ASTVผู้จัดการรายวัน-กกต.ถกเครียดก่อนประกาศรับรอง 358 ส.ส. "ยิ่งลักษณ์-อภิสิทธิ์-แกนนำเสื้อแดง" ถูกแขวน ขณะที่ครม.เห็นชอบออกพ.ร.ฎ.เปิดประชุมรัฐสภาแล้ว เลขาฯ ครม. รอกกต.ส่งชื่อ 475 ส.ส.ให้ไม่เกิน 31 ก.ค. ก่อนประชุม 4 ฝ่าย เตรียมส่งขึ้นทูลเกล้าฯ "อดีต ส.ส.ร." จวก กกต.คุมเลือกตั้งเหลว เตือนระวังติดตารางซ้ำรอย 3 หนา ชี้ทำงานไม่ได้เรื่อง แค่ "แม้ว-เติ้ง" จุ้นการเมืองเห็นชัดๆ ยังไม่มีปัญญาจัดการ แถมปล่อยคนไทยเสียสิทธิ์อีกกว่า 2 ล้านคน
การประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อพิจารณา เรื่อง การประกาศผลการเลือกตั้งส.ส.ที่ไม่มีเรื่องร้องคัดค้านการเลือกตั้ง เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (12 ก.ค.) แต่ก่อนที่จะถึงวาระการประกาศรับรองผลส.ส.นั้น กกต.มีวาระการประชุมต้องพิจารณาเรื่องร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ก่อนหลายเรื่อง ซึ่งร่วมถึงกรณีการพิจารณาร้องคัดค้านส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทยด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หน้าอาคารเฉลิมพระเกียรติฯ อาคารบี สำนักงานกกต.ได้มีกลุ่มเสื้อแดง ประมาณ 50 คน เดินทางมารอฟังผลของกกต.ว่าจะประกาศรับรองผล ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค และรอดูว่า กกต.จะประกาศรับรองให้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ได้เป็นส.ส.หรือไม่ หากประกาศรับรองผลให้เป็น ส.ส. จะมีทนายของนายจตุพร และคนสนิทเดินทางมารอรับ เพื่อนำไปยื่นต่อศาล ร้องขอให้ปล่อยตัวชั่วคราว ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 1 กองร้อย พร้อมกับได้นำแผงเหล็กมากันโดยรอบ และได้มีการตรวจตราผู้ที่เข้าออกอย่างเข้มงวด
ทั้งนี้ ระหว่างการพิจารณา ได้มีบรรดาว่าที่ส.ส.มารอลุ้นการรับรองและรอรับใบประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง เพื่อนำไปรายงานตัวต่อสภา อย่างไรก็ตาม ทางสำนักงานกกต.ได้มีกำหนดให้ผู้ที่กกต.ประกาศรับรองผลแล้ว มารับหนังสือรับรองได้ตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค. เพราะระหว่างนี้ ยังทำใบรับรองผล ส.ส.ไม่เสร็จ
** แขวน มาร์ค-ยิ่งลักษณ์-แกนนำแดง
นายสุทธิพล ทวีชัยการเลขาธิการ กกต. กล่าวว่า หลังจากที่กกต.ได้พิจารณาแล้ว ได้มีมติประกาศรับรองส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ 109 คน ถูกแขวน 16 คน ประกอบด้วยผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย 11 คน คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย นพ.เหวง โตจิราการ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย นายพายัพ ปั้นเกตุ นายพิชิฏ ชื่นบาน นายก่อแก้ว พิกุลทอง น.ส.จารุพรรณ กุลดิลก นายวิเชียร ขาวขำ
พรรคประชาธิปัตย์ 3 คน คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู พรรคประชาธิปไตยใหม่ 1 คน นางพัชริน มั่นปาน พรรคภูมิใจไทย 1 คน นายชัย ชิดชอบ สำรับส.ส.เขตเลือกตั้ง ประกาศรับรอง249 คน รวมรับรองส.ส.ทั้งสิ้น 358 คน
** ครม.เห็นชอบพ.ร.ฎ.เปิดประชุมสภา
นายอำพน กิตติอำพล เลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) กล่าวถึงการออกร่างพระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมรัฐสภา ซึ่งอาศัยอำนาจตามความใน มาตรา 127, 128, 187 ของรัฐธรรมนูญว่า เป็นเรื่องที่กกต.ต้องส่งรายชื่อ ส.ส. อย่างน้อย 475 คน มาให้ตน ก่อนวันที่ 31 ก.ค.นี้ ซึ่งตนเชื่อว่า กกต.จะส่งมาได้ทันกำหนด เพราะเขาได้แสดงความมั่นใจว่า ทุกอย่างจะเรียบร้อย เนื่องจากจะครบกำหนดที่จะต้องเปิดประชุมสภาฯ ภายใน 30 วัน ซึ่งก็คือ วันที่ 1 ส.ค.นี้ และเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ตนจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย เปิดสมัยประชุมสภาฯ ส่วนจะเปิดประชุมสภาฯได้วันใดนั้น ขึ้นอยู่กับพระราชวินิจฉัย
ทั้งนี้ นายอำพน ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ภายหลังการประชุม ครม.ว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบในพระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมรัฐสภาฯ โดยนายกรัฐมนตรี ได้ลงนามสนองในพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวไว้ล่วงหน้าแล้ว ส่วนวันที่จะมีการเปิดประชุมสภาฯนั้น ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ไปประสานกับเลขาธิการกกต. สำนักราชเลขาธิการ และสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นำความกราบบังคลทูลฯ ภายหลังจากที่ กกต.ประกาศรับรอง ส.ส.อย่างน้อย 475 คน
เมื่อถามว่ามีข่าวว่า กกต.อาจต้องรับรอง ส.ส. 3 รอบ ซึ่งอาจไม่ทันกรอบเวลาเปิดประชุมสภาฯ ในวันที่ 1 ส.ค.นี้ นายอำพน กล่าวว่า กกต.ทราบดีว่าวันที่ 1 ส.ค. เป็นวันสุดท้ายที่จะเปิดประชุมสภาฯได้ ดังนั้น กกต.รู้กรอบเวลาดี เชื่อว่าคงวางระยะเวลาที่สมควรได้
ทั้งนี้ ตามที่พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2554 มาตรา 4 กำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไป ในวันอาทิตย์ที่ 3 ก.ค.2554 และกกต.ได้ดำเนินการเลือกตั้งในวันดัวกล่าวเสร็จแล้วนั้น สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่า
1. พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. พ.ศ. 2550 มาตรา 8 กำหนดให้ในการดำเนินการเลือกตั้งมีกรณีอันควรเชื่อได้ว่า การเลือกตั้งนั้นมิได้เป็นไปโดยสุจริต และเที่ยงธรรม ให้ประกาศผลการเลือกตั้งว่าผู้ใดได้รับการเลือกตั้งภายใน 7 วัน ทำการนับแต่วันเลือกตั้ง ( ภายในวันอังคารที่ 12 ก.ค.2554 ) แต่ถ้าเห็นว่าเป็นกรณีที่มีเหตุอันสงสัยว่า มีกรณีไม่สุจริตและเที่ยงธรรมในเขตเลือกตั้งใด จะยังไม่ประกาศผลสำหรับเขตเลือกตั้งนั้นได้ แต่ต้องสอบสวน และวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายใน 30วัน นับแต่วันเลือกตั้ง ( ภายในวันจันทร์ที่ 1 ส.ค.2554 )
2. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติมทั่วไปครั้งใดมีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่ถึง 500 คน แต่มีจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด ( จำนวน 475 คน ) ให้ถือว่าสมาชิกจำนวนนั้นประกอบเป็นสภาผู้แทนราษฎร
มาตรา 127 กำหนดให้มีการร้องเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อให้สมาชิกได้มาประชุมเป็นครั้งแรกภายใน 30 วัน นับแต่วันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร( ภายในวันที่ 1 ส.ค.2554 ) และมาตรา 128 กำหนดให้เรียกการประชุมรัฐสภาให้ทำโดยพระราชกฤษฎีกา
**รับรองส.ส.เสี่ยงทำผิดกฎหมาย
นายคมสัน โพธิ์คง รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ในฐานะอดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ( ส.ส.ร.) กล่าวถึงกรณีที่ กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งว่า เรื่องนี้อาจทำให้กกต. มีความผิดทางกฎหมาย หากถูกยื่นเรื่องฟ้องร้องกรณีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เนื่องจากยังไม่ได้ชี้แจงข้อเรียกร้องในเรื่องต่างๆ ให้เกิดความกระจ่าง เช่น การกำหนดนโยบายหาเสียงของนักการเมืองและพรรคการเมือง การควบคุมดูแลไม่ให้ผู้ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเข้ามายุ่ง เช่น กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และนายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นต้น ที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเลือกตั้ง หรือกรณีที่ประชาชนเสียสิทธิ์เลือกตั้ง กว่า 2 ล้านคน จากการไม่ได้ยื่นเรื่องขอเปลี่ยนแปลงการใช้สิทธินอกเขตเลือกตั้ง
ทั้งนี้ โดยส่วนตัวมองว่า กกต.จงใจละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งที่รู้ว่าการเลือกตั้ง ปี 2554 มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้ง และจำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อ และส.ส.เขต ดังนั้น หน่วยและสถานที่เลือกตั้งก็ต้องเปลี่ยนแปลง อีกทั้งกฎหมายเลือกตั้งมีผลบังคับใช้เป็นการเฉพาะช่วงที่มีการเลือกตั้ง แต่ กกต.ไม่ได้ดำเนินการใดๆ ทำให้ประชาชนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งกว่า 2 ล้านคนนั้นมีปัญหา ซึ่งในทางกฎหมายถือว่ากกต.ไม่ใช้อำนาจ จนทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อการเลือกตั้ง
ดังนั้น หากกกต.จะสร้างความเป็นธรรม ต้องสั่งเลือกตั้งใหม่ทั่วประเทศ เพราะจำนวนเสียงกว่า 2 ล้านคนที่เสียสิทธิ์ไปนั้น ตนมีข้อมูลว่า หากเสียงดังกล่าวมีสิทธิ์เลือกตั้ง จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงคะแนนเลือกตั้งประมาณ 21 จังหวัด และเปลี่ยนแปลงผู้ได้รับเลือกตั้งประมาณ 50-70 คน
** ระวังจะติดคุกเหมือนชุด"3หนา"
นายคมสันกล่าวว่า เคยได้ยินว่า กกต.ชุดปัจจุบันวางหลักไว้ว่า จะตรวจสอบเฉพาะเรื่องที่มีคนร้อง หากไม่มีผู้ร้อง ก็จะไม่ทำ แต่กกต.เป็นผู้ที่จัด และควบคุมดูแลการเลือกตั้ง ไม่ใช่ศาลที่ต้องรอรับเรื่อง ดังนั้น เมื่อพบสิ่งที่เข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง ต้องเข้าไปทำหน้าที่ ซึ่งขณะนี้มีผู้ร้องเรียนให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในหลายๆ เรื่อง แต่กกต.ไม่เคยเคลียร์เรื่องเหล่านั้น มองว่าการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งครั้งนี้ จะเป็นเหมือนการกระทำผิดที่สำเร็จแล้ว และอาจซ้ำรอยประวัติศาสตร์ กกต.ยุคของพล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ที่ติดคุก เพราะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีผู้ร้องเอาผิด กกต.จริง จะมีผลต่อการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งหรือไม่ นายคมสัน กล่าวว่า ไม่มีผลต่อการประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง แต่จะมีผลก็ต่อเมื่อศาลฎีกาสั่งเพิกถอนผลการเลือกตั้งนั้น
เมื่อถามว่าเรื่องดังกล่าวอาจทำให้การเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรล่าช้าออกไป นายคมสัน กล่าวว่า ปัญหาเยอะแบบนี้ จะปล่อยให้เขาเข้าไปใช้อำนาจได้อย่างไร เราต้องยึดหลักของกฎหมาย ไม่ใช่มองแต่การเมือง หากปล่อยคนที่มีปัญหาเข้าไปทำหน้าที่ คนเหล่านี้ก็จะเข้าไปทำให้การเมืองมีปัญหา
**"เทือก"อัดกกต.บกพร่องอย่างแรง
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และรักษาการเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การเปิดประชุมรัฐสภาเพื่อให้สมาชิกได้มาประชุมเป็นครั้งแรก ภายใน 30วัน นับแต่วันเลือกตั้งส.ส.ว่า คิดว่าสามารถเปิดประชุมรัฐสภาได้ เพราะ เชื่อว่าก่อน 30 วัน กกต.ก็ควรจะรับรองได้ครบ 95% จะมีคนที่เป็นปัญหาจริงๆ เท่านั้นที่จะต้องตรวจสอบกันต่อไป
ส่วนที่สังคมมองว่าขั้นตอนการประกาศรับรองส.ส. และการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้านั้น เป็นความรับผิดชอบของแต่ละฝ่าย กกต.เองควรจะออมกาชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนให้ชัดเจน เพื่อลดความกระวน กระวายของประชาชนลงไป ทางสภาก็เตรียมพร้อมรอกกต.รับรองผลเรียบร้อยก็ดำเนินการต่อไปได้ ส่วนรัฐบาลที่ประชุมครม. ก็จะพิจารณาร่าง พ.ร.ฎ.เปิดสมัยประชุมรัฐสภาเอาไว้
เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่า มีการซื้อสียงกันมาก แต่กกต.กลับได้รับการร้องเรียนไม่มากเท่าที่ควร และไม่เคยออกมาชี้แจงเรื่องใบเหลือง ใบแดง นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องการทำงานของกกต. แต่เรื่องหนึ่งที่ตนเห็นและรู้สึกว่า กกต.บกพร่องอย่างยิ่ง ซึ่งต้องปรับปรุงอย่าให้เกิดขึ้นอีก คือ เรื่องที่บรรดาผู้ที่เคยไปเลือกตั้งล่วงหน้า และคราวนี้ไม่ได้แสดงความจำนงจะไปเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตพื้นที่ แต่ตั้งใจจะกลับไปเลือกตั้งในเขตพื้นที่ตัวเอง แต่ปรากฎว่าไม่มีชื่อ ไม่ได้ลง คะแนน
ส่วนที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเรียกร้องให้เลือกตั้งใหม่ เพราะประชาชนกว่า 2 ล้านคนที่เสียสิทธิ น่าจะมีปัญหานั้น ตนไม่ทราบจริงๆ ว่าคนที่เสียสิทธิการเลือกตั้ง เพราะเหตุนี้มีจำนวนเท่าไร ไม่น่าบกพร่องอย่างนี้ แต่เมือเกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องว่าไปตามกระบวนการ
การประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อพิจารณา เรื่อง การประกาศผลการเลือกตั้งส.ส.ที่ไม่มีเรื่องร้องคัดค้านการเลือกตั้ง เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (12 ก.ค.) แต่ก่อนที่จะถึงวาระการประกาศรับรองผลส.ส.นั้น กกต.มีวาระการประชุมต้องพิจารณาเรื่องร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ก่อนหลายเรื่อง ซึ่งร่วมถึงกรณีการพิจารณาร้องคัดค้านส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทยด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หน้าอาคารเฉลิมพระเกียรติฯ อาคารบี สำนักงานกกต.ได้มีกลุ่มเสื้อแดง ประมาณ 50 คน เดินทางมารอฟังผลของกกต.ว่าจะประกาศรับรองผล ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค และรอดูว่า กกต.จะประกาศรับรองให้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ได้เป็นส.ส.หรือไม่ หากประกาศรับรองผลให้เป็น ส.ส. จะมีทนายของนายจตุพร และคนสนิทเดินทางมารอรับ เพื่อนำไปยื่นต่อศาล ร้องขอให้ปล่อยตัวชั่วคราว ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 1 กองร้อย พร้อมกับได้นำแผงเหล็กมากันโดยรอบ และได้มีการตรวจตราผู้ที่เข้าออกอย่างเข้มงวด
ทั้งนี้ ระหว่างการพิจารณา ได้มีบรรดาว่าที่ส.ส.มารอลุ้นการรับรองและรอรับใบประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง เพื่อนำไปรายงานตัวต่อสภา อย่างไรก็ตาม ทางสำนักงานกกต.ได้มีกำหนดให้ผู้ที่กกต.ประกาศรับรองผลแล้ว มารับหนังสือรับรองได้ตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค. เพราะระหว่างนี้ ยังทำใบรับรองผล ส.ส.ไม่เสร็จ
** แขวน มาร์ค-ยิ่งลักษณ์-แกนนำแดง
นายสุทธิพล ทวีชัยการเลขาธิการ กกต. กล่าวว่า หลังจากที่กกต.ได้พิจารณาแล้ว ได้มีมติประกาศรับรองส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ 109 คน ถูกแขวน 16 คน ประกอบด้วยผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย 11 คน คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย นพ.เหวง โตจิราการ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย นายพายัพ ปั้นเกตุ นายพิชิฏ ชื่นบาน นายก่อแก้ว พิกุลทอง น.ส.จารุพรรณ กุลดิลก นายวิเชียร ขาวขำ
พรรคประชาธิปัตย์ 3 คน คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู พรรคประชาธิปไตยใหม่ 1 คน นางพัชริน มั่นปาน พรรคภูมิใจไทย 1 คน นายชัย ชิดชอบ สำรับส.ส.เขตเลือกตั้ง ประกาศรับรอง249 คน รวมรับรองส.ส.ทั้งสิ้น 358 คน
** ครม.เห็นชอบพ.ร.ฎ.เปิดประชุมสภา
นายอำพน กิตติอำพล เลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) กล่าวถึงการออกร่างพระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมรัฐสภา ซึ่งอาศัยอำนาจตามความใน มาตรา 127, 128, 187 ของรัฐธรรมนูญว่า เป็นเรื่องที่กกต.ต้องส่งรายชื่อ ส.ส. อย่างน้อย 475 คน มาให้ตน ก่อนวันที่ 31 ก.ค.นี้ ซึ่งตนเชื่อว่า กกต.จะส่งมาได้ทันกำหนด เพราะเขาได้แสดงความมั่นใจว่า ทุกอย่างจะเรียบร้อย เนื่องจากจะครบกำหนดที่จะต้องเปิดประชุมสภาฯ ภายใน 30 วัน ซึ่งก็คือ วันที่ 1 ส.ค.นี้ และเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ตนจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย เปิดสมัยประชุมสภาฯ ส่วนจะเปิดประชุมสภาฯได้วันใดนั้น ขึ้นอยู่กับพระราชวินิจฉัย
ทั้งนี้ นายอำพน ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ภายหลังการประชุม ครม.ว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบในพระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมรัฐสภาฯ โดยนายกรัฐมนตรี ได้ลงนามสนองในพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวไว้ล่วงหน้าแล้ว ส่วนวันที่จะมีการเปิดประชุมสภาฯนั้น ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ไปประสานกับเลขาธิการกกต. สำนักราชเลขาธิการ และสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นำความกราบบังคลทูลฯ ภายหลังจากที่ กกต.ประกาศรับรอง ส.ส.อย่างน้อย 475 คน
เมื่อถามว่ามีข่าวว่า กกต.อาจต้องรับรอง ส.ส. 3 รอบ ซึ่งอาจไม่ทันกรอบเวลาเปิดประชุมสภาฯ ในวันที่ 1 ส.ค.นี้ นายอำพน กล่าวว่า กกต.ทราบดีว่าวันที่ 1 ส.ค. เป็นวันสุดท้ายที่จะเปิดประชุมสภาฯได้ ดังนั้น กกต.รู้กรอบเวลาดี เชื่อว่าคงวางระยะเวลาที่สมควรได้
ทั้งนี้ ตามที่พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2554 มาตรา 4 กำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไป ในวันอาทิตย์ที่ 3 ก.ค.2554 และกกต.ได้ดำเนินการเลือกตั้งในวันดัวกล่าวเสร็จแล้วนั้น สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่า
1. พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว. พ.ศ. 2550 มาตรา 8 กำหนดให้ในการดำเนินการเลือกตั้งมีกรณีอันควรเชื่อได้ว่า การเลือกตั้งนั้นมิได้เป็นไปโดยสุจริต และเที่ยงธรรม ให้ประกาศผลการเลือกตั้งว่าผู้ใดได้รับการเลือกตั้งภายใน 7 วัน ทำการนับแต่วันเลือกตั้ง ( ภายในวันอังคารที่ 12 ก.ค.2554 ) แต่ถ้าเห็นว่าเป็นกรณีที่มีเหตุอันสงสัยว่า มีกรณีไม่สุจริตและเที่ยงธรรมในเขตเลือกตั้งใด จะยังไม่ประกาศผลสำหรับเขตเลือกตั้งนั้นได้ แต่ต้องสอบสวน และวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายใน 30วัน นับแต่วันเลือกตั้ง ( ภายในวันจันทร์ที่ 1 ส.ค.2554 )
2. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติมทั่วไปครั้งใดมีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่ถึง 500 คน แต่มีจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด ( จำนวน 475 คน ) ให้ถือว่าสมาชิกจำนวนนั้นประกอบเป็นสภาผู้แทนราษฎร
มาตรา 127 กำหนดให้มีการร้องเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อให้สมาชิกได้มาประชุมเป็นครั้งแรกภายใน 30 วัน นับแต่วันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร( ภายในวันที่ 1 ส.ค.2554 ) และมาตรา 128 กำหนดให้เรียกการประชุมรัฐสภาให้ทำโดยพระราชกฤษฎีกา
**รับรองส.ส.เสี่ยงทำผิดกฎหมาย
นายคมสัน โพธิ์คง รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ในฐานะอดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ( ส.ส.ร.) กล่าวถึงกรณีที่ กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งว่า เรื่องนี้อาจทำให้กกต. มีความผิดทางกฎหมาย หากถูกยื่นเรื่องฟ้องร้องกรณีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เนื่องจากยังไม่ได้ชี้แจงข้อเรียกร้องในเรื่องต่างๆ ให้เกิดความกระจ่าง เช่น การกำหนดนโยบายหาเสียงของนักการเมืองและพรรคการเมือง การควบคุมดูแลไม่ให้ผู้ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเข้ามายุ่ง เช่น กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และนายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นต้น ที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเลือกตั้ง หรือกรณีที่ประชาชนเสียสิทธิ์เลือกตั้ง กว่า 2 ล้านคน จากการไม่ได้ยื่นเรื่องขอเปลี่ยนแปลงการใช้สิทธินอกเขตเลือกตั้ง
ทั้งนี้ โดยส่วนตัวมองว่า กกต.จงใจละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งที่รู้ว่าการเลือกตั้ง ปี 2554 มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้ง และจำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อ และส.ส.เขต ดังนั้น หน่วยและสถานที่เลือกตั้งก็ต้องเปลี่ยนแปลง อีกทั้งกฎหมายเลือกตั้งมีผลบังคับใช้เป็นการเฉพาะช่วงที่มีการเลือกตั้ง แต่ กกต.ไม่ได้ดำเนินการใดๆ ทำให้ประชาชนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งกว่า 2 ล้านคนนั้นมีปัญหา ซึ่งในทางกฎหมายถือว่ากกต.ไม่ใช้อำนาจ จนทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อการเลือกตั้ง
ดังนั้น หากกกต.จะสร้างความเป็นธรรม ต้องสั่งเลือกตั้งใหม่ทั่วประเทศ เพราะจำนวนเสียงกว่า 2 ล้านคนที่เสียสิทธิ์ไปนั้น ตนมีข้อมูลว่า หากเสียงดังกล่าวมีสิทธิ์เลือกตั้ง จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงคะแนนเลือกตั้งประมาณ 21 จังหวัด และเปลี่ยนแปลงผู้ได้รับเลือกตั้งประมาณ 50-70 คน
** ระวังจะติดคุกเหมือนชุด"3หนา"
นายคมสันกล่าวว่า เคยได้ยินว่า กกต.ชุดปัจจุบันวางหลักไว้ว่า จะตรวจสอบเฉพาะเรื่องที่มีคนร้อง หากไม่มีผู้ร้อง ก็จะไม่ทำ แต่กกต.เป็นผู้ที่จัด และควบคุมดูแลการเลือกตั้ง ไม่ใช่ศาลที่ต้องรอรับเรื่อง ดังนั้น เมื่อพบสิ่งที่เข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง ต้องเข้าไปทำหน้าที่ ซึ่งขณะนี้มีผู้ร้องเรียนให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในหลายๆ เรื่อง แต่กกต.ไม่เคยเคลียร์เรื่องเหล่านั้น มองว่าการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งครั้งนี้ จะเป็นเหมือนการกระทำผิดที่สำเร็จแล้ว และอาจซ้ำรอยประวัติศาสตร์ กกต.ยุคของพล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ที่ติดคุก เพราะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีผู้ร้องเอาผิด กกต.จริง จะมีผลต่อการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งหรือไม่ นายคมสัน กล่าวว่า ไม่มีผลต่อการประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง แต่จะมีผลก็ต่อเมื่อศาลฎีกาสั่งเพิกถอนผลการเลือกตั้งนั้น
เมื่อถามว่าเรื่องดังกล่าวอาจทำให้การเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรล่าช้าออกไป นายคมสัน กล่าวว่า ปัญหาเยอะแบบนี้ จะปล่อยให้เขาเข้าไปใช้อำนาจได้อย่างไร เราต้องยึดหลักของกฎหมาย ไม่ใช่มองแต่การเมือง หากปล่อยคนที่มีปัญหาเข้าไปทำหน้าที่ คนเหล่านี้ก็จะเข้าไปทำให้การเมืองมีปัญหา
**"เทือก"อัดกกต.บกพร่องอย่างแรง
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และรักษาการเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การเปิดประชุมรัฐสภาเพื่อให้สมาชิกได้มาประชุมเป็นครั้งแรก ภายใน 30วัน นับแต่วันเลือกตั้งส.ส.ว่า คิดว่าสามารถเปิดประชุมรัฐสภาได้ เพราะ เชื่อว่าก่อน 30 วัน กกต.ก็ควรจะรับรองได้ครบ 95% จะมีคนที่เป็นปัญหาจริงๆ เท่านั้นที่จะต้องตรวจสอบกันต่อไป
ส่วนที่สังคมมองว่าขั้นตอนการประกาศรับรองส.ส. และการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้านั้น เป็นความรับผิดชอบของแต่ละฝ่าย กกต.เองควรจะออมกาชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนให้ชัดเจน เพื่อลดความกระวน กระวายของประชาชนลงไป ทางสภาก็เตรียมพร้อมรอกกต.รับรองผลเรียบร้อยก็ดำเนินการต่อไปได้ ส่วนรัฐบาลที่ประชุมครม. ก็จะพิจารณาร่าง พ.ร.ฎ.เปิดสมัยประชุมรัฐสภาเอาไว้
เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่า มีการซื้อสียงกันมาก แต่กกต.กลับได้รับการร้องเรียนไม่มากเท่าที่ควร และไม่เคยออกมาชี้แจงเรื่องใบเหลือง ใบแดง นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องการทำงานของกกต. แต่เรื่องหนึ่งที่ตนเห็นและรู้สึกว่า กกต.บกพร่องอย่างยิ่ง ซึ่งต้องปรับปรุงอย่าให้เกิดขึ้นอีก คือ เรื่องที่บรรดาผู้ที่เคยไปเลือกตั้งล่วงหน้า และคราวนี้ไม่ได้แสดงความจำนงจะไปเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตพื้นที่ แต่ตั้งใจจะกลับไปเลือกตั้งในเขตพื้นที่ตัวเอง แต่ปรากฎว่าไม่มีชื่อ ไม่ได้ลง คะแนน
ส่วนที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเรียกร้องให้เลือกตั้งใหม่ เพราะประชาชนกว่า 2 ล้านคนที่เสียสิทธิ น่าจะมีปัญหานั้น ตนไม่ทราบจริงๆ ว่าคนที่เสียสิทธิการเลือกตั้ง เพราะเหตุนี้มีจำนวนเท่าไร ไม่น่าบกพร่องอย่างนี้ แต่เมือเกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องว่าไปตามกระบวนการ