“คมสัน” ฉะ พท.ยกร่างประชามติเลือก รธน.สร้างคณาธิปไตยชี้ถูกผิดส่ออันตราย

รองอธิการฯ มสธ.ซัด “มานิตย์” ชงยกร่างประชามติเลือก รธน.40 หรือ 50 ขัดหลักประชาธิปไตยไม่ฟังเสียงข้างน้อย เน้นพวกมากลากไป ชี้อาศัยเสียงประชาชนด้วยความไม่รู้มาชี้ถูกผิดเป็นอันตราย ทำลายกฎหมาย ก่อวุ่นวายซ้ำ ยันยังไงก็หนีถูกยุบพรรคไม่ได้

วันนี้ (12 ก.ค.) นายคมสัน โพธิ์คง รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวถึงกรณีที่นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ แกนนำคนเสื้อแดง และที่ปรึกษาคณะทำงานด้านกฎหมายของพรรคเพื่อไทย เตรียมเสนอให้มีการยกร่างประชามติเพื่อให้ประชาชนเลือกว่าจะใช้รัฐธรรมนูญฉบับใด ระหว่าง ปี 2540 กับ 2550 โดยหวังให้เป็นมาตรการป้องกันการถูกยุบพรรคอีกครั้งว่า การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นกระบวนการที่ขัดต่อหลักประชาธิปไตยที่ต้องยึดถือนิติรัฐ ที่ต้องรับฟังเสียงข้างน้อยด้วย ซึ่งกระบวนการที่นายมานิตย์ระบุนั้นถือว่าเป็นระบอบคณาธิปไตย ใช้เสียงพวกมากลากไป คำนึงถึงความถูกใจมากกว่าถูกกฎหมาย

“ผมเข้าใจว่าเขามั่นใจในคะแนนเสียง จึงพยายามกระทำใช้เสียงของประชาชนมาชี้ถูกชี้ผิด หรือใช้เสียงมากลากไป การแก้ไขปัญหาของพรรคเพื่อไทยใช้ความไม่รู้ของประชาชนในด้านข้อกฎหมายมาสร้างผลที่ให้ได้อย่างใจต้องการ ซึ่งตรงนี้เป็นอันตราย เพราะจะเป็นสิ่งที่ทำลายการบังคับใช้กฎหมาย ในอนาคตอาจกลายเป็นการโต้แย้งของกลุ่มคนที่ยึดมั่นในหลักนิติรัฐ และอาจกลายเป็นความวุ่นวาย” นายคมสันกล่าว

นายคมสันกล่าวอีกว่า สำหรับกรณีการทำประชามตินั้น ตามหลักประชาธิปไตยเป็นเพียงแนวทางของการปรึกษาหารือ แต่ไม่มีผลในกรณีจะเปลี่ยนแปลงตัวรัฐธรรมนูญโดยตรง เนื่องจากอำนาจดังกล่าวต้องขึ้นอยู่กับฝ่ายรัฐบาลว่าหลังจากที่ประชาชนได้ลงประชามติแล้วรัฐบาลจะต้องนำมาพิจารณาอีกครั้งว่าเหมาะสมหรือไม่ ส่วนประเด็นหนีการถูกยุบพรรคนั้น ไม่เกี่ยวว่าขณะนี้นั้นใช้รัฐธรรมนูญฉบับใด เพราะรัฐธรรมนูญ 2540 หรือ 2550 ล้วนมีบทบัญญัติยุบพรรคการเมืองที่ทำการทุจริตเลือกตั้ง แต่ในรัฐธรรมนูญ 2550 เพิ่มมาตรา 237 ที่ลงโทษถึงขั้นตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค นอกจากนั้นแล้วการพิจารณายุบพรรคการเมืองยังต้องดูกฎหมายอื่นๆ ประกอบด้วย