เลขาฯ สภาฯ คาดกลางเดือนนี้จัดรับรอง ส.ส.ใหม่ได้ เชื่อเปิดสภาฯ ได้ไม่เกิน 3 ส.ค.เผยนัดถกสำนักเลขาฯ ครม.คุยกำหนดการพรุ่งนี้ พร้อมส่งตำรวจ ทหารหญิง ดูแลว่าที่นายกฯ เชื่อ รัฐปูแดง ไม่กระทบสร้างสภาใหม่
วันนี้ (5 ก.ค.) ที่รัฐสภา นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงขั้นตอนเตรียมการรายงานตัวสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้การรับรองว่า ได้ประสานกับสำนักงานเลขาธิการ กกต.อย่างใกล้ชิดในกระบวนการรับรองผลการเลือกตั้ง โดยทราบคร่าวๆ ว่า ช่วงกลางเดือน ก.ค.จะให้การรับรอง ส.ส.ได้ส่วนหนึ่ง เราจึงจัดส่งเอกสารฝากถึง ส.ส.ที่ได้รับการรับรอง ให้จัดเตรียมเอกสารและหลักฐานต่างๆ ที่จะเข้ารายงานที่สภาฯ เพื่อไม่ให้ขาดตกบกพร่อง และยังได้ส่งเอกสารชุดเดียวกันไปยังพรรคต่างๆ เพื่อแจ้งให้สมาชิกที่ได้รับเลือกตั้งทราบด้วย ขณะนี้สภาได้จัดเตรียมสถานที่รายงานตัว ซ่อมแซมสิ่งสึกหรอ สิ่งอำนวยความสะดวกแก่สมาชิกใหม่ อาทิ ข้อมูลการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ใบเบิกทางในการเดินทางโดยรถ บขส.เครื่องบินและรถไฟ ตามสิทธิที่ได้รับ ระเบียบการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่ต้องแจ้งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
เมื่อถามถึงกระบวนการเปิดประชุมเพื่อเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร และรองประธาน นายพิทูร ตอบว่า ตามรัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องประกอบรัฐพิธีเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร นัดแรกภายใน 30 วันหลังวันเลือกตั้ง นับตามกฎหมายน่าจะไม่เกินวันที่ 3 ส.ค.โดยนายกรัฐมนตรีรักษาการต้องเป็นผู้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาเปิดสมัยประชุม ตามปกติที่ผ่านมาสามารถดำเนินการได้รวดเร็ว แต่ต้องดูที่จำนวน ส.ส.ที่ได้รับการรับรองและองค์ประชุมด้วยว่าจะครบหรือไม่ ซึ่งทางสำนักงานเลขาฯได้ประสานใกล้ชิดกับพรรคการเมืองต่างๆ แล้ว เบื้องต้นในวันที่ 6 ก.ค.นี้ จะประชุมร่วมกับสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เพื่อกำหนดวันเวลาและขั้นตอนต่างๆ ส่วนขั้นตอนการเรียกประชุมสภาฯเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี จะเป็นหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานและรองประธานแล้ว โดยประธานสภาฯจะเป็นผู้สั่งเรียกประชุมเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีต่อไป
เมื่อถามถึงการจัดระบบดูแลรักษาความปลอดภัยแก่นายกรัฐมนตรี ที่อาจจะเป็นสุภาพสตรี นายพิทูร ตอบว่า คงมีการเสริมกำลังเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะทหาร หรือตำรวจหญิง โดยส่วนนี้เป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะจัดกำลังเข้ามาดูแล ส่วนของสภาฯมีทีมรักษาความปลอดภัยที่เป็นผู้หญิงดูแลอยู่ส่วนหนึ่ง ซึ่งอาจมีการเพิ่มกำลังดูแลอีก ส่วนมีรัฐบาลใหม่จะกระทบต่อโครงการจัดสร้างรัฐสภาแห่งใหม่หรือไม่นั้น เท่าที่ได้ดำเนินการมาระยะหนึ่งถือเป็นความเห็นพ้องต้องกันของทุกฝ่าย ที่จะให้สร้างรัฐสภาใหม่อยู่แล้ว เชื่อว่า น่าจะดำเนินการต่อไป เรื่องนี้ที่สุดแล้วคงขึ้นอยู่กับนโยบายของฝ่ายบริหาร
วันนี้ (5 ก.ค.) ที่รัฐสภา นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงขั้นตอนเตรียมการรายงานตัวสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้การรับรองว่า ได้ประสานกับสำนักงานเลขาธิการ กกต.อย่างใกล้ชิดในกระบวนการรับรองผลการเลือกตั้ง โดยทราบคร่าวๆ ว่า ช่วงกลางเดือน ก.ค.จะให้การรับรอง ส.ส.ได้ส่วนหนึ่ง เราจึงจัดส่งเอกสารฝากถึง ส.ส.ที่ได้รับการรับรอง ให้จัดเตรียมเอกสารและหลักฐานต่างๆ ที่จะเข้ารายงานที่สภาฯ เพื่อไม่ให้ขาดตกบกพร่อง และยังได้ส่งเอกสารชุดเดียวกันไปยังพรรคต่างๆ เพื่อแจ้งให้สมาชิกที่ได้รับเลือกตั้งทราบด้วย ขณะนี้สภาได้จัดเตรียมสถานที่รายงานตัว ซ่อมแซมสิ่งสึกหรอ สิ่งอำนวยความสะดวกแก่สมาชิกใหม่ อาทิ ข้อมูลการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ใบเบิกทางในการเดินทางโดยรถ บขส.เครื่องบินและรถไฟ ตามสิทธิที่ได้รับ ระเบียบการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่ต้องแจ้งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
เมื่อถามถึงกระบวนการเปิดประชุมเพื่อเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร และรองประธาน นายพิทูร ตอบว่า ตามรัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องประกอบรัฐพิธีเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร นัดแรกภายใน 30 วันหลังวันเลือกตั้ง นับตามกฎหมายน่าจะไม่เกินวันที่ 3 ส.ค.โดยนายกรัฐมนตรีรักษาการต้องเป็นผู้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาเปิดสมัยประชุม ตามปกติที่ผ่านมาสามารถดำเนินการได้รวดเร็ว แต่ต้องดูที่จำนวน ส.ส.ที่ได้รับการรับรองและองค์ประชุมด้วยว่าจะครบหรือไม่ ซึ่งทางสำนักงานเลขาฯได้ประสานใกล้ชิดกับพรรคการเมืองต่างๆ แล้ว เบื้องต้นในวันที่ 6 ก.ค.นี้ จะประชุมร่วมกับสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เพื่อกำหนดวันเวลาและขั้นตอนต่างๆ ส่วนขั้นตอนการเรียกประชุมสภาฯเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี จะเป็นหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานและรองประธานแล้ว โดยประธานสภาฯจะเป็นผู้สั่งเรียกประชุมเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีต่อไป
เมื่อถามถึงการจัดระบบดูแลรักษาความปลอดภัยแก่นายกรัฐมนตรี ที่อาจจะเป็นสุภาพสตรี นายพิทูร ตอบว่า คงมีการเสริมกำลังเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะทหาร หรือตำรวจหญิง โดยส่วนนี้เป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะจัดกำลังเข้ามาดูแล ส่วนของสภาฯมีทีมรักษาความปลอดภัยที่เป็นผู้หญิงดูแลอยู่ส่วนหนึ่ง ซึ่งอาจมีการเพิ่มกำลังดูแลอีก ส่วนมีรัฐบาลใหม่จะกระทบต่อโครงการจัดสร้างรัฐสภาแห่งใหม่หรือไม่นั้น เท่าที่ได้ดำเนินการมาระยะหนึ่งถือเป็นความเห็นพ้องต้องกันของทุกฝ่าย ที่จะให้สร้างรัฐสภาใหม่อยู่แล้ว เชื่อว่า น่าจะดำเนินการต่อไป เรื่องนี้ที่สุดแล้วคงขึ้นอยู่กับนโยบายของฝ่ายบริหาร