ASTVผู้จัดการรายวัน - สสปน. มั่นใจ 6 เดือนแรกช่วงฮันนีมูนของรัฐบาลปูแดง ยังมีเสถียรภาพ ดันธุรกิจไมซ์ไปโลด ถ้าผลงานดีปีหน้า โต 25% เข้าสู่ช่วงปกติ มั่นใจสิ้นปี ยอดแตะ 5.7 หมื่นล้านบาทตามเป้าหมาย เตรียมชงแผนเร่งด่วน3-5 ปี ดันธุรกิจไมซ์ แนะสิ่งใดควร/ไม่ควรทำ ล่าสุดหนุนเอกชนเข้าสู่ ISO 50001 มาตรฐานการจัดการพลังงาน แห่งแรกในเอเชีย ชูจุดแข็งและจุดขาย ดึงตลาดยุโรปและอเมริกา ตอกย้ำไทยเป็นไมซ์เดสติเนชั่น
นายอรรคพล สรสุชาติ ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือ สสปน. เปิดเผยว่า มีความมั่นใจว่านับจากนี้ไป ช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ถึง ไตรมาส แรก ปี 2555 สถานการณ์อุตสาหกรรมไมซ์ จะเติบโตต่อเนื่อง อันเป็นผลจากความมั่นใจของต่างชาติ ที่มองว่าการเมืองไทยมีเสถียรภาพ ก็จะทยอยเดินทางเข้ามาจัดประชุมสัมมนา และจัดงานไมซ์ในรูปแบบต่างๆที่ประเทศไทย ซึ่งจะเป็นผลให้ ถึงปลายปีนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์ที่เดินทางมาประเทสไทยจะมีจำนวน 7.2 แสนคน สร้างรายได้ 5.7 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 15% เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ แม้ช่วงไตรมาส / ที่ผ่านมา ตลาดไมซ์จะได้รับผลกระทบจากเหตุภัยพิบัติที่ประเทศญี่ปุ่นบ้างก็ตาม แต่ 6 เดือนที่ผ่านมาตลาดยังเติบโตตามเป้าหมาย
“โดยปกติของทุกประเทศ หลังเลือกตั้งใหม่ๆจะมีช่วงฮันนีมูนพีเรียด ทำให้สถานการณ์ทางการเมืองจะนิ่ง ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและทุกธุรกิจของประเทศ จากช่วง 3 เดือนก่อน หลังการยุบสภา ยอมรับว่า ต่างชาติเกิดความไม่มั่นใจว่าหากผลการเลือกตั้งไม่เป็นที่ยอมรับ จะเกิดความวุ่นวาย ทำให้เศรษฐกิจธุรกิจและการเดินทางชะลอตัว แต่จากนี้ไป
หากรัฐบาลชุดใหม่ที่เข้ามาบริหารประเทศ บริหารจัดการได้ดี สามารถเดินหน้านโยบายต่างๆด้วยดี ไม่มีปัญหาความวุ่นวาย ธุรกิจและเศรษฐกิจก็จะเติบโตต่อเนื่อง ในส่วนของอุตสาหกรรมไมซ์ ถ้าการเมืองปกติ มีสถียรภาพ เชือ่ปีหน้าการเติบดตจะเข้าสู่ปกติคือเติบโตปีละ 20-25% “ นายอรรคพล กล่าว
***เสนอแผนเร่งด่วนแนะสิ่งไม่ควรทำ****
ล่าสุด สสปน. อยู่ระหว่างจัดทำแผนเร่งด่วนระยะ 3-5 ปี เสนอต่อรัฐบาล โดยระบุถึงสิ่งใดที่ควรทำและสิ่งใดไม่ควรทำไม่ควรแตะ เพื่อเป็นการเสนอแนะความคิดเห็น ในแนวทางที่จะสนับสนุนอุตสาหกรรมไมซ์ให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จทันการแถลงนโยบายของรัฐที่คาดว่าจะมีขึ้นในสัปดาห์ที่ 2 หรือ 3 ของเดือนสิงหาคม โดยกระบวนการจะยื่นผ่านสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อพิจารณาด้วย
“สิ่งที่ไม่ควรทำหรือไม่ควรแตะต้องคือ การกระทำการใดๆที่จะนำมาซึ่งการชุมนุมทางการเมือง หรือการปล่อยให้มีข่าวในแง่ลบออกมาอย่างต่อเนื่อง เพราะเศรษฐกิจของประเทศ”ทยอยู่บนพื้นฐนความเชื่อม่ะน หากมีข่าวแง่งบออกมามากความเชื่อมั่นลดก็จะไม่เป็นผลดีต่อประเทศ”
****หวั่นรัฐบาลใหม่รื้องบกระทบการเบิกจ่ายล่าช้า***
อย่างไรก็ตาม ความกังวลขณะนี้ คือเรื่องของงบประมาณปี 2555 ซึ่งค่อนข้างมั่นใจว่ารัฐบาลใหม่จะต้องเข้ามารื้อเพื่อจัดทำใหม่ แต่ควรจะรีบดำเนินการให้เร็วสุด ถ้าช้าจะกระทบต่อการเบิกจ่ายที่ล่าช้าออกไปมีผลให้การทำงานต้องสะดุด เพราะที่ผ่านมาในส่วนของ สสปน. ก็ต้องดึงเงินจากงบประจำไปจ่ายในส่วนที่เร่งด่วนก่อน สำหรับปี 2555 เบื้องต้น
สสปน.ได้รับจัดสรรงบในวงเงิน 1,000 ล้านบาทเศษ เพิ่มจากปี 2554 ที่ได้รับ 746 ล้านบาท แต่ปี 2555 มีบิ๊กโปรเจกต์หลายงาน เช่น งานประชุมสมาชิกโรตารี และ ภาระกิจในการเข้าชิงเป็นเจ้าภาพจังานเวิลด์เอ็กโปร์ หากงบล่าช้า จะมีผลกระทบต่อการเข้าร่วมบิดงานแน่นอน สำหรับแผนงานที่สสปนงทำอยู่หลายโครงการเชื่อมั่นทุกรัฐบาลยินดีสนับสนุน เช่น งานเวิลด์เอ็กโปร์ งานฟอร์มูล่า-วัน เป็นต้น
***หนุนเอกชนไมซ์เข้าสู่ ISO 50001****
นายอรรคพล กล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการเสริมศักยภาพทางจุดแข็งของประเทศไทย ในการเป็นไมซ์เดสติเนชั่น จึงได้ส่งเสริมและผลักดันมาตรฐานกรีนมิตติ้งมาตลอดช่วง 2 ปี และ ปีนี้เข้าสูปีที่3 ได้จัดโครงการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้าสู่กระบวนการรับรองมาตรฐาน ISO 50001 ซึ่งเป็นมาตรฐานด้านการบริหารจัดการพลัง งาน สำหรับอุตสาหกรรมไมซ์ อันจะทำให้ผู้ประกอบการไมซ์ไทยที่ผ่านมาตรฐานนี้ จะเป็นองค์กรที่มีศักยภาพด้านการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม โดยไทยนับเป็นประเทศแรกในเอเชีย ที่ประกาศตัวและเข้าสู่มาตรฐานนี้ เพื่อใช้เป็นจุดแข็งทางการตลาด ให้เหนือค่แข่งขันในย่านเดียวกัน
ทั้งนี้ สสปน. ได้จัดสรรงบประมาณ 2 ล้านบาท สำหรับปี 2554-2555 เพื่อซัพพอร์ตให้ผู้ประกอบการโดยจะเริ่มที่กลุ่มสถานที่จัดงาน ในการสมัครเข้ารับเกณฑ์มาตรฐานนี้ ซึ่งจะต้องใช้ค่าสมัคร 4 แสนบาท สสปน.จะออกให้ 70% ของวงเงินดังกล่าว ประเดิมรายแรกคืออิมแพคเมืองทองธานี และจะตามมาด้วย ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์, ศูนย์ประชุมนานาชาติไบเทค-บางนา และศูนย์ประชุมนานาชาติพีช พัทยา จากนั้นจะตามมาด้วยธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไมซ์ เช่น โรงแรม ก็สามารถขอรับมาตรฐานนี้ได้ ซึ่งมาตรฐานนี้ จะช่วยทำการตลาดได้ดีในกลุ่มลูกค้า ยุโรป และอเมริกา โดยพาะตลาดสแกนดิเนเวีย ที่ตื่นตัวกับกรีนมิตติ้งมากๆ โดยการเข้าสู่มาตรฐานISO50001 จะช่วยประหยัดการใช้พลังงานได้ราว 20% ของต้นทุน และไทยจะใช้เป็นจุดขายที่น่าเชื่อถือในการบิดงานได้ด้วย
นายอรรคพล สรสุชาติ ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือ สสปน. เปิดเผยว่า มีความมั่นใจว่านับจากนี้ไป ช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ถึง ไตรมาส แรก ปี 2555 สถานการณ์อุตสาหกรรมไมซ์ จะเติบโตต่อเนื่อง อันเป็นผลจากความมั่นใจของต่างชาติ ที่มองว่าการเมืองไทยมีเสถียรภาพ ก็จะทยอยเดินทางเข้ามาจัดประชุมสัมมนา และจัดงานไมซ์ในรูปแบบต่างๆที่ประเทศไทย ซึ่งจะเป็นผลให้ ถึงปลายปีนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์ที่เดินทางมาประเทสไทยจะมีจำนวน 7.2 แสนคน สร้างรายได้ 5.7 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 15% เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ แม้ช่วงไตรมาส / ที่ผ่านมา ตลาดไมซ์จะได้รับผลกระทบจากเหตุภัยพิบัติที่ประเทศญี่ปุ่นบ้างก็ตาม แต่ 6 เดือนที่ผ่านมาตลาดยังเติบโตตามเป้าหมาย
“โดยปกติของทุกประเทศ หลังเลือกตั้งใหม่ๆจะมีช่วงฮันนีมูนพีเรียด ทำให้สถานการณ์ทางการเมืองจะนิ่ง ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและทุกธุรกิจของประเทศ จากช่วง 3 เดือนก่อน หลังการยุบสภา ยอมรับว่า ต่างชาติเกิดความไม่มั่นใจว่าหากผลการเลือกตั้งไม่เป็นที่ยอมรับ จะเกิดความวุ่นวาย ทำให้เศรษฐกิจธุรกิจและการเดินทางชะลอตัว แต่จากนี้ไป
หากรัฐบาลชุดใหม่ที่เข้ามาบริหารประเทศ บริหารจัดการได้ดี สามารถเดินหน้านโยบายต่างๆด้วยดี ไม่มีปัญหาความวุ่นวาย ธุรกิจและเศรษฐกิจก็จะเติบโตต่อเนื่อง ในส่วนของอุตสาหกรรมไมซ์ ถ้าการเมืองปกติ มีสถียรภาพ เชือ่ปีหน้าการเติบดตจะเข้าสู่ปกติคือเติบโตปีละ 20-25% “ นายอรรคพล กล่าว
***เสนอแผนเร่งด่วนแนะสิ่งไม่ควรทำ****
ล่าสุด สสปน. อยู่ระหว่างจัดทำแผนเร่งด่วนระยะ 3-5 ปี เสนอต่อรัฐบาล โดยระบุถึงสิ่งใดที่ควรทำและสิ่งใดไม่ควรทำไม่ควรแตะ เพื่อเป็นการเสนอแนะความคิดเห็น ในแนวทางที่จะสนับสนุนอุตสาหกรรมไมซ์ให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จทันการแถลงนโยบายของรัฐที่คาดว่าจะมีขึ้นในสัปดาห์ที่ 2 หรือ 3 ของเดือนสิงหาคม โดยกระบวนการจะยื่นผ่านสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อพิจารณาด้วย
“สิ่งที่ไม่ควรทำหรือไม่ควรแตะต้องคือ การกระทำการใดๆที่จะนำมาซึ่งการชุมนุมทางการเมือง หรือการปล่อยให้มีข่าวในแง่ลบออกมาอย่างต่อเนื่อง เพราะเศรษฐกิจของประเทศ”ทยอยู่บนพื้นฐนความเชื่อม่ะน หากมีข่าวแง่งบออกมามากความเชื่อมั่นลดก็จะไม่เป็นผลดีต่อประเทศ”
****หวั่นรัฐบาลใหม่รื้องบกระทบการเบิกจ่ายล่าช้า***
อย่างไรก็ตาม ความกังวลขณะนี้ คือเรื่องของงบประมาณปี 2555 ซึ่งค่อนข้างมั่นใจว่ารัฐบาลใหม่จะต้องเข้ามารื้อเพื่อจัดทำใหม่ แต่ควรจะรีบดำเนินการให้เร็วสุด ถ้าช้าจะกระทบต่อการเบิกจ่ายที่ล่าช้าออกไปมีผลให้การทำงานต้องสะดุด เพราะที่ผ่านมาในส่วนของ สสปน. ก็ต้องดึงเงินจากงบประจำไปจ่ายในส่วนที่เร่งด่วนก่อน สำหรับปี 2555 เบื้องต้น
สสปน.ได้รับจัดสรรงบในวงเงิน 1,000 ล้านบาทเศษ เพิ่มจากปี 2554 ที่ได้รับ 746 ล้านบาท แต่ปี 2555 มีบิ๊กโปรเจกต์หลายงาน เช่น งานประชุมสมาชิกโรตารี และ ภาระกิจในการเข้าชิงเป็นเจ้าภาพจังานเวิลด์เอ็กโปร์ หากงบล่าช้า จะมีผลกระทบต่อการเข้าร่วมบิดงานแน่นอน สำหรับแผนงานที่สสปนงทำอยู่หลายโครงการเชื่อมั่นทุกรัฐบาลยินดีสนับสนุน เช่น งานเวิลด์เอ็กโปร์ งานฟอร์มูล่า-วัน เป็นต้น
***หนุนเอกชนไมซ์เข้าสู่ ISO 50001****
นายอรรคพล กล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการเสริมศักยภาพทางจุดแข็งของประเทศไทย ในการเป็นไมซ์เดสติเนชั่น จึงได้ส่งเสริมและผลักดันมาตรฐานกรีนมิตติ้งมาตลอดช่วง 2 ปี และ ปีนี้เข้าสูปีที่3 ได้จัดโครงการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้าสู่กระบวนการรับรองมาตรฐาน ISO 50001 ซึ่งเป็นมาตรฐานด้านการบริหารจัดการพลัง งาน สำหรับอุตสาหกรรมไมซ์ อันจะทำให้ผู้ประกอบการไมซ์ไทยที่ผ่านมาตรฐานนี้ จะเป็นองค์กรที่มีศักยภาพด้านการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม โดยไทยนับเป็นประเทศแรกในเอเชีย ที่ประกาศตัวและเข้าสู่มาตรฐานนี้ เพื่อใช้เป็นจุดแข็งทางการตลาด ให้เหนือค่แข่งขันในย่านเดียวกัน
ทั้งนี้ สสปน. ได้จัดสรรงบประมาณ 2 ล้านบาท สำหรับปี 2554-2555 เพื่อซัพพอร์ตให้ผู้ประกอบการโดยจะเริ่มที่กลุ่มสถานที่จัดงาน ในการสมัครเข้ารับเกณฑ์มาตรฐานนี้ ซึ่งจะต้องใช้ค่าสมัคร 4 แสนบาท สสปน.จะออกให้ 70% ของวงเงินดังกล่าว ประเดิมรายแรกคืออิมแพคเมืองทองธานี และจะตามมาด้วย ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์, ศูนย์ประชุมนานาชาติไบเทค-บางนา และศูนย์ประชุมนานาชาติพีช พัทยา จากนั้นจะตามมาด้วยธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไมซ์ เช่น โรงแรม ก็สามารถขอรับมาตรฐานนี้ได้ ซึ่งมาตรฐานนี้ จะช่วยทำการตลาดได้ดีในกลุ่มลูกค้า ยุโรป และอเมริกา โดยพาะตลาดสแกนดิเนเวีย ที่ตื่นตัวกับกรีนมิตติ้งมากๆ โดยการเข้าสู่มาตรฐานISO50001 จะช่วยประหยัดการใช้พลังงานได้ราว 20% ของต้นทุน และไทยจะใช้เป็นจุดขายที่น่าเชื่อถือในการบิดงานได้ด้วย