xs
xsm
sm
md
lg

รายงานข่าวชิ้นสุดท้ายก่อนถูกสังหารของ ‘ไซเอด ซาลีม ชาห์ซาด’

เผยแพร่:   โดย: ไซเอด ซาลีม ชาห์ซาด

(หมายเหตุผู้แปล: ไซเอด ซาลีม ชาห์ซาด หัวหน้าโต๊ะปากีสถานของเอเชียไทมส์ออนไลน์ หายตัวไปในวันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม และถูกพบเป็นศพในอีก 2 วันถัดมา โดยที่หลายๆ ฝ่ายเชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือของหน่วยข่าวกรองปากีสถาน สืบเนื่องจากข้อเขียนของเขาที่พูดถึงการแทรกซึมของอัลกออิดะห์ในกองทัพเรือปากีสถาน ซึ่งก็คือรายงานข่าวชิ้นนี้)

เบื้องลึก‘อัลกออิดะห์’โจมตีฐานทัพกองบินนาวี‘ปากีสถาน’
โดย ไซเอด ซาลีม ชาห์ซาด
26/05/2011

(เก็บความจากเอเชียไทมส์ออนไลน์ www.atimes.com)

Al-Qaeda had warned of Pakistan strike
By Syed Saleem Shahzad
26/05/2011

ปฏิบัติการของพวกนักรบอิสลามิสต์หัวรุนแรงซึ่งในสัปดาห์นี้บุกเข้ายึดเอาฐานทัพกองบินนาวีของกองทัพเรือปากีสถาน “เป็นตัวประกัน” อยู่นาน 15 ชั่วโมงนั้น แท้ที่จริงแล้วคือการลงมือกระทำตามคำขู่ของพวกเขาที่ยื่นต่อพวกเจ้าหน้าที่ความมั่นคงปากีสถานก่อนหน้านี้ คำขู่ดังกล่าวมีว่า จงปล่อยตัวบรรดาทหารเรือที่พวกคุณกวาดจับกักกันเอาไว้ในฐานะเป็นผู้ต้องสงสัยพัวพันอัลกออิดะห์ มิฉะนั้นก็ต้องรับมือกับผลต่อเนื่องที่จะเกิดตามมา ปรากฏว่าหน่วยข่าวกรองกองทัพเรือที่อยู่ในอาการสิ้นท่าหมดปัญญา หลังจากค้นพบว่าอัลกออิดะห์สามารถแทรกซึมเข้ามาในกองทัพได้มากมายขนาดไหนแล้ว ได้ใช้ท่าทีเพิกเฉยไม่สนใจต่อการเรียกร้องนี้ และดังนั้นพวกเขาจึงถูกสั่งสอนให้เผชิญกับบทเรียนความเป็นจริงอันหนักหนาสาหัสบางอย่างบางประการ

*รายงานนี้แบ่งออกเป็น 2 ตอน นี่เป็นตอนแรก*

อิสลามาบัด, ปากีสถาน – อัลกออิดะห์ออกปฏิบัติการโจมตีอย่างบ้าบิ่นต่อฐานทัพ พีเอ็นเอส เมห์ราน (PNS Mehran) ของกองบินนาวีแห่งกองทัพเรือปากีสถาน ซึ่งตั้งอยู่ในนครการาจี เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ภายหลังที่กองทัพเรือและอัลกออิดะห์ประสบความล้มเหลวในการเจรจาต่อรองกัน เพื่อให้มีการปล่อยตัวประดาเจ้าหน้าที่กองทัพเรือที่ถูกจับกุมเนื่องจากต้องสงสัยว่ามีความเกี่ยวข้องโยงใยกับอัลกออิดะห์ ทั้งนี้จากการสืบสวนสืบสาวของเอเชียไทมส์ออนไลน์

กองกำลังความมั่นคงของปากีสถานต้องใช้เวลาในการสู้รบอย่างยาวนานถึง 15 ชั่วโมง จึงสามารถให้ความมั่นใจได้ว่าฐานทัพนาวีแห่งนี้มีความปลอดภัยแล้ว หลังจากที่ถูกบุกโจมตีด้วยพวกนักรบหัวรุนแรงติดอาวุธเพียบจำนวนหยิบมือหนึ่ง

มีผู้ถูกสังหารเสียชีวิตไปอย่างน้อยที่สุด 10 คน และเครื่องบินตรวจการณ์/ปราบเรือดำน้ำแบบ พี3-ซี โอไรออน (P3-C Orion) ทำในสหรัฐฯ มูลค่าลำละประมาณ 36 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จำนวน 2 ลำ ได้ถูกทำลาย ก่อนที่ผู้เข้าโจมตีบางคนจะเล็ดรอดหลบหนีออกไปได้ แม้จะต้องผ่านขบวนกองกำลังความมั่นคงที่ถูกระดมเรียกมาโอบล้อมสกัดกั้นเป็นจำนวนพันๆ คน

คำแถลงของทางการฉบับหนึ่งระบุจำนวนพวกนักรบหัวรุนแรงที่เข้าโจมตีเหล่านี้ว่ามี 6 คน ซึ่งมี 4 คนถูกสังหารและอีก 2 คนหลบหนีไปได้ ทว่าแหล่งข่าวไม่เป็นทางการหลายรายบอกว่า นักรบหัวรุนแรงมีอยู่ด้วยกัน 10 คน โดยหลบหนีไปได้ 6 คน สายข่าวหลายๆ รายของเอเชียไทมส์ออนไลน์ยืนยันว่า ผู้ปฏิบัติการโจมตีเหล่านี้มาจาก กองกำลังอาวุธ 313 (313 Brigade) ของ อิลยัส แคชมิรี (Ilyas Kashmiri) ที่เป็นแขนขาด้านการปฏิบัติการของอัลกออิดะห์

ก่อนหน้านั้นไปอีก รถโดยสารของกองทัพเรือได้ถูกโจมตีรวม 3 ครั้งในเดือนที่แล้ว ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อยที่สุด 9 คน นี่ย่อมเป็น “การยิงเตือน” เพื่อกดดันให้ทางเจ้าหน้าที่กองทัพเรือยอมรับข้อเรียกร้องของอัลกออิดะห์ในเรื่องผู้ต้องสงสัยที่ถูกกักกันตัว

เหตุการณ์สังหารอุซามะห์ บิน ลาดิน ในปากีสถานเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม กระตุ้นพวกอัลกออิดะห์กลุ่มต่างๆ ให้บังเกิดความคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่า จะต้องเปิดการโจมตีขึ้นในนครการาจี โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของการแก้แค้นให้แก่ผู้นำของพวกเขา และขณะเดียวกันก็เป็นการบั่นทอนสมรรถนะของปากีสถานในการตรวจการณ์สอดแนมกองทัพเรืออินเดียไปด้วย

อย่างไรก็ดี แรงจูงใจที่อยู่เบื้องลึกลงไปอีก ก็คือเป็นการแสดงปฏิกิริยาต่อการที่ปากีสถานเปิดการกวาดล้างภายในครั้งใหญ่ซึ่งมุ่งเล่นงานบุคลากรที่พัวพันกับอัลกออิดะห์ภายในกองทัพเรือ

**แนวความคิดหัวรุนแรงในกองทัพ**

หลายๆ สัปดาห์ที่ผ่านมา ฝ่ายข่าวกรองของกองทัพเรือได้สืบสาวพบร่องรอยของหน่วยงานอัลกออิดะห์ที่กำลังปฏิบัติการอยู่ตามค่ายทหารเรือหลายแห่งในนครการาจี ซึ่งเป็นทั้งนครที่ใหญ่ที่สุดและทั้งท่าเรือแห่งสำคัญยิ่งของประเทศ

“อารมณ์ความรู้สึกแบบศรัทธาอิสลามอย่างแรงกล้า คือสิ่งพบเห็นได้ทั่วไปอยู่แล้วภายในกองทัพ(ปากีสถาน)” นายทหารเรืออาวุโสผู้หนึ่งกล่าวกับเอเชียไทมส์ออนไลน์ด้วยเงื่อนไขที่ว่าจะต้องปกปิดชื่อของเขา เนื่องจากเขาไม่ได้รับมอบอำนาจให้พูดกับสื่อมวลชน

“เราไม่เคยรู้สึกว่าถูกคุกคามจากสิ่งนี้หรอก กองทัพทุกๆ กองทัพทั่วทั้งโลก ไม่ว่าจะเป็นอเมริกัน, อังกฤษ, หรืออินเดีย ต่างก็ได้อาศัยแรงบันดาลใจบางส่วนจากศาสนา มากระตุ้นปลุกเร้าผู้ปฏิบัติงานของพวกเขาให้บังเกิดความกล้าหาญที่จะต่อสู้เผชิญหน้ากับศัตรู ประเทศปากีสถานปรากฏขึ้นมาได้ก็เนื่องจากทฤษฎี 2 ประเทศ ที่บอกว่าคนฮินดูกับคนมุสลิมจะต้องมีประเทศชาติที่แยกต่างหากออกมาเป็นคนละประเทศ ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครเลยที่จะสามารถแยกอิสลามและอารมณ์ความรู้สึกศรัทธาในอิสลาม ออกมาจากกองทัพแห่งปากีสถานได้” นายทหารผู้นี้กล่าวต่อ

“กระนั้นก็ตาม จากการสังเกตติดตามของเรา เราพบว่ามีการจับกลุ่มแบบที่น่ากังวลขึ้นมาในค่ายทหารเรือหลายๆ แห่งในการาจี ขณะที่ย่อมไม่มีใครเลยที่จะมาขัดขวางไม่ให้บุคลากรของกองทัพประกอบพิธีทางศาสนาหรือทำการศึกษาอิสลาม แต่กลุ่มดังกล่าว (ที่ทางเราจับตามองอยู่) มีลักษณะที่ละเมิดระเบียบกฎเกณฑ์ของกองทัพ นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการปฎิบัติการด้านข่าวกรองในกองทัพเรือ เพื่อที่จะยับยั้งขัดขวางกิจกรรมที่ไม่ชอบมาพากลทั้งหลาย”

นายทหารผู้นี้อธิบายแจกแจงว่า กิจกรรมของการจับกลุ่มดังที่กล่าวมานี้ มีลักษณะของการต่อต้านคณะผู้นำกองทัพ และคัดค้านการที่ปากีสถานต่อเชื่อมผูกพันกับสหรัฐฯเพื่อต่อต้านพวกหัวรุนแรงอิสลาม ยิ่งเมื่อมีการตรวจพบข่าวคราวบางประการที่ส่อแสดงให้เห็นว่าอาจจะมีการโจมตีพวกเจ้าหน้าที่อเมริกันที่กำลังจะมาเยือน ฝ่ายข่าวกรองจึงมีเหตุผลอันดีที่จะลงมือปฏิบัติการ และภายหลังการประเมินค่าอย่างรอบคอบแล้ว ก็ได้ออกกวาดจับผู้ต้องสงสัยหลายระลอก รวมเป็นผู้ต้องสงสัยทั้งสิ้นอย่างน้อยที่สุด 10 คน ส่วนใหญ่เป็นนายทหารชั้นประทวน

“นั่นกลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความยุ่งยากครั้งมโหฬาร” นายทหารผู้นี้เล่าต่อ

พวกที่ถูกจับกุมเหล่านี้ถูกกักตัวเอาไว้ที่สำนักงานของฝ่ายข่าวกรองกองทัพเรือ ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังของทำเนียบที่พักของมุขมนตรีแห่งแคว้นสินธุ์ ในเมืองการาจี (การาจีเป็นเมืองหลวงของแคว้นนี้) ทว่าก่อนที่การซักถามอย่างเป็นเรื่องเป็นราวจะเริ่มต้นขึ้น ปรากฏว่าผู้รับผิดชอบการสอบสวนก็ได้รับคำขู่โดยตรงจากพวกนักรบหัวรุนแรง ทั้งนี้พวกหัวรุนแรงแสดงข้อมูลให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพวกเขาทราบดีว่าผู้ต้องสงสัยเหล่านี้กำลังถูกกักขังเอาไว้ที่ไหน

ด้วยเหตุนี้จึงมีการเคลื่อนย้ายผู้ต้องขังไปไว้ที่อื่นที่น่าจะปลอดภัยกว่าในทันที แต่ปรากฏว่ายังคงมีการข่มขู่ตามมาอีก พวกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้เชื่อว่าฝ่ายหัวรุนแรงหวาดเกรงว่าการซักถามจะนำไปสู่การซัดทอดซึ่งจะมีการกวาดจับพวกที่จงรักภักดีต่อพวกเขาภายในกองทัพเรือเพิ่มมากขึ้นอีก ดังนั้น ฝ่ายหัวรุนแรงจึงแสดงออกอย่างแจ่มแจ้งว่าถ้าหากไม่ปล่อยตัวพวกที่ถูกคุมขังแล้ว สถานที่ของกองทัพเรือก็จะต้องถูกโจมตีอย่างแน่นอน

เห็นได้อย่างชัดเจนว่า พวกหัวรุนแรงได้รับข้อมูลข่าวสารวงในอย่างไม่ขาดสาย เนื่องจากพวกเขาทราบว่าพวกผู้ต้องสงสัยถูกกักตัวไว้ที่ไหน แม้กระทั่งโยกย้ายที่คุมขัง พวกเขาก็ยังทราบอีก สิ่งเหล่านี้บ่งชี้ให้เห็นว่า พวกอัลกออิดะห์ต้องสามารถแทรกซึมเข้าไปในกองทัพเรือปากีสถานได้อย่างล้ำลึก

ได้มีการเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพเรือ ในที่ประชุมดังกล่าว เจ้าหน้าที่ข่าวกรองผู้หนึ่งยืนยันว่าจะต้องจัดการกับเรื่องนี้ด้วยความรอบคอบระมัดระวังอย่างที่สุด ไม่เช่นนั้นแล้วก็อาจเกิดผลต่อเนื่องที่เป็นความหายนะติดตามมา ทุกๆ คนที่เข้าร่วมการประชุมต่างเห็นด้วย และมีการตัดสินใจให้เปิดช่องทางการติดต่อกับอัลกออิดะห์

ทั้งนี้ได้มีการติดต่อกับ อับดุบ ซาหมัด มานซูรี (Abdul Samad Mansoori) อดีตนักเคลื่อนไหวขององค์การนักศึกษา และเวลานี้เป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังอาวุธ 313 บุคคลผู้นี้แรกเริ่มเดิมทีเป็นคนทางการาจี แต่ปัจจุบันพำนักอาศัยอยู่ในพื้นที่ชาวชนเผ่าในเขตนอร์ทวาซิริสถาน (North Waziristan) ต่อจากนั้นการเจรจาก็เริ่มต้นขึ้น ฝ่ายอัลกออิดะห์เรียกร้องให้ปล่อยตัวพวกที่ถูกกักขังโดยไม่ให้มีการซักถามต่อไปอีก ทว่าข้อเรียกร้องนี้ถูกปฏิเสธ

ถึงแม้มีการผ่อนปรนอนุญาตให้ผู้ถูกคุมขังเหล่านี้ได้พูดจากับครอบครัวของพวกเขา ตลอดจนมีการปฏิบัติต่อพวกเขาเป็นอย่างดี ทว่าพวกเจ้าหน้าที่ยังคงต้องการที่จะซักถามคนเหล่านี้อย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้ภาพการแทรกซึมของอัลกออิดะห์ว่ามีระดับขนาดความสาหัสเพียงไหน มีการบอกกล่าวกับพวกหัวรุนแรงว่าทันทีที่การซักถามเสร็จสิ้นลง ทหารเรือผู้ต้องสงสัยเหล่านี้ก็จะถูกปลดประจำการและได้รับอิสรภาพ

ปรากฏว่าฝ่ายอัลกออิดะห์ปฏิเสธไม่ยอมรับเงื่อนไขพวกนี้ และแสดงความไม่พอใจของตนด้วยการเข้าโจมตีรถโดยสารของกองทัพเรือหลายระลอกในเดือนเมษายน

เหตุการณ์เหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า อัลกออิดะห์มีหน่วยทำหน้าที่หาข่าวกรองมากกว่า 1 หน่วยซึ่งคอยทำงานอย่างกระตือรือร้นไม่ลดละอยู่ในกองทัพเรือ ถึงตอนนี้จึงมีความหวาดกลัวกันว่าถ้าหากไม่แก้ไขปัญหานี้ให้ตกไปแล้ว เส้นทางการลำเลียงยุทธสัมภาระขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) ก็จะต้องเผชิญภัยคุกคามระลอกใหม่ เท่าที่ผ่านมาขบวนลำเลียงของนาโต้มักถูกโจมตีเป็นประจำในทันทีที่ขบวนเริ่มออกจากนครการาจีไปยังอัฟกานิสถาน แต่มาในตอนนี้ขบวนลำเลียงเหล่านี้มีความเสี่ยงที่จะถูกโจมตีภายในท่าเรือการาจีทีเดียว ขณะเดียวกัน พวกอเมริกันที่มักเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ ของกองทัพเรือปากีสถานในนครแห่งนี้ ก็ย่อมจะตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน

ด้วยเหตุนี้เอง จึงมีการระดมกวาดล้างอีกระลอกหนึ่ง และมีผู้ถูกจับกุมคุมขังเพิ่มมากขึ้นอีก พวกที่ถูกจับกุมเป็นผู้ที่มีภูมิหลังจากเชื้อชาติต่างๆ หลากหลาย เป็นต้นว่า มีอยู่รายหนึ่งที่เป็นสมาชิกหน่วยคอมมานโดของกองทัพเรือนั้น มาจากเผ่าเมห์ซูด (Mehsud) ในเขตเซาท์วาซิริสถาน (South Waziristan) และเชื่อกันว่าเขาได้รับคำสั่งโดยตรงจาก ฮากีมุลลาห์ เมห์ซูด (Hakeemullah Mehsud) หัวหน้าของขบวนการ เตห์ริก-อี-ตอลิบาน ปากีสถาน (Tehrik-e-Taliban Pakistan ซึ่งก็คือ พวกตอลิบานส่วนที่อยู่ในปากีสถาน) นอกจากนั้น ยังมีคนที่มาจากแคว้นปัญจาบ ตลอดจนพวกคนทางนครการาจีเอง

ภายหลังบิน ลาดินถูกสังหารโดยฝีมือของหน่วย “ซีลส์” (Seals) แห่งกองทัพเรืออเมริกัน ที่เมืองอับบอตตาบัด (Abbottabad) ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงอิสลามาบัดไปทางเหนือประมาณ 60 กิโลเมตร พวกหัวรุนแรงก็ตัดสินใจว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องเปิดการปฏิบัติการครั้งใหญ่

ภายในเวลาไม่ถีงสัปดาห์ พวกบุคคลวงในฐานทัพ พีเอ็นเอส เมห์ราน ก็ได้จัดเตรียมทั้งแผนที่, ภาพถ่ายช่องทางเข้า-ออกต่างๆ ทั้งที่ถ่ายในเวลากลางวันและในเวลากลางคืน, สถานที่ตั้งของโรงเก็บเครื่องบิน, ตลอดจนรายละเอียดเกี่ยกับการปฏิบัติการตอบโต้ที่น่าจะบังเกิดขึ้นจากพวกกองกำลังความมั่นคงที่อยู่ภายนอกฐานทัพ

ผลก็คือ พวกหัวรุนแรงสามารถที่จะเล็ดรอดเข้าไปในค่ายทหารที่มีการดูแลรักษาการณ์อย่างเข้มแข็ง โดยที่พวกเขากลุ่มหนึ่งพุ่งเป้าหมายโจมตีเครื่องบิน ขณะที่กลุ่มที่สองคอยรับมือกับกองกำลังเคลื่อนที่เร็วของทางฐานทัพ และในที่สุดแล้วอย่างน้อย 1 ใน 3 ของพวกเขาก็สามารถหลบหนีกลับออกมาได้ โดยอาศัยการยิงคุ้มกันของคนอื่นๆ สำหรับพวกที่ถูกทิ้งเอาไว้เบื้องหลังนั้นได้ถูกสังหารหมด

*ตอนต่อไป: การจัดหาและการฝึกอบรมของพวกหัวรุนแรง*
(แปลตามต้นฉบับที่ชาห์ซาดเขียนไว้ แต่ก็ดังที่ทราบกัน หลังจากข้อเขียนชิ้นแรกนี้ได้รับการเผยแพร่ เขาได้ถูกลักพาตัวและถูกสังหาร จึงไม่มีรายงานข่าวตอนต่อไปจากเขาอีกแล้ว -หมายเหตุผู้แปล)

ไซเอด ซาลีม ชาห์ซาด เป็นหัวหน้าโต๊ะปากีสถานของเอเชียไทมส์ออนไลน์ เขาเป็นผู้เขียนหนังสือเรื่อง Inside Al-Qaeda and the Taliban 9/11 and Beyond จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์ Pluto Press สหราชอาณาจักร สำหรับที่อยู่ทางอีเมล์ของเขาคือ saleem_shahzad2002@yahoo.com
กำลังโหลดความคิดเห็น