“ชูวิทย์” นำลูกพรรครับใบรับรอง ส.ส.เตือนพวกที่ยังไม่ได้รับการรับรองให้ใจเย็นๆ รอ กกต.ทำงานก่อน ส่วนพวกถูกตัดสิทธิ์ควรหยุดเคลื่อนไหว ด้าน “ปุระชัย” ระบุ การทำหน้าที่ในสภายังไม่แน่นอน รอ กกต.รับรองผลเลือกตั้งให้ชัดเจนก่อน จี้ พรรคใหญ่ทบทวนนโยบายประชานิยม ชี้ ระยะยาวจะเป็นภาระของประเทศ
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย พร้อมด้วย นายชัยวัฒน์ ไกรฤกษ์, นายโปรดปราน โต๊ะราหนี, นายพงษ์ศักดิ์ เรือนเงิน ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค เดินทางมาลงทะเบียนรับรองการเป็น ส.ส.จาก กกต.
นายชูวิทย์ ซึ่งมียิ้มแย้มแจ่มใส กล่าวว่า ผู้ที่ยังไม่ได้ประกาศรับรองการเป็น ส.ส.ขอให้ใจเย็นๆ ตอนนี้ขอให้ กกต.ทำงานอย่างเต็มที่ และขอเตือนผู้ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองให้หยุดเคลื่อนไหว การที่จะบินไปประเทศบรูไน ไปกินข้าวต้ม ไปดูเสือขาวนั้น ขอให้หยุด เพราะสิ่งเหล่านี้มันส่งผลกระทบไปถึงพรรคการเมืองที่ท่านควบคุม
“ปูจ๋า ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็ได้เป็นนายกฯ แกนนำแดงก็ไม่ต้องห่วง รัฐมนตรีมีแน่นอน ช่วงนี้ขอให้หยุด รอฟังการประกาศรับรองของ กกต.ก่อน ขอเตือนคนที่ติดโทษแบน มีระยะเวลาอีกแค่ 2 ปี ก็จะได้ออกมาแล้ว” นายชูวิทย์ กล่าว
นายชูวิทย์ ยังกล่าวชม คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ สมาชิกบ้านเลขที่ 111 อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ว่า น่าเคารพนับถือ อยู่ข้างหลังไม่เคยออกทีวี ไม่เคยให้สัมภาษณ์ ไม่เหมือนกับผู้ใหญ่บางคน
ส่วนกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกมาเคลื่อนไหวนั้น นายชูวิทย์ เห็นว่า เป็นสิทธิ์ของแต่ละกลุ่ม ทุกคนสามารถทำได้ ทั้งนี้ ตนเตรียมเปิดศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ให้กับประชาชน ส่งเรื่องร้องเรียนต่างๆ เข้ามา ทั้งเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน เรื่องยาเสพติด เรื่องปัญหาสังคม โดยยืนยันต่อจากนี้ไปจะทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน และเดินหน้าทำงานตรวจสอบให้กับประชาชนทันที
ด้าน ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักษ์สันติ ให้สัมภาษณ์หลังเข้ารายงานตัว ส.ส.ใหม่ต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ถึงการทำหน้าที่ในสภา ว่า ต้องรอ กกต.รับรองผลการเลือกตั้งให้ครบและเปิดสภาได้ก่อน ตอนนี้ยังไม่มีอะไรแน่นอน เรื่องโหวตนายกฯก็เช่นกัน ฉะนั้น ต้องรอทุกอย่างนิ่งก่อน แต่ตนก็พยายามหาข้อมูลเพื่อเลือกคนดีมาบริหารประเทศ
ส่วนการทำงานของพรรคต่อไปนั้น จะทำการเมืองระยะยาว การได้ ส.ส.มาถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว แม้หลายคนจะมองว่าล้มเหลว แต่พรรคเพิ่งตั้งได้ 1 เดือนก่อนเลือกตั้ง และได้ 2.8 แสนคะแนน ที่ไม่ได้ซื้อเสียงเลย ต้องถือว่าเป็นเสียงบริสุทธิ์ทั้งหมด
“ตอนนี้เราเป็นฝ่ายค้านภายใต้โครงสร้างปัจจุบัน ก็ต้องยืนตรงข้ามพรรคเพื่อไทย ไม่เช่นนั้นคนจะรู้สึกว่าเป็นนอมินีกับพรรคนั้นพรรคนี้ อย่างที่มีคนเคยให้ข้อมูลกับสังคมทำให้พรรคโดนสงสัย จึงขอยืนยันว่า เราเป็นฝ่ายค้าน ไม่ใช่นอมินีใคร ส่วนอนาคตที่อาจจะมีใครพลิกขั้วอะไร ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเสนอแนะนโยบายกับรัฐบาลในฐานะเป็นฝ่ายค้านอย่างไร ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าวว่า เรื่องใหญ่ที่ทุกพรรคต้องทบทวน คือ ประชานิยม หรือประชาวิวัฒน์ เพราะประเทศที่พัฒนาแล้วไม่ใช้นโยบายแบบนี้ แต่ใช้นโยบายลดช่องว่างในสังคม นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค โอทอป เริ่มต้นไม่ใช่ประชานิยม แต่เป็นการให้โอกาสกับผู้มีโอกาสน้อยกว่า แต่ตอนหลังกลายเป็นในลักษณะลดแลกแจกแถม เมื่อให้อย่างไม่ระวัง จะกลายเป็นภาระประเทศระยะยาว ดังนั้น ต้องทำให้ประชาชนพึ่งพาตนเอง เหมือนต้องสอนจับปลา ไม่ใช่เอาปลาไปให้กินได้เลย ส่วนเรื่องการจัดระเบียบสังคม ก็ต้องทำต่อ โดยสภาก็ต้องตรวจสอบการบังคับใช้กฎหมายของฝ่ายบริหารและสามารถตั้งกระทู้ถามได้ มิเช่นนั้นสังคมจะแย่ไปกว่านี้
เมื่อถามว่า มองการทำงานของ กกต.อย่างไรที่ตอนนี้โดนโจมตีเรื่องการยังไม่ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งครบ ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าวว่า ตนไม่เห็นปัญหา และขอชื่นชมการทำงานที่มีประสิทธิภาพ แต่แน่นอนว่า ระยะเวลาสั้นก็อาจขลุกขลักบ้าง ส่วนเรื่องบัตรเสียที่เยอะอาจทำให้คะแนนของพรรคมากขึ้นนั้น ตนไม่ทราบ แต่คิดว่า ถ้ากกต.จะแถลงอะไรออกมา ควรตรวจสอบข้อมูลให้ดีก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การทำหน้าที่ฝ่ายค้านจะร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ หรือ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์อย่างไร ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าวว่า การเป็นรัฐบาลกับฝ่ายค้านต่างกัน เพราะรัฐบาลจะอยู่ร่วมกันภายใต้นโยบายรัฐบาลและนายกฯ ส่วนฝ่ายค้านรวมตัวกันหลวมๆ จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยเหมือนกันก็ไม่มีปัญหาอะไร การลงมติจะขึ้นกับข้อมูลเป็นสำคัญและมีความอิสระ
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย พร้อมด้วย นายชัยวัฒน์ ไกรฤกษ์, นายโปรดปราน โต๊ะราหนี, นายพงษ์ศักดิ์ เรือนเงิน ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค เดินทางมาลงทะเบียนรับรองการเป็น ส.ส.จาก กกต.
นายชูวิทย์ ซึ่งมียิ้มแย้มแจ่มใส กล่าวว่า ผู้ที่ยังไม่ได้ประกาศรับรองการเป็น ส.ส.ขอให้ใจเย็นๆ ตอนนี้ขอให้ กกต.ทำงานอย่างเต็มที่ และขอเตือนผู้ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองให้หยุดเคลื่อนไหว การที่จะบินไปประเทศบรูไน ไปกินข้าวต้ม ไปดูเสือขาวนั้น ขอให้หยุด เพราะสิ่งเหล่านี้มันส่งผลกระทบไปถึงพรรคการเมืองที่ท่านควบคุม
“ปูจ๋า ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็ได้เป็นนายกฯ แกนนำแดงก็ไม่ต้องห่วง รัฐมนตรีมีแน่นอน ช่วงนี้ขอให้หยุด รอฟังการประกาศรับรองของ กกต.ก่อน ขอเตือนคนที่ติดโทษแบน มีระยะเวลาอีกแค่ 2 ปี ก็จะได้ออกมาแล้ว” นายชูวิทย์ กล่าว
นายชูวิทย์ ยังกล่าวชม คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ สมาชิกบ้านเลขที่ 111 อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ว่า น่าเคารพนับถือ อยู่ข้างหลังไม่เคยออกทีวี ไม่เคยให้สัมภาษณ์ ไม่เหมือนกับผู้ใหญ่บางคน
ส่วนกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกมาเคลื่อนไหวนั้น นายชูวิทย์ เห็นว่า เป็นสิทธิ์ของแต่ละกลุ่ม ทุกคนสามารถทำได้ ทั้งนี้ ตนเตรียมเปิดศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ให้กับประชาชน ส่งเรื่องร้องเรียนต่างๆ เข้ามา ทั้งเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน เรื่องยาเสพติด เรื่องปัญหาสังคม โดยยืนยันต่อจากนี้ไปจะทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน และเดินหน้าทำงานตรวจสอบให้กับประชาชนทันที
ด้าน ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักษ์สันติ ให้สัมภาษณ์หลังเข้ารายงานตัว ส.ส.ใหม่ต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ถึงการทำหน้าที่ในสภา ว่า ต้องรอ กกต.รับรองผลการเลือกตั้งให้ครบและเปิดสภาได้ก่อน ตอนนี้ยังไม่มีอะไรแน่นอน เรื่องโหวตนายกฯก็เช่นกัน ฉะนั้น ต้องรอทุกอย่างนิ่งก่อน แต่ตนก็พยายามหาข้อมูลเพื่อเลือกคนดีมาบริหารประเทศ
ส่วนการทำงานของพรรคต่อไปนั้น จะทำการเมืองระยะยาว การได้ ส.ส.มาถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว แม้หลายคนจะมองว่าล้มเหลว แต่พรรคเพิ่งตั้งได้ 1 เดือนก่อนเลือกตั้ง และได้ 2.8 แสนคะแนน ที่ไม่ได้ซื้อเสียงเลย ต้องถือว่าเป็นเสียงบริสุทธิ์ทั้งหมด
“ตอนนี้เราเป็นฝ่ายค้านภายใต้โครงสร้างปัจจุบัน ก็ต้องยืนตรงข้ามพรรคเพื่อไทย ไม่เช่นนั้นคนจะรู้สึกว่าเป็นนอมินีกับพรรคนั้นพรรคนี้ อย่างที่มีคนเคยให้ข้อมูลกับสังคมทำให้พรรคโดนสงสัย จึงขอยืนยันว่า เราเป็นฝ่ายค้าน ไม่ใช่นอมินีใคร ส่วนอนาคตที่อาจจะมีใครพลิกขั้วอะไร ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเสนอแนะนโยบายกับรัฐบาลในฐานะเป็นฝ่ายค้านอย่างไร ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าวว่า เรื่องใหญ่ที่ทุกพรรคต้องทบทวน คือ ประชานิยม หรือประชาวิวัฒน์ เพราะประเทศที่พัฒนาแล้วไม่ใช้นโยบายแบบนี้ แต่ใช้นโยบายลดช่องว่างในสังคม นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค โอทอป เริ่มต้นไม่ใช่ประชานิยม แต่เป็นการให้โอกาสกับผู้มีโอกาสน้อยกว่า แต่ตอนหลังกลายเป็นในลักษณะลดแลกแจกแถม เมื่อให้อย่างไม่ระวัง จะกลายเป็นภาระประเทศระยะยาว ดังนั้น ต้องทำให้ประชาชนพึ่งพาตนเอง เหมือนต้องสอนจับปลา ไม่ใช่เอาปลาไปให้กินได้เลย ส่วนเรื่องการจัดระเบียบสังคม ก็ต้องทำต่อ โดยสภาก็ต้องตรวจสอบการบังคับใช้กฎหมายของฝ่ายบริหารและสามารถตั้งกระทู้ถามได้ มิเช่นนั้นสังคมจะแย่ไปกว่านี้
เมื่อถามว่า มองการทำงานของ กกต.อย่างไรที่ตอนนี้โดนโจมตีเรื่องการยังไม่ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งครบ ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าวว่า ตนไม่เห็นปัญหา และขอชื่นชมการทำงานที่มีประสิทธิภาพ แต่แน่นอนว่า ระยะเวลาสั้นก็อาจขลุกขลักบ้าง ส่วนเรื่องบัตรเสียที่เยอะอาจทำให้คะแนนของพรรคมากขึ้นนั้น ตนไม่ทราบ แต่คิดว่า ถ้ากกต.จะแถลงอะไรออกมา ควรตรวจสอบข้อมูลให้ดีก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การทำหน้าที่ฝ่ายค้านจะร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ หรือ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์อย่างไร ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าวว่า การเป็นรัฐบาลกับฝ่ายค้านต่างกัน เพราะรัฐบาลจะอยู่ร่วมกันภายใต้นโยบายรัฐบาลและนายกฯ ส่วนฝ่ายค้านรวมตัวกันหลวมๆ จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยเหมือนกันก็ไม่มีปัญหาอะไร การลงมติจะขึ้นกับข้อมูลเป็นสำคัญและมีความอิสระ