า จะนั่งในตำแหน่งอะไร" ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าว
**ชี้ประชานิยมจะเป็นภาระ
เมื่อถามว่า จะเสนอแนะนโยบายกับรัฐบาลในฐานะเป็นฝ่ายค้านอย่างไร ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าวว่า เรื่องใหญ่ที่ทุกพรรคต้องทบทวนคือ ประชานิยมหรือประชาวิวัฒน์ เพราะประเทศที่พัฒนาแล้วไม่ใช้นโยบายแบบนี้ แต่ใช้นโยบายลดช่องว่างในสังคม นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค โอท็อป เริ่มต้นไม่ใช่ประชานิยม แต่เป็นการให้โอกาสกับผู้มีโอกาสน้อยกว่า แต่ตอนหลังกลายเป็นในลักษณะลดแลก แจกแถม เมื่อให้อย่างไม่ระวัง จะกลายเป็นภาระประเทศระยะยาว ดังนั้นต้องทำให้ประชาชนพึ่งพาตนเอง เหมือนต้องสอนจับปลา ไม่ใช่เอาปลาไปให้กินได้เลย ส่วนเรื่องการจัดระเบียบสังคม ก็ต้องทำต่อ โดยสภาก็ต้องตรวจสอบการบังคับใช้กฎหมายของฝ่ายบริหารและสามารถตั้งกระทู้ถามได้ มิเช่นนั้นสังคมจะแย่ไปกว่านี้
เมื่อถามถึงการทำหน้าที่ฝ่ายค้านจะร่วมกับประชาธิปัตย์หรือนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์อย่างไร ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าวว่า การเป็นรัฐบาลกับฝ่ายค้านต่างกัน เพราะรัฐบาลจะอยู่ร่วมกันภายใต้นโยบายรัฐบาลและนายกฯ ส่วนฝ่ายค้านรวมตัวกันหลวมๆ จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยเหมือนกันก็ไม่มีปัญหาอะไร การลงมติจะขึ้นกับข้อมูลเป็นสำคัญและมีความอิสระ
**"ชูวิทย์"เย้ยพวกถูกแขวนอย่าใจร้อน
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย และ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ของพรรคประกอบด้วย นายชัยวัฒน์ ไกรฤกษ์ นายโปรดปราน โต๊ะราหนี นายพงษ์ศักดิ์ เรือนเงิน เดินทางมารับหนังสือรับรอง ส.ส. โดยนายชูวิทย์ กล่าวว่า ขอบคุณประชาชนที่เลือกตนเข้ามา ส่วนคนที่กกต.ยังไม่รับรอง ขอให้อดใจรอนิดหนึ่ง ส่วนพวกที่ไม่มีสิทธิ์ อย่าไปกระเหี้ยนกระหือรือมาก รู้ว่าตัวเองบัญชาการอยู่ข้างหลัง
อย่างไรก็ตาม ขอชมชมเชยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ สมาชิกบ้านเลขที่ 111 ที่ไม่เคยออกงาน ออกข่าว ไม่เคยขึ้นเวที ไม่เคยขึ้นรถแห่ ไม่เคยออกมาสัมภาษณ์ อยู่แต่ข้างหลังเงียบๆ ขอเตือนคนที่โดนโทษแบน เหลือเวลาอีก 1 ปี 2 ปี ครบแล้วค่อยออกมาเล่นการเมือง อย่าไปซื้อเสือ ซื้อลิง อยู่เฉยๆ จะดีกว่า แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น
" ส่วนคนโดนแขวน คุณปูจ๋า ใจเย็นๆได้เป็นนายกฯแน่ เสื้อแดงไม่ต้องห่วง มีรัฐมนตรีเสื้อแดงแน่ เชื่อว่าอาทิตย์หน้า กกต.จะรับรองคนที่เหลือ" นายชูวิทย์ กล่าว
นายชูวิทย์กล่าวด้วยว่า หลังจากตนเป็น ส.ส.แล้วก็จะเริ่มทำงานทันที โดยได้เปิดศูนย์รับเรื่องร้องเรียน ทั้งอาชญากรรม ยาเสพติด และอื่นๆ นอกจากนี้จะตรวจสอบพฤติกรรมของส.ส.ที่ไม่เข้าทำงานในสภาว่าไปไหน ด้วย
" หากส.ส.คนใดไม่เข้าประชุมสภา ผมจะแฉว่าพวกนี้หนีไปอาบอบนวดที่ไหน" นายชูวิทย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นายชูวิทย์ มารับหนังสือรับรองส.ส. นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาได้เดินมาพอดี ผู้สื่อข่าวได้ถามว่า จะจับมือกับหัวหน้าพรรคปรองดองหรือไม่ นายชูวิทย์ รีบส่ายหัวพร้อมกับยิ้มและเดินออกไปจากห้องทันที
** ชทพ.ปัดไม่ได้ทอดทิ้งภูมิใจห้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงบ่ายของการเข้ารายงานตัวของส.ส.ที่รัฐสภา ก็ยังคงคึกคัก โดยเฉพาะมีส.ส.ของพรรคชาติไทยพัฒนา รวมทั้งแกนนำพรรคได้ทยอยเดินทางเข้ามารายงานตัว อาทิ นายชุมพล ศิลปอาชาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งได้เดินทางมากับลูกชาย นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ ส.ส.พิจิตร ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตุว่า นายอภิรัต ศิรินาวิน ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคมหาชน ซึ่งเดินทางมารัฐสภาแต่ช่วงเช้า ก็ได้เข้ารายงานตัวพร้อมคณะของ พล.ต.สนั่น
ขณะที่นายชุมพล ศิลปอาชา ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นทางการเมือง ทั้งกรณีที่กกต. ยังไม่รับรองการเป็นส.ส.ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือกระแสข่าวให้นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรี แทนหากน.ส.ยิ่งลักษณ์ เกิดอุบัติเหตุ โดยนายชุมพล กล่าวว่า เรื่องการเมืองวันนี้ยังไม่ขอตอบ มาแค่รายงานตัว รอให้ทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อยก่อน ให้ กกต.รับรองส.ส.ให้ครบก่อน ซึ่งขณะนี้พรรคชาติไทยพัฒนา ก็ยังมีว่าที่ส.ส.ที่ยังถูกแขวนอีก 6 คน
เมื่อถามว่าสรุปแล้วพรรคชาติไทยพัฒนาทิ้งพรรคภูมิใจไทยไปแล้ว ใช่หรือไม่ นายชุมพล กล่าวว่าเราเป็นมิตรกัน แต่ในแง่การทำงานเราอยู่คนละบ้าน แต่ก็ทำงานร่วมกันได้ เมื่อถามย้ำว่าแล้วจะช่วยพรรคภูมิใจไทยให้เข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่นายชุมพล กล่าวว่า ไม่ใช่หน้าที่ของตน ตอนนี้ขอให้บรรยากาศการเมืองเดินไปอย่างสดใสเดินสู่ถนนสายปรองดองก่อน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ฝ่ายพันธมิตรฯยื่นกกต.ยุบพรรคการเมือง ซึ่งมีพรรคชาติไทยพัฒนาร่วมด้วย นายชุมพล กล่าว่า ยังไม่ขอตอบ รอให้กกต.รับรองส.ส.ให้ครบก่อน