xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

กกต.พร้อมเดินหน้าหรือยัง บทหนักจัดเลือกตั้ง 3 ก.ค.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เหลือเวลาอีกหนึ่งสัปดาห์จะถึงวันเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม 2554 ซึ่งเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ ของประเทศไทยอีกครั้ง
 

ถ้าหากมีการเลือกตั้ง นอกเหนือจากต้องคอยจับตาผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร พรรคไหนจะได้เสียงส.ส.มากที่สุด คะแนนโหวตโน ทั่วประเทศจะออกมาอย่างไร และใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว

“ทีมข่าวการเมืองASTVผู้จัดการ” ขอให้ทุกคนต้องช่วยกันจับจ้องการทำหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นับจากนี้ ชนิดห้ามคลาดสายตา ไปจนถึง 3 สิงหาคม 2554 ที่เป็นวันครบกำหนด 30 วัน หลังการเลือกตั้งที่กกต.ต้องรับรองสมาชิกภาพการเป็นส.ส.ทั้งระบบปาร์ตี้ลิสต์ และระบบเขต ให้ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ของจำนวนส.ส. ซึ่งก็คือต้องไม่ต่ำกว่า 474 คน เพื่อให้มีการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฏรนัดแรก อันมีวาระสำคัญก็คือ การเลือกประธานสภาผู้แทนราษฏร จากนั้นจะตามมาด้วยการเลือกนายกรัฐมนตรีในลำดับถัดไป

ในส่วนของการรับรองสมาชิกภาพ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ คงไม่มีปัญหา อย่างไรเสีย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ -ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เป็นปาร์ตี้ลิสต์เบอร์หนึ่ง ของประชาธิปัตย์ และเพื่อไทย ตามลำดับ จะได้รับการรับรองแน่นอน คงเสร็จเรียบร้อยได้ภายในไม่กี่วันหลังการเลือกตั้ง 3 ก.ค. 54

แต่ที่ต้องลุ้นก็คือ ส.ส.ระบบเขต 375 คน กระบวนการรับรองของกกต.จะทำได้ทันภายใน 30 วันหรือไม่ ?
 

เนื่องเพราะ กกต.ได้วางหลักการทำงานไว้ว่า “สุจริต โปร่งใส และเที่ยงธรรม” ขณะนี้ยังไม่มีการควัก “ใบเหลือง-ใบแดง”ให้ผู้สมัครเลือกตั้งเลยแม้แต่คนเดียว มิใช่เพราะการเลือกตั้งคราวนี้เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ใสสะอาด แต่เป็นเพราะปัญหาในการทำงานของ กกต.กลางและพื้นที่ มีความเห็นไม่ตรงกัน

มีคดีที่การสืบสวนสอบสวนของกกต.ในพื้นที่เลือกตั้งหลายคดี ที่พบว่ามีผู้สมัครมีการกระทำผิด แต่เมื่อกกต.กลางพิจารณาสำนวนคดีแล้วเห็นว่า หลักฐานพยานยังมีความก้ำกึ่งว่า “ผิด” หรือ “ไม่ผิด” ไม่ชัดเจน ชนิดกกต.กลางเห็นแล้วชัก “ใบเหลือง-ใบแดง” ให้ได้ทันที

ยกตัวอย่างที่ปรากฏเป็นข่าวกับการพิจารณาของกกต.เมื่อสองอาทิตย์ก่อน กกต.จ.ศรีสะเกษ ส่งเรื่องมาให้กกต.กลางพิจารณาสำนวนคดีการทุจริตเลือกตั้งที่ศรีสะเกษ ของผู้สมัครส.ส.พรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ซึ่งกกต.ก็มีมติ 4 ต่อ 1 ส่งเรื่องกลับไปให้กกต.จังหวัดทำสำนวนและหาพยานหลักฐานส่งกลับมาใหม่ เชื่อได้ว่ากรณีเช่นเดียวกันคงต้องเกิดขึ้นอีกหลายสำนวน

จึงคาดคะเนได้ว่า การพิจารณาของกกต.น่าจะเลือกใช้วิธีการ “รับรองก่อน สอยทีหลัง”ค่อนข้างแน่

ทั้งนี้ เงื่อนเวลากำหนดให้กกต.เพียงแค่ 30วันหลังการเลือกตั้ง และเมื่อพ้นกำหนด 30 วัน อำนาจการตัดสิทธิการเลือกตั้งของ กกต.จะไปอยู่ที่ “ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง” ที่จะเป็นฝ่ายพิจารณาโดยให้ผู้ถูกตัดสิทธิยื่นคำร้องคัดค้าน และไปสู้คดีกันที่ศาลต่อไป

การทำหน้าที่ของกกต.นับจากนี้ไปจนถึง 3 สิงหาคม จึงสำคัญอย่างยิ่ง ท่ามกลางกระแสข่าวการเมืองที่ยังคงวิจารณ์กันไปเรื่อยว่า

“จะไม่มีการเลือกตั้ง”
 

เพราะแม้วันนี้ กกต.ทั้ง 4 คนที่เดินทางไปสังเกตุการณ์การเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรคือ อภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต.- สดศรี สัตยธรรม- ประพันธ์ นัยโกวิท- วิสุทธิ์ โพธิแท่น จะเดินทางกลับมาหมดแล้ว ซึ่งมีเสียงด่าตามหลังการเดินทางไปดังกล่าวของกกต.ที่แม้จะเป็นการไปทำงานตามหน้าที่ และตามคำเชิญของกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ

แต่ด้วยว่าภารกิจสำคัญของกกต.ทั้งหมด ยังรออยู่ในประเทศไทยกับการจัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์เที่ยงธรรม รวมถึงการรณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งให้มากที่สุด ทว่ากกต.กลับเอาเวลาที่เสียไปหลายวัน ซึ่งแทนที่จะทำงานเตรียมการเลือกในประเทศให้เกิดประสิทธิภาพที่เป็นงานใหญ่กว่า กลับไปดูในงานที่เป็นงานปลีกย่อย ซึ่งแม้จะสำคัญก็จริงเพราะทุกคะแนนเสียงเลือกตั้งของคนไทยย่อมมีความสำคัญด้วยกันทั้งสิ้น แต่กกต.ก็ควรเอางานใหญ่ในประเทศเป็นหลักมากกว่า

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันนี้กกต.ทั้งหมดอยู่กันครบถ้วนแล้ว เสียงวิจารณ์ที่เกิดขึ้น กกต.บางคนก็ยอมรับเองในวันแถลงข่าวหลังเดินทางกลับประเทศไทยได้ไม่กี่ชั่วโมงว่า รู้สึกเหมือนเป็นจำเลยของสังคม ที่ต้องมานั่งชี้แจง ดังนั้นตอนนี้ กกต.ทั้งหมดก็ต้องเดินหน้ามุ่งไปในเข็มทิศทางเดียวเลยนั่นคือ

การทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้มีคนออกมาใช้สิทธิมากที่สุด และเป็นการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์เที่ยงธรรมมากที่สุด

เพราะยามนี้ ขนาดกกต.ทั้งหมดประกาศความพร้อมจัดการเลือกตั้งแล้ว ทว่าก็ยังมีข่าวลือข่าวใต้ดิน ที่ถูกปล่อยออกมาต่อเนื่องก่อนจะถึงวันเลือกตั้งว่า จะไม่มีการเลือกตั้งบ้าง หรือเลือกตั้งไปแล้ว การจัดตั้งรัฐบาลอาจทำไม่ได้

ข่าวทำนองนี้ พบว่ามีการโยงกกต.ให้เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ในลักษณะว่า กกต.คือส่วนสำคัญของแผนการหยุดประเทศชั่วคราวดังกล่าว

ไม่ว่า จะเป็นข่าวจะมี กกต. ลาออกหลัง 3 ก.ค.54 เพราะโดนบีบหรือขอร้องโดยอ้างเหตุความไม่สงบในประเทศ เช่น คนไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง กกต.จึงต้องแสดงความรับผิดชอบ รวมถึงการสร้างข่าวว่า กกต.จะไม่รับรองผลการเลือกตั้งให้กับผู้สมัคร ส.ส. พรรคเพื่อไทยจำนวนมากที่ชนะการเลือกตั้ง ด้วยวิธีแจกใบแดง-ใบเหลือง ไม่น้อยกว่า 30 ใบ อันจะทำให้การประชุมสภาฯไม่สามารถเกิดขึ้นได้

ถามว่า ข่าวแบบนี้จะเป็นความจริงได้หรือไม่ บางคนบอกว่ายากจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะการที่จะให้กกต. ออกใบเหลือง-ใบแดง ให้กับคนของเพื่อไทย ที่ชนะการเลือกตั้งมาแล้วเพียงพรรคเดียวจำนวนมาก แล้วพรรคอื่น อย่างประชาธิปัตย์ ไม่โดนเลย หรือโดนสอยบ้าง แต่ไม่มาก

ขืนออกมาแบบนี้ กกต.ทั้งหมด อย่าว่าแต่ลางานอยู่บ้าน หรือหลบไม่เข้าสำนักงานที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะเลย อาจจะต้องลี้ภัยไปอยู่แดนไกลเหมือน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะคนเสื้อแดงคงจะตามไปประท้วง ตามเช็กบิลกกต.ทั่วแผ่นดินแน่ หากกกต.แจกใบเหลือง-ใบแดงแต่พรรคเพื่อไทย เพื่อสกัดไม่ให้พรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม “ทีมข่าวการเมือง” ก็เชื่อมั่นในการทำหน้าที่ของกกต.ทั้ง 5 คน ว่าจะดำรงไว้ซึ่งความเป็นกลาง ไม่มีการกลั่นแกล้งผู้สมัครพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งหรือไปรับคำสั่งจากใครเพื่อขัดขวางการจัดตั้งรัฐบาลถึงขั้นลาออกไม่ยอมทำหน้าที่ หรือแจกใบเหลือง-ใบแดง กับคนของพรรคการเมืองบางพรรคในลักษณะสองมาตรฐาน

แต่การเมืองทุกอย่างย่อมเกิดขึ้นได้ ข่าวลือลักษณะเช่นนี้ สิ่งที่จะพิสูจน์ได้ดีที่สุดก็คือการทำหน้าที่ของกกต. อย่างตรงไปตรงมา

อีกทั้ง ในการทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาดังกล่าว กกต. ก็ต้องคำนึงด้วยว่าต้องทำให้ประเทศได้รับประโยชน์มากที่สุด เสียหายน้อยที่สุด เช่น เรื่องการรับรองก่อนสอยทีหลัง “ทีมข่าวการเมือง”ไม่เห็นด้วยมาตลอด เพราะเมื่ออำนาจ กกต.ตามกฎหมายก็มีไว้ชัดว่า การให้ใบเหลือง-ใบแดง ของกกต.หากว่าสำนวนการทุจริตเลือกตั้งจากกกต.จังหวัดที่ส่งมายังกกต.กลางทั้ง 5 คน มีลักษณะ มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้งกระทำการอันทุจริตการเลือกตั้ง ก็เป็นอำนาจที่ กกต.จะใช้อำนาจนั้นเพื่อเอาผิดผู้สมัครรับเลือกตั้ง อันจะทำให้การเลือกตั้งดำเนินไปอย่างขาวสะอาด

เนื่องจาก หากคนที่ถูกกกต.จังหวัดต่างๆ ส่งเรื่องมาในเวลานี้ ให้กกต.กลางฟันก่อนจะถึง 3 ก.ค. 54 แล้วกกต.กลางเงื้อดาบเอาไว้ เพราะจะรอในช่วง 30 วันหลังเลือกตั้ง แล้วปรากฏว่าคนที่ กกต.ปล่อยไปในช่วงนี้ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน แต่ กกต.ไปสอยเอาช่วง 30 วันหลังเลือกตั้ง ก็เท่ากับว่า ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ เสียเงินงบประมาณแผ่นดิน

เรา-ทีมข่าวการเมือง ขอออกตัวว่า ไม่ได้ต้องการชี้นำการทำงานของกกต. เราเพียงอยากบอกว่า การทำงานของกกต.นั้นขอเพียงให้ กกต.ยึดหลักการทำหน้าที่อย่างบริสุทธิ์ใจ มีพยานหลักฐานอธิบายชี้แจงได้ ก็เชื่อว่า สังคมต้องหนุนหลังปกป้องไม่ยอมให้กฎหมู่มาอยู่เหนือกฎหมาย

ประเภทผู้สมัครคนไหน พรรคไหน โดนใบเหลือง-ใบแดงแล้วไม่พอใจจะยกพวกมากดดันกกต.นั้น ไม่มีทางสำเร็จแน่นอน หากกกต.ทั้งหมดทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา สังคมจะยืนเคียงข้างกกต.แน่นอน

และไม่ใช่แค่ประเด็นเรื่องการควบคุมดูแลการเลือกตั้งเท่านั้น แต่ประเด็นอื่นๆ ก็ควรที่กกต.ต้องดูด้วย เช่น เรื่องที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และพรรคเพื่อฟ้าดิน ได้เดินทางเข้ายื่นคำร้อง ขอให้นายทะเบียนพรรคการเมือง ออกคำสั่งยุบพรรคเพื่อไทย จากกรณีที่มีพฤติกรรม ให้ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นบุคคลที่ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมือง และอยู่ในฐานะนักโทษหลบหนีคดีอาญา มีอำนาจสั่งการเหนือพรรคเพื่อไทยอันเห็นได้จากหลายกรรม หลายวาระ ที่มีพยานหลักฐานชัดเจนเช่นป้ายหาเสียงของพรรคเพื่อไทยที่ชูสโลแกน “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ”

ข้อร้องเรียนแบบนี้ กกต. ก็ควรต้องพิจารณาด้วยว่า มันเป็นการกระทำที่เข้าข่ายความผิดหรือไม่ โดยกกต.ควรต้องลงไปตรวจสอบ และสอบสวนอย่างละเอียดทุกด้าน ว่าทักษิณได้เข้าไปแทรกแซง สั่งการ ควบคุมพรรคเพื่อไทยทุกขั้นตอนทำตัวเป็นหัวหน้าพรรคตัวจริงตามที่ผู้คนเรียกขานกันหรือไม่

เพื่อให้การพิจารณาของ กกต.ในคำร้องนี้ได้กลายเป็นบรรทัดฐานการเมืองที่แท้จริง ไม่ใช่ปล่อยให้พวกนักโทษการเมืองในคดียุบพรรคการเมือง ออกมาเพ่นพ่าน ทำตัวเป็นหัวหน้าพรรค-เจ้าของพรรค เหมือนที่เกิดขึ้นมาหลายปี ซึ่งไม่ใช่เกิดกับทักษิณ และพรรคเพื่อไทยแต่หลายพรรคการเมือง ก็มีการกระทำลักษณะเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็น ชาติไทยพัฒนา-ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน- ภูมิใจไทย เป็นต้น

ภารกิจพิสูจน์ตัวตนของ 5 กกต. กำลังรออยู่ข้างหน้า ท่ามกลางคลื่นลมการเมืองที่แปรปรวนไม่สามารถจับทิศทางได้ กกต.ทั้งหมดพร้อมจะเผชิญหน้าสภาวะเช่นนี้หรือไม่ ?


กำลังโหลดความคิดเห็น