ที่ปรึกษา กม.7 คนไทย สับรัฐบาล-กระทรวงต่างประเทศ-สถานทูต ขาดความจริงใจในระหว่างการไต่สวนของศาลกัมพูชา เผย หมกเม็ดไม่นำข้อตกลงเจบีซีไปให้การ เชื่อ ศาลเขมรอาจไปกล้าตัดสินคดี เพราะเกรงไปกระทบอนุสัญญเจนีวา
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายณฐพร โตประยูร ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (21 ม.ค.) นายณฐพร โตประยูร ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายเครือข่ายหัวใจคนไทยรักชาติ ให้สัมภาษณ์รายการ News Hour ทางเอเอสทีวี ถึงการช่วยเหลือด้านคดี 7 คนไทย ซึ่งถูกทหารกัมพูชา จับกุม และได้ตั้งข้อกล่าวหาว่า รุกล้ำดินแดน โดยเฉพาะ นายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ แกนนำเครือข่ายคนไทย ได้ถูกตั้งข้อกล่าวหาเพิ่มว่า จารกรรมข้อมูล ว่า 6 คนไทย ยกเว้น นายวีระ หลังจากได้รับการประกันตัวออกมา ยังถูกกักกันตัวอยู่ที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงพนมเปญ
ซึ่งจากการที่ศาลกัมพูชา นัดไต่สวนในวันนี้ ทำให้มีความเชื่อว่า รัฐบาลไทย และกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ได้มีความจริงใจต่อการช่วยเหลือผู้ต้องขังชาวไทย อย่างจริงใจ โดยการไต่สวนในวันนี้ เจ้าหน้าที่สถานทูตไม่ได้นำข้อตกลงร่วมกรรมาธิการไทย-กัมพูชา หรือ เจบีซี ไปยืนยันว่า พื้นที่ที่ดังกล่าวมีข้อพิพาทกันอยู่ แต่กลับนำแผนที่ทางทหาร ซึ่งเป็นข้อตกลงในเรื่องเขตแดนเฉพาะหน้า ซึ่งจะกลายเป็นข้อผูกมัดทำให้ประชาชนชาวไทยที่เข้าในพื้นที่ตรงนั้นเสียเปรียบ คล้ายกับว่า การเข้าไปในพื้นที่พิพาทเป็นการรุกล้ำดินแดน และคาดว่า ศาลกัมพูชาจะไม่กล้าตัดสินคดีนี้ เพราะเกรงว่าจะเป็นไปกระทบต่ออนุสัญญาเจนีวา ระหว่างประเทศในท้ายที่สุด
ในส่วนของ นายวีระ ซึ่งถูกตั้งข้อหล่าวหาจากรรมข้อมูล ถือว่าเป็นการยัดเยียดข้อหา เพราะนายวีระ เป็นเพียงราษฎรคนหนึ่ง และไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าไปจารกรรมข้อมูลให้ทางการไทย แต่ขณะนี้พยานหลักฐานยังไปไม่ถึง และยังไม่มีการไต่สวน แต่เชื่อว่าคดีนี้สถานทูตไทยประจำกัมพูชา ไม่ได้ตั้งหลักต่อสู้อย่างจริงใจ ทำไมไม่นำเอกสาร ข้อตกลงคณะกรรมาธิการร่วมไทย-กัมพูชา ไปยืนยันว่า ที่ดินตรงนี้มีข้อพิพาท และจะทำให้เกิดปัญหาในการต่อสู้คดีต่อไป สุดท้ายศาลกัมพูชาอาจไม่กล้าตัดสินคดีนี้ เพราะเกรงว่าไปกระทบต่ออนุสัญญาเจนีวา
รายงานข่าวแจ้งว่า ล่าสุด ศาลได้ไต่สวนเพิ่มเติมจำเลยทั้ง 5 คนเสร็จสิ้นแล้ว โดยทั้ง 5 คน ได้ให้การเหมือนกันว่า ไม่มีเจตนาเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากพบป้ายที่เขียนเป็นภาษากัมพูชา และไม่อาจทราบได้ว่าเป็นพื้นที่หวงห้าม ขณะที่ นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ หนึ่งในผู้ต้องหา ให้การเช่นกันว่า ไม่ทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ของกัมพูชาเช่นกัน ซึ่งได้ยืนยันว่า ไม่มีการถ่ายภาพ หรือบันทึกวิดีโอไว้แต่อย่างใด โดยมีเพียงโทรศัพท์ติดตัวไปเท่านั้น
นอกจากนี้ นายพนิช ยังกล่าวอีกว่า ได้พบชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าว 1 ราย แต่ไม่ได้มีการพูดคุยกัน จึงไม่ทราบว่า ได้เดินล้ำเข้าไปในพื้นที่กัมพูชาแล้ว
ขณะที่หลังจากศาลไต่สวนตามคำร้องที่จำเลยทั้ง 5 ร้องขอ ให้เลื่อนการพิจารณาคดีให้เร็วขึ้นแล้วนั้น จะต้องรอความชัดเจนอีกครั้งหนึ่งว่า ศาลจะมีคำพิพากษาในวันนี้หรือไม่