“ปุระชัย” เริ่มเดินสายเหนือประเดิมหาเสียงลำปางก่อนขึ้นลำพูน-เชียงใหม่

ศูนย์ข่าวภาคเหนือ - “ร.ต.อ.ปุระชัย-หน.พรรครักษ์สันติ” เริ่มเดินสายหาเสียงภาคเหนือตอนบน ประเดิมสนามลำปาง ที่ส่งผู้สมัคร 1 เดียวก่อนขึ้นลำพูน-เชียงใหม่ต่อ ตอกย้ำเป็นกลางทางการเมือง-เที่ยวตรงในการทำงาน ชูผลงานจัดระเบียบสังคม-ปราบยา ขอคะแนนชาวบ้าน

วันนี้ (7 มิ.ย.) ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ หัวหน้าพรรครักษ์สันติ ได้เดินทางมายังจังหวัดลำปาง เพื่อช่วย พ.ต.อ.โอภาส จันทร์ปิง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ลำปาง เขต 3 ของพรรค หาเสียงในพื้นที่ โดยได้เริ่มหาเสียงตามตลาด และย่านค้าขายสำคัญในเขต อ.แม่ทะ จ.ลำปาง

สำหรับในการเลือกตั้งครั้งนี้ ถือว่า พ.ต.อ.โอภาส จันทร์ปิง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ลำปาง เขต 3 พรรครักษ์สันติ เป็นเพียงผู้สมัครหนึ่งเดียวของพรรค ที่ลงชิงชัยรับเลือกตั้งในจังหวัดลำปาง ในนามพรรครักษ์สันติ โดยที่ในอีก 3 เขตเลือกตั้งของจังหวัดลำปาง ทางพรรคไม่ได้ส่งใครลงสมัคร

ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าวว่า ตนเริ่มเดินทางมาหาเสียงในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน จากจังหวัดลำปาง ก่อนที่จะเดินทางไปจังหวัดลำพูน และเชียงใหม่ ที่สำคัญจะได้พบปะกับแฟนคลับของตนเองที่มีอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งประชาชนในแต่ละพื้นที่ยังประทับใจผลการทำงานของตนเองที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจัดระเบียบสังคม และการปราบปรามยาเสพติด ที่จะทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ ประชาชนจะมอบความไว้วางใจตนเอง และผู้สมัครของพรรคให้ได้รับเลือก

สำหรับในภาคเหนือตอนบน มีผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรครักษ์สันติ ในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาน ลำพูน และแม่ฮ่องสอน

“ทางพรรคก็หวังว่า จะเป็นทางเลือกให้กับประชาชนในภาคเหนือตอนบน แม้ว่า ในพื้นที่ดังกล่าว จะเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคใหญ่ แต่ตนคาดว่าจากนโยบายพรรค ที่จะเป็นกลางทางการเมือง เที่ยงตรงในการทำงาน ที่สำคัญไม่ไปขัดแย้งกับใคร เพื่อให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุข จะทำให้พรรครักษ์สันติ ได้รับเสียงตอบรับที่ดี ทั้งนี้ตนมองว่า ปัญหาหลักในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ยังไม่ได้รับการแก้ไขเท่าที่ควร ไม่ว่าจะเป็นปัญหายาเสพติด ที่กลับมาระบาดหนัก ภัยทางธรรมชาติ ที่เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งจะต้องเตรียมความพร้อมในการป้องกัน นับเป็นงานที่ท้าทาย และต้องทำ เพื่อแก้ไขปัญหาหลักในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน”

ร.ต.อ.ปุระชัย ยังกล่าวถึงในเรื่องของความปรองดองด้วยว่า พรรครักษ์สันติ เป็นพรรคเล็กที่ไม่ได้ขัดแย้งกับใคร เน้นเล่นการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ดังนั้นที่ผ่านมา จึงไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเหตุความวุ่นวายทางการเมือง จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือว่าประเทศเกิดความเสียหาย การพัฒนาประเทศให้กลับคืนสู่ความสงบสุข และให้คนในประเทศเกิดความสามัคคี จึงต้องดำเนินงานโดยเร็ว ซึ่งจะต้องมีคนที่เป็นกลางทางการเมือง ให้เข้ามาเป็นผู้นำเชื่อมต่อหลาย ๆ กลุ่มการเมือง ให้มาร่วมกันพัฒนาประเทศ และผู้นำปรองดอง จะสามารถให้ความเป็นธรรมทั้งฝ่ายซ้าย และฝ่ายขวาได้ โดยไม่มีปัญหาขัดแย้งเกิดขึ้น

ประเด็น คือ หากให้ความเป็นธรรมได้แล้ว ความปรองดองก็จะเกิดขึ้น คนที่จะเป็นผู้นำในการปรองดองนั้น ไม่ได้หมายถึงตนเพียงคนเดียว ยังมีอีกหลายคนที่มีคุณสมบัติ

“ซึ่งการเดินทางมายังพื้นที่ภาคเหนือตอนบนนี้ ตนก็จะได้มาสร้างความเข้าใจกับประชาชนเรื่องความปรองดองด้วย”