xs
xsm
sm
md
lg

“เทือก” อัด กกต.ดันทุรังรับรอง “เทือก” ก่อนโยนศาล รธน.ชี้ชะตา เตือนตกเป็นจำเลย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุเทพ เทือกสุบรรณ (แฟ้มภาพ)
“เทพเทือก” ยกหาง “มาร์ค” เหมาะสุด หน.ปชป. ลั่น ปชป.เป็นฝ่ายค้านตรวจสอบ รบ.ตั้งแต่วันแรกไปเรื่อยๆ ไม่มีให้กรอบเวลาโชว์ฝีมือ จวก กกต.ดื้อรับรอง “จตุพร” โยนศาล รธน.ชี้ขาดคุณสมบัติจะเจอข้อหาปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กลายเป็นจำเลยต้องไปสู้คดีเอง “เทือก” อารมณ์ค้างจวกมติชน สันดานเล่นข่าวเบิร์ธเดย์ไม่ถูกใจ


วันนี้ (8 ก.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรักษาการเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการนัดจัดงานเลี้ยงขอบคุณ ส.ส.ของพรรคที่ได้รับเลือกตั้งมาในวันที่ 13 ก.ค.จะมีการหารือกำหนดยุทธศาสตร์การทำงานของพรรคและการเลือกกรรรมการบริหารพรรคชุดใหม่หรือไม่ว่า ตามปกติเป็นธรรมเนียมเวลาเลือกตั้งเสร็จเลขาธิการพรคทุกยุคทุกสมัย จะจัดงานเลี้ยงต้อนรับ ส.ส.ใหม่และ ส.ส.เก่าที่ได้รับเลือกตั้งกลับเข้ามาใหม่

ส่วนเรื่องที่จะคุยกันเรื่องยุทธศาสตร์และอนาคตของพรรคก็ต้องคุยกันมาก จะคุยกันไปเรื่อยๆ เมื่อถามว่า ที่ผ่านมามองว่าคนที่เป็นประธานคณะทำงานยุทธศาสตร์กำหนดยุทธศาสตร์ผิดพลาดไปหรือไม่ นายุสเทพกล่าวว่า ถามอย่างนี้หาเรื่องให้ตนมีปัญหาอีกแล้วใช่หรือไม่ ขืนไปวิจารณ์อย่างนั้น เดี๋ยวนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ก็ลุกขึ้นมาชกตนหมด คงไม่ใช่ วันนี้จะโทษใครไม่ได้ ต้องช่วยกันดูทั้งพรรค สำรวจตัวเองว่าเราทำอะไรยังไม่ถูกใจประชาชนตรงไหนต้องมาปรับกัน เป็นพรรคการเมืองต้องสำรวจและปรับปรุงตัวเองตลอดเวลา

เมื่อถามว่า เวลาที่เหลือจะสามารถดึงมวลชนกลับมาได้หรือไม่ เพราะคะแนนของพรรคประชาธิปัตย์ได้น้อยกว่าครั้งที่แล้ว นายสุเทพกล่าวว่า นั่นคือเหตุผลที่ตนต้องตัดสินใจลาออกจากเลขาธิการพรรคและตั้งใจจะไม่รับตำแหน่ง เพราะต้องรับผิดชอบการที่ทำให้พรรคคะแนนน้อยกว่าเดิมมันก็เป็นปัญหา แต่พรรคการเมืองไม่ว่าจะเป็นประเทศไหนก็มีขึ้นมีลง ได้รับคะแนนนิยมมากหรือน้อยก็ต้องทำงานให้หนักยิ่งขึ้น ส่วนคุณสมบัติคนที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคคนใหม่จะต้องเป็นอย่างไร เป็นเรื่องของสมาชิกพรรคจะคิดเห็นอย่างไร ตัว บุคคลที่ตนคิดว่าเหมาะสมที่สุดที่จะเป็นหัวหน้าพรรคคือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่ไม่ได้หมายความว่าที่ตนสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ชัดเจน เพื่อให้ตัวเองได้กลับมาด้วย

เมื่อถามถึงการที่มีนักวิชาการมองว่ามีนโยบายบางเรื่องของพรรคเพื่อไทยอาจทำได้ยาก หรือทำไม่ได้เลย เท่ากับหลอกลวงประชาชนในช่วงหาเสียงหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะมีความชัดเจนเรื่องนโยบายต่อเมื่อเขาจัดตั้ง ครม.เสร็จ และจะนำนโยบายไปแถลงต่อรัฐสภา ถึงวันนั้นเราจะได้เห็นความชัดเจนว่ามีอะไรที่เขาจะทำจริงหรือไม่ทำ เราก็ควรจะวิพากษ์วิจารณ์ตามนั้น ไปพูดตอนนี้ก็เร็วเกินไป เพราะขณะนี้ยังอยู่ในช่วงเวลาที่เขายังต้องพิจารณาทบทวนและทางที่ดีพรรคเพื่อไทย ควรต้องรับฟังเสียงของทุกฝ่ายทั้งนักวิชาการ นักธุรกิจ หรือประชาชนก็ควรจะฟัง เรื่องนโยบายขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาท หรือเรื่องพลังงานที่เริ่มมีเสียงท้วงติงนั้น ตอนที่เขาพูดไปอาจคิดแบบหนึ่ง แต่พอมาตอนนี้คนอื่นก็มีสิทธิเหมือนกันเพราะจะได้รับผลกระทบก็จะสะท้อนออกมา เป็นหน้าที่ของรัฐบาลจะฟังแล้วตัดสินใจออกมา

รักษาการเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ส่วนที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทยให้เวลารัฐบาลทำงาน 6 เดือนแล้วจะประเมินนั้น ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์จะไม่ไปกำหนดกรอบเวลา เราเป็นฝ่ายมีหน้าที่ตรวจสอบทุกวันตั้งแต่วันแรก ต้องตรวจสอบไปเรื่อยๆ ถ้าเห็นว่าอะไรไม่ดีไม่ถูกต้องก็ทักท้วง โดยการอภิปรายในสภา ตั้งกระทู้ เสนอญัตติตามหน้าที่ ทั้งนี้ การที่พรรคเพื่อไทยเพิ่มอีก 1 เสียงของพรรคประชาธิปไตยใหม่ มาเป็นรัฐบาล 6 พรรค 300 เสียงนั้น เราไม่กังวลใจอะไรว่าจะต้องไปเจอกับเผด็จการรัฐสภา เพราะไม่ได้หมายความว่าการมีเสียงมากแล้วจะเป็นเผด็จการรัฐสภา แต่ มันอยู่ที่พฤติกรรม ถ้าไม่ได้ไปทำอะไรที่ฝืนหลักการความเป็นนิติรัฐ หรือความถูกต้อง ก็ไม่เป็นประเด็นที่เราจะไปกล่าวหาเขาว่าเป็นเผด็จการ แต่หากเขามีเสียงมากแล้วไม่ฟังเสียงประชาชนหรือเสียงข้างน้อย ทำทุกอย่างโดยไม่มีเหตุผล เช่น จะดึงดันลบล้างคววามผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯก็ต้องดูพฤติกรรมของเขาไป ความอยู่ได้ของรัฐบาลไม่ใช่อยู่ที่เสียงข้างมาก มันอยู่ที่พฤติกรรมของรัฐบาล แม้ฝ่ายค้านจะมีแค่ 9 คน 10 คนแต่ได้พูดทักท้วงแล้วประชาชนเชื่อฝ่ายตค้าน รัฐบาลก็หมดความนิยม ขาดความั่นคงอยู่ดี

นายสุเทพยังกล่าวถึงความไม่ชัดเจนของกกต.ที่ไม่ยอมชี้ขาดว่านายจตุพร พรหมพันธุ์ ว่าที่ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทยขาดคุณสมบัติ แต่จะรับรองไปก่อนแล้วให้ไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญนั้น ทาง กกต.ก็ต้องรับผิดชอบ ตนติดตามฟังข่าวว่านายจตุพรขาดคุณสมบัติการเป็นสมาชิกพรรค เพราะในข้อบังคับเขียนไว้ชัดเจนว่าสมาชิกภาพจะขาดลงเมื่อถูกจับกุมคุมขังโดยหมายศาล หรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย กกต.ทำไมปล่อยให้นายจตุพรมีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งในบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย และเมื่อปรากฏผลการเลือกตั้งออกมาแล้วก็มีคนไปทักท้วงว่านายจตุพรขาดคุณสมบัติที่จะเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ถ้า กกต.ยังดื้อดึงที่จะรับรองไปอีก กกต.ก็ต้องถูกคนกล่าวหาเรื่องการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ต้องกลายเป็นจำเลยไปสู้คดีบ้าง ส่วนที่นางสดศรี สัตยธรรม กกต.อ้างว่ายังแค่ถูกฝากขัง ไม่ใช่ถูกจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุด ก็ไม่เป็นไร นางสดศรีจะพูดอะไรก็ได้ แต่เวลาทำออกมาแล้วจะมีผล นางสดศรีก็ไปสู้คดีเอาก็แล้วกัน ทางพรรคยังไม่ได้คุยเรื่องนี้ แต่ทราบว่ามีหลายคนทั้งในและนอกพรรคยื่นทักท้วงอยู่ ทั้งนี้ การทำงานของ กกต.ชุดนี้ก็ถูกตำหนิหลายเรื่องตนก็ไม่ค่อยชอบใจหลายเรื่องก็ต้องทนเอา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ ก่อนที่จะให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน นายุสเทพได้เริ่มต้นด้วยการต่อว่าต่อขานหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งก่อน เพราะไม่พอใจการนำเสนอข่าวการจัดงานทำบุญครบรอบวันคล้ายวันเกิด 62 ปี ที่วัดชลประทานรังสฤษฏ์ เมื่อวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยทันทีที่นายสุเทพเดินเข้ามาเตรียมพร้อมจะให้สัมภาษณ์ประจำวันต่อสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล ปรากฏว่านายสุเทพได้เริ่มเปิดฉากสอบถามนักข่าวหนังสือพิมพ์มติชนคนหนึ่งว่า “เอ๊ะเมื่อวานคุณไปงานที่วัดชลประทานฯ มั้ย” เมื่อผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวตอบว่าไป นายุสเทพจึงกล่าวต่อว่า ทันทีว่า “ทำไมรายงานข่าวว่าสุดเหงาล่ะ ผมจะแสดงให้เห็นว่ามติชนเนี่ยมันแสดงสันดานอยู่เรื่อย” กลุ่มผู้สื่อข่าวจึงถึงกับกระเซ้าขึ้นว่าร้อนเลย นายสุเทพกล่าวต่อว่า เดี๋ยวนี้ตนไม่ได้เป็นเลขาธิการพรรค ไม่เป็นรองนายกฯ แล้วเลยพูดได้เต็มที่ขึ้น ไม่ต้องเกรงใจ เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามพูดเกลี้ยกล่อมทำให้นายสุเทพอารมณ์เย็นลง โดยกล่าวว่าเมื่อไหร่จะหายโกรธ เห็นทุกทีเป็นสุภาพบุรุษจะตายไป นายสุเทพกล่าวว่า ก็ตนถึงได้บอกว่าเพราะเขาไม่ได้ทำตัวเป็นสื่อที่ดีมาตลอด และตนเห็นว่าเขาตั้งใจเล่นงานตน ก็ต้องให้เขาได้รู้สึกบ้าง ก็ยังคิดอยู่ว่าไปทำอะไรให้เขาไม่ชอบ ช่วยมาบอกหน่อยงว่าไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจ กรณีนี้ไม่ใช่เรื่อของคนรักคนชัง แต่เป็นการตั้งใจ
กำลังโหลดความคิดเห็น