xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อเมืองไทยใกล้เป็นโจราธิปไตยเต็มรูปแบบ

เผยแพร่:   โดย: ไสว บุญมา

ในวันที่ 3 กรกฎาคม คนไทยจะไปเลือกพรรคและนักการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยให้เข้าไปบริหารประเทศ บนสมมติฐานที่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาตรงกับข้อสรุปแบบเป็นเอกฉันท์ของสำนักสำรวจความเห็น หรือโพล การบริหารเมืองไทยจะเดินเข้ายุคโจราธิปไตยชนิดเต็มรูปแบบเนื่องจากพรรคที่จะได้จำนวนผู้แทนสูงสุดนั้นจะผสมพันธุ์กับพรรคจำพวกปลาไหลที่พร้อมขายตัวอีกจำนวนหนึ่ง ระบอบโจราธิปไตยเต็มรูปแบบมีส่วนประกอบหลายอย่างซึ่งจะเริ่มสร้างความเดือดร้อนและความเสียหายไม่นานหลังรัฐบาลใหม่เข้าบริหารประเทศ

ระบอบโจราธิปไตยไทยมีปัจจัยประกอบอีกมากนอกจากระบอบที่มีอยู่ในตำราวิชาการชื่อ ขโมยาธิปไตย (Kleptocracy) ซึ่งใช้ความฉ้อฉลเป็นกลยุทธ์หลักในการทำงาน ขโมยาธิปไตยเป็นปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่งซึ่งทำให้สังคมพัฒนาเชื่องช้าจนล้าหลังสังคมที่มีความฉ้อฉลต่ำ เรื่องนี้มีข้อมูลสนับสนุนในรูปของความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างดัชนีชี้วัดความฉ้อฉลขององค์กรความโปร่งใสสากล และดัชนีชี้วัดระดับการพัฒนาของธนาคารโลกดังมีรายละเอียดอยู่ในหนังสือชื่อ ไอเอ็มเอฟ ไอเอ็มเอฟ ไอเอ็มเอฟ เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าเมืองไทยมีความฉ้อฉลสูง แทนที่จะพยายามลดความฉ้อฉล รัฐบาลใหม่กลับจะทำให้มันเข้มข้นยิ่งขึ้น

โจราธิปไตยจะใช้หลักอัตตาธิปไตย (Autocracy) เป็นปัจจัยสำคัญในการบริหารบ้านเมือง การใช้หลักนี้จะเริ่มที่ความพยายามนำพรรคการเมืองอื่นเข้าร่วมรัฐบาลให้ได้เสียงส่วนใหญ่จนกลายเป็นเผด็จการทางรัฐสภาซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้ว การนำพรรคอื่นเข้าร่วมอาจใช้วิธีล่อใจด้วยการมอบตำแหน่งหลักๆ ให้โดยเป็นที่เข้าใจกันว่าตำแหน่งเหล่านั้นจะเป็นฐานของการแสวงหาประโยชน์ หรืออาจใช้วิธีข่มขู่หากรู้ว่าแกนนำของพรรคอื่นทำธุรกิจผิดกฎหมายจำพวกหวยใต้ดิน การพนัน การบุกรุกที่ป่า การค้ายาเสพติดและของเถื่อน ต่อจากจากนั้นการบริหารจะใช้อำนาจบาตรใหญ่ทำลายฝ่ายค้านและผู้ต่อต้านอย่างเป็นระบบ การดำเนินงานอาจแยบยลจำพวกใช้กลยุทธ์ทางสื่อใส่ร้ายป้ายสีและการเรียกตรวจภาษีจนเจ้าของธุรกิจไม่มีเวลาทำงาน หรือใช้วิธีการกักขฬะจำพวกโยกย้ายและข่มขู่ข้าราชการไปจนถึงการอุ้มฆ่าประชาชน

นอกจากนั้นจะมีการใช้เงินเป็นแรงจูงใจในกิจการต่างๆ ตามหลักธนาธิปไตย (Plutocracy) เงินอาจมาจากงบประมาณของรัฐ หรืออาจหามาโดยผ่านการฉ้อฉลของคนที่อยู่ในคณะรัฐบาลและของผู้ให้การสนับสนุน ข้าราชการที่หวังก้าวหน้าจะต้องนำเงินมาวางเป็นตั๋วเบิกทางเข้าสู่ตำแหน่ง สังคมจะถูกปั่นหัวให้บูชาเงินและมองว่าฐานของการเป็นคนดีคือการมีเงิน

โจราธิปไตยจะเน้นการใช้และปันประโยชน์ให้สมาชิกในครอบครัว ญาติสนิทและมิตรสหายในการดำเนินงาน เรื่องนี้มีชื่อตามหลักวิชาการว่า พรรคพวกนิยม (Cronyism) ซึ่งเคยใช้มาบ้างแล้วในเมืองไทยแต่ยังไม่มีผลเสียหายเท่ากับในฟิลิปปินส์ยุคเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ทั้งนี้เพราะผู้นำรัฐบาลไทยยังไม่เคยอยู่ในตำแหน่งนานเท่าเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส

คงจะเห็นแบบเป็นที่ประจักษ์มาแล้วว่าโจราธิปไตยอาศัยนโยบายแนวประชานิยม (Populism) เข้าสู่อำนาจ จึงอาจเรียกได้ว่ามีประชานิยมาธิปไตยเป็นปัจจัยสำคัญ ประชานิยมาธิปไตยถูกนำเข้ามาใช้ในเมืองไทยเมื่อปี 2544 และได้พิสูจน์แล้วว่ามันเป็นยาเสพติดชนิดหนึ่งซึ่งคนไทยชื่นชอบยิ่งนัก พรรคการเมืองจึงแข่งขันกันเสนอว่าใครจะหยิบยื่นของเปล่าให้แก่ประชาชนมากกว่ากันในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ รัฐบาลใหม่และรัฐบาลที่จะตามมาในอนาคตจะไม่สามารถลดการให้ของเปล่าได้

ตรงข้ามนับวันจะเข้มข้นยิ่งขึ้น ในระยะสั้น ผู้ที่ได้ประโยชน์จะพากันดีใจ แต่เนื่องจากโลกใบนี้ไม่มีของเปล่า ผลเสียหายจะแสดงออกมาให้เห็นเป็นส่วนใหญ่เมื่อเวลาผ่านไปชั่วระยะหนึ่ง ของเปล่าที่รัฐบาลนำมาเสนอให้คือการใช้สินทรัพย์ล่วงหน้าซึ่งจะปรากฏออกมาในรูปของการก่อหนี้ ณ วันนี้ ผลของการก่อหนี้กำลังออกฤทธิ์ในรูปของวิกฤตในกรีซ ไอร์แลนด์ และโปรตุเกส เรื่องประชานิยมาธิปไตยทำให้ละตินอเมริกาพัฒนาล้มลุกคลุกคลาน และฆ่าแกงกันบ่อยครั้งคงไม่ต้องนำมาอ้างถึงอีกในที่นี้เพราะคงเป็นที่รับรู้กันอยู่แล้ว

หากผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ลงคะแนนตามที่ผลของโพลชี้บ่งแบบเป็นเอกฉันท์ เมืองไทยจะปกครองด้วยระบอบโจราธิปไตยในคราบประชาธิปไตยซึ่งจะนำไปสู่ความหายนะ หากคนไทยส่วนใหญ่ไม่ต้องการเห็นความหายนะก็จะต้องไปออกเสียงในวันที่ 3 กรกฎาคม โดยไม่ลงคะแนนให้พรรคหรือนักการเมืองของพรรคที่โพลชี้ว่าจะชนะการเลือกตั้ง นั่นรวมทั้งพรรคและนักการเมืองจำพวกปลาไหลด้วย หากไม่แน่ใจว่าพรรคและผู้สมัครไหนจะนำไปสู่ความเป็นโจราธิปไตยหรือไม่ ก็จงกาช่องไม่ประสงค์จะลงคะแนน นั่นคือทางออกในระยะสั้น หากการทำเช่นนั้นยังได้รัฐบาลโจราธิปไตยก็ต้องออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านการทำงานของรัฐบาลเลวทรามอย่างสุดกำลัง นั่นคือทางออกในระยะยาว
กำลังโหลดความคิดเห็น