ASTVผู้จัดการรายวัน - ชาวบ้านโนนหมากมุ่น สระแก้ว บุกพบ “มาร์ค” ยันเขมรยึดที่ดินทำกิน ย้ำหลักหมุดที่ 46 อยู่บนแผ่นดินไทย ขณะที่ "มาร์ค" ขอให้รวบรวมหลักฐานมาส่งอีกรอบ ก่อนท่องบทป้อง 7 คนไทย เจตนาบริสุทธ์ ไม่ได้โจรกรรมข้อมูลทางทหาร ด้านเด็จพี่อัด “มารค์” ลอยแพ "พนิช" แถมแฉคลิปซ้ำเติม สื่อเขมรปูดซ้ำข่าวทหารไทยยิงเขมรตาย
เมื่อเวลา 10.30 น. วานนี้ (9 ม.ค.) ตัวแทนชาวบ้านโนนหมากมุ่น ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว จำนวน 27 คน เดินทางเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีให้ความช่วยเหลือกรณีถูกคนกัมพูชายึดพื้นที่ทำกินในพื้นที่ ทั้งที่มีเอกสารสิทธิในพื้นที่อย่างถูกต้อง
ภายหลังการเข้าพบ นายพรพล เอกอรรถพร แกนนำชาวบ้าน กล่าวว่า นำเอกสารสิทธิพื้นที่ทำกิน เช่น น.ส.3 ก., ส.ค.5, เอกสารการเสียภาษีในพื้นที่ มาร้องเรียนนายกรัฐมนตรีให้ความช่วยเหลือเรื่องพื้นที่ทำกินของชาวบ้านในพื้นที่ ต.โนนหมากมุ่น จำนวน 2,000 ไร่ ที่ถูกกัมพูชาเข้ามายึดครองตั้งแต่ปี 2518 ทั้งที่ชาวบ้านมีเอกสารสิทธิทำกินอย่างถูกต้อง เพราะเป็นพื้นที่ของไทยชัดเจน แต่กลับถูกกัมพูชามายึดครอง ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นจุดใกล้เคียงกับที่คณะ 7 คนไทยถูกทหารกัมพูชาจับกุมตัวไป จึงขอให้นายกฯช่วยเอาพื้นที่ดังกล่าวของชาวบ้านกลับคืนมาด้วย โดยนายอภิสิทธิ์รับปากว่า จะช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ โดยจะนำเอกสารหลักฐานต่างๆ ไปเปรียบเทียบกับภาพถ่ายดาวเทียมทางอากาศ เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นพื้นที่ของไทยจริงหรือไม่
**คนสระแก้วนำข้อมูลเอกสิทธิ์มาโชว์
จากนั้นเวลา 11.00 น. นายอภิสิทธ์ ได้ให้สัมภาษณ์ระหว่างเป็นประธานในพิธี เปิดศูนย์กีฬาปานเหล็ง ที่ศูนย์ประสานงานพรรคประชาธิปัตย์ ซอยอ่อนนุช 39 ถึงกรณีกลุ่มชาวบ้านจ.สระแก้วเข้าพบที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า ไม่ได้เอาข้อมูลอะไรใหม่มาให้ แต่เขาเอาเรื่องความเดือดร้อนของเขาในเอกสารสิทธิ์ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ตรงกันกับที่ตนมีอยู่มาให้ เมื่อถามว่า ต้องรอคณะกรรมาธิการร่วม (จีบีซี)ไทยกัมพูชาก่อนใช่หรือไม่ถึงจะทำอะไรได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เดี๋ยวถ้าพร้อมแล้วจะเรียนให้ทราบอีกครั้ง
**"มาร์ค" ขอรวบรวมหลักฐานมาอีกรอบ
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ประชาชนชาว จ.สระแก้ว จำนวน 27 คน ขอเข้าพบ นายกรัฐมนตรี เพื่อร้องเรียนถึงปัญหาที่ดินทำกินในพื้นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ที่ไม่สามารถเข้าไปทำกินในพื้นที่ได้ แม้จะมีเอกสารสิทธิที่ถูกต้อง เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในหลักเขตแดนที่ 46 เป็น 48 ซึ่งยังมีข้อพิพาทกับทางกัมพูชา โดย นายกรัฐมนตรี ได้ให้ชาวบ้านไปรวบรวมเอกสารหลักฐานทั้งหมดให้กับตน เพื่อที่จะนำไปตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง
ก่อนหน้านั้นนายอภิสิทธิ์ กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ถึงปัญหา 7 คนไทยถูกเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาจับกุมและถูกคุมขังอยู่ที่กัมพูชาว่า ต้องขอเรียนว่า 7 คนไทยที่ถูกจับกุม รวมถึงนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ บุคคลเหล่านี้ได้ติดตามการร้องเรียนของประชาชนในพื้นที่ซึ่งมีเอกสารสิทธิบริเวณพื้นที่บริเวณชายแดน แต่ไม่สามารถเข้าไปทำกินได้ และไปเชื่อมโยงหลายส่วนที่มีการเคลื่อนไหวในเรื่องของกัมพูชา นายพนิชเองก็ได้ไปประสานงานกับคนเหล่านี้ และได้ไปลงพื้นที่ เพราะฉะนั้นเจตนาของ 7คนไทยที่ไปชัดเจน ถ้าใครได้มีโอกาสดูคลิปวิดีโอซึ่งเอาส่วนที่ถูกตัดไปมาดูด้วย ก็จะเห็นได้ชัดว่า เขาตั้งใจไปดูพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ ไปดูหลักหมุดที่ 46 ซึ่งอยู่ในฝั่งไทยที่อยู่ในแผนที่ 1 ต่อ 5,000 หรือ L 7018 แต่บังเอิญที่มีการลงพื้นที่จริงลงไปในทุ่งนา มีการเลี้ยวเข้าถนนไม่ได้เข้าไปในพื้นที่ที่มีหลักหมุด หรือพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิก็ถูกจะจับกุมไป
สิ่งที่อยากจะเรียนคือ เมื่อเกิดเหตุเช่นนี้แล้ว ขณะนี้รัฐบาลถือว่า เรามีหน้าที่ช่วยเหลือพี่น้องคนไทยทั้ง 7 คนนี้ ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุด คือต้องการให้รับการปล่อยตัวและกลับสู่ประเทศไทยโดยเร็วที่สุด ขณะที่ถูกควบคุมตัวอยู่นั้นก็จะดูแลในเรื่องของความเป็นอยู่ที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ และอยากจะขอเชิญชวนพี่น้องคนไทยว่า นี้น่าจะเป็นเป้หมายสูงสุดในการช่วยเหลือพี่น้อง 7คนไทยของเรา ที่ไม่ได้มีเจตนาไปรุกล้ำดินแดน ไม่มีเจตนาที่จะไปทำอะไรผิด หรือโจรกรรมอะไรทั้งสิ้น
ส่วนการช่วยเหลือขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่า รัฐบาลจะดำเนินการไม่ให้กระทบต่ออธิปไตย สิทธิประเทศของเราอย่างแน่นอน พร้อมกันนี้อยากเรียนว่า ปัญหาอื่นๆ ที่พี่น้องยังคงคาใจในเรื่องของปัญหาชายแดน ที่จะว่าไปแล้วไมใช่จะมีเฉพาะจุดนี้ แต่มีตลอดแนวชายแดนหลักปฏิบัติต่างๆ หรือการที่จะมีความวิตกกังวลว่า จะกระทบกระเทือนอธิปไตยนั้น เป็นปัญหาที่รัฐบาลไม่ได้เพิกเฉยอย่างแน่นอน และเมื่อสถานการณ์เหล่านี้คลี่คลายไป เราก็จะเดินหน้าแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้อย่างเต็มที่
“พร้อมๆ กันไปยืนยันว่า รัฐบาลจะนำข้อเท็จจริงรายละเอียดทั้งหลายมารายงานให้พี่น้องประชาชนรับทราบ แต่วันนี้อยากให้ขอพี่น้องคนไทยทั้งประเทศให้กำลังทั้ง 7 คน และญาติมิตรของทั้ง 7 คนนี้ ช่วยให้คนไทยทั้ง 7 คนของเรา ซึ่งมีเจตนาที่บริสุทธิ์นั้นสามารถที่จะมากลับมาได้อย่างปลอดภัย ส่วนเรื่องอื่นนั้นขอยืนยันเราจะเดินหน้าแก้ไขปัญหาต่างๆ ต่อไป” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
**เลี่ยงตอบต่อสายเคลียร์ “ฮุนเซน”
นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ในวันที่ 10 ม.ค.คงเป็นกระบวนการของศาลอย่างต่อเนื่อง เมื่อถามว่าเริ่มมีสัญญาณดีขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าขณะนี้ควรจะให้มีการติดตามสถานการณ์ เพราะเรามีหน้าที่ช่วยทั้ง 7 คน แต่ก็ไม่ขอให้ความเห็นอะไรเพิ่มเติม
เมื่อถามว่าในทางการทูตจะต้องทำควบคู่กันหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราทำทุกวิถีทางและเราทำทุกทาง เมื่อถามว่าจะมีการเจรจาระดับรัฐบาล และรัฐมนตรีหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทำทุกทาง เมื่อถามว่ามีแผนรองรับหรือไม่หากผลไปในทิศทางอื่น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราจะดูทุกทาง เบื้องต้นจะดูแล 7คนไทยดีที่สุด ส่วนปัญหาอื่นๆ เราจะว่ากันทีหลัง
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะต้องรอถึงจุดไหนนายกรัฐมนตรีถึงจะยกหูหา สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนรีกัมพูชา นายอภิสิทธิ์ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าวแล้วเดินเลี่ยงไป
**เด็จพี่ชี้ “มารค์” ลอยแพ "พนิช"
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เวลาล่วงเลยมากว่า 10 วันแล้ว ในขณะนี้ตนรู้สึกเห็นใจนายพนิช ที่กลับถูกปล่อยให้ถูกขังอยู่ในเรือนจำของประเทศกัมพูชาเช่นนี้ ทั้ง ๆ ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นผุ้รู้เรื่องนี้อย่างดี และยังเป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาอีกด้วย ซึ่งแทนที่นายอภิสิทธิ์จะดำเนินการติดต่อกับผู้นำระดับสูงของประเทศกัมพูชา วันนี้นายพนิชก็คงไม่ถูกดำเนินคดีเช่นนี้ อีกทั้งยังเป็นการซ้ำเติมนายพนิชด้วยการออกมาบอกว่าคลิปวีดีโอที่มีนายพนิชล้ำเส้นเข้าไปในประเทศกัมพูชานั้นเป็นการตัดต่อ
ตนเห็นว่านายอภิสิทธิ์พยายามที่จะปล่อยเกาะนายพนิช ซึ่งแสดงให้เห็นว่านายอภิสิทธิ์ไม่มีวุฒิภาวะของความเป็นผู้นำ หากศาลของกัมพูชาตัดสินออกมาว่านายพนิชและคนไทยที่เหลืออีก 6 คน ถูกตัดสินให้ติดคุก นายอภิสิทธิ์จะต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก ตนไม่ได้ต้องการเห็นความแตกแยกของพรรคประชาธิปัตย์ แต่หากตนเป็นนายพนิชตนคิดว่าตนจะไม่คบเพื่อนแบบนายอภิสิทธิ์อย่างแน่นอน
**โฆษกมาร์คปัดลอยแพ“พนิช”
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ในฐานะโฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รัฐบาลใช้ช่องทางต่างๆ เพื่อช่วยเหลือคนไทยทั้ง 7 คนทุกวิถีทาง ไม่เคยคิดจะลอยแพนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ หรือคนไทยคนอื่นๆ ส่วนที่พรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้นายกฯลาออก หากศาลกัมพูชาตัดสินว่าคนไทยทั้ง 7 มีความผิดนั้น ผลการตัดสินจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลกัมพูชา แต่การออกมาเรียกร้องความรับผิดชอบจากนายกฯ จะให้นายกฯรับผิดชอบในฐานะอะไร ซึ่งการกระทำที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของส่วนบุคคล ไม่ได้ทำในฐานะตัวแทนรัฐบาลหรือตัวแทนของนายกรัฐมนตรี
"หากเป็นเช่นนี้หากมีคนไทยคนใดคนหนึ่งกระทำความผิดหรือถูกศาลในต่างประเทศลงโทษ และจะให้นายกฯแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกอย่างนั้นหรือ พรรคเพื่อไทยไม่ควรนำเอาประเด็นในเรื่องนี้มาเป็นประเด็นซ้ำเติมความรู้สึกของคนไทยทั้ง 7 คนและครอบครัว ขณะที่คนไทยทั้งประเทศเอาใจช่วยในฐานะเพื่อนร่วมชาติ แต่คนในพรรคเพื่อไทยกลับเหยียบย่ำ"นายเทพไท กล่าว
**โฆษกปชป. ปัดเขมรตายไม่เกี่ยวการเมือง
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าถึงกรณีที่มีสื่อมวลชนของหนังสือพิมพ์รัสมีกัมพูเจียร์ของประเทศกัมพูชาเขียนบทความให้รัฐบาลปล่อยตัวคนกัมพูชาที่ถูกจับในคดีเดียวกับ 7 คนไทยา ทั้ง 2 รัฐบาลได้คำนึงถึงความสัมพันธ์ที่ดีร่วมกันมาโดยตลอด ซึ่งทุกกรณีรัฐบาลได้คำถึงถึงการคลี่คลายสถานการณ์ด้วย ส่วนที่มีข่าวว่าคนกัมพูชาเสียชีวิตที่ชายแดนไทย-กัมพูชาเมื่อช่วง 2 วันก่อน เบื้องต้นคาดว่าไม่เกี่ยวกับประเด็นทางการเมือง
“ประเด็นการแลกตัว ก็เคยมีกรณีที่คนของทั้ง2ประเทศลุกล้ำเข้ามาทำการค้า และอยู่ในพื้นที่เกินกว่ากำหนด ก็ได้รับการผ่อนปรน คือ บังคับให้เดินทางกลับ หรือขอใบอนุญาต ขอวีซ่าเพิ่ม ซึ่งเราหวังว่าความผิดที่ไม่ตั้งใจ หรือเป็นการผลัดหลง ก็เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่จะได้รับการผ่อนปรน เพราะไม่มีเจตนาสร้างความขัดแย้ง ดังนั้นก็เป็นความรับผิดชอบส่วนบุคคล การคาดโทษคงเป็นแต่เพียงเบา”โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
**“การุณ ใสงาม” นำทีมกฎหมายไปกัมพูชา
นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ กล่าวว่า นายการุณ ใสงาม นำทีมกฎหมายรวม 7 คน อาทิ นายณฐพร โตประยูร และ ม.ล.วัลวิภา จรูญโรจน์ ออกเดินทางไปประเทศกัมพูชาแล้ว ด้วยเที่ยวบิน TG 580 เพื่อเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายให้นายวีระ สมความคิดโดยเกรงว่านายวีระ จะเสียเปรียบ หลังมีกระแสข่าวว่า ทางการกัมพูชาพยายามจะเพิ่มข้อหาจารกรรมข้อมูลทางทหารให้นายวีระ
สำหรับทีมกฎมายทั้ง 7 คนนนี้ ได้ประสานกับกระทรวงการต่างประเทศแล้ว เพื่อพาเข้าพบกับนายวีระส่วนท่าทีของกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาตินั้น นายไชยวัฒน์ ยืนยันว่า ยังปักหลักชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลต่อไป จนกว่านายกรัฐมนตรีจะช่วย 7 คนไทย กลับมาได้อย่างสมศักดิ์ศรี โดยที่ไทยไม่เสียดินแดน
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระทรวงการต่างประเทศ และการเดินทางไปของคณะทั้ง 7 คน ไปในนามส่วนตัว ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับกระทรวงการต่างประเทศ และไม่ได้เป็นการมอบหมายจากกระทรวงการต่างประเทศโดยตรง
**สื่อเขมรปูดข่าวทหารไทยยิงเขมรตาย
รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันที่ 10 ม.ค.นี้กระทรวงการต่างประทศ ได้เตรียมการที่ยื่นขอประกันตัว 7 คนไทยไว้แล้ว
ขณะที่ความเคลื่อนไหวในกัมพูชา “รัศมีกัมพูเจีย” หนังสือพิมพ์ระกับชาติในกัมพูชา ได้เสนอข่าวทหารไทยยิงชาวเขมรเสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 1 และสูญหาย 1 คน โดยอ้างว่าเกิดขึ้นในวันที่ 6 ม.ค.บนเทือกเขาพนมดงรัก ตรงข้ามบ้านโถลก ต.บันเตียชะมา อ.ทะมอป๊อก จ.บันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา ขณะลักลอบตัดไม้ในพื้นที่ดังกล่าว โดยศพผู้เสียชีวิตชาวเขมรยังไม่ได้นำออกจากจุดเกิดเหตุ
ทั้งนี้ยังมีการอ้างคำพูดของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ที่ระบุว่า คดีนี้อยู่ในการพิจารณาของศาลกัมพูชาแล้ว จึงขอให้ชาวไทยเคารพกฎหมายกัมพูชา.
เมื่อเวลา 10.30 น. วานนี้ (9 ม.ค.) ตัวแทนชาวบ้านโนนหมากมุ่น ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว จำนวน 27 คน เดินทางเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีให้ความช่วยเหลือกรณีถูกคนกัมพูชายึดพื้นที่ทำกินในพื้นที่ ทั้งที่มีเอกสารสิทธิในพื้นที่อย่างถูกต้อง
ภายหลังการเข้าพบ นายพรพล เอกอรรถพร แกนนำชาวบ้าน กล่าวว่า นำเอกสารสิทธิพื้นที่ทำกิน เช่น น.ส.3 ก., ส.ค.5, เอกสารการเสียภาษีในพื้นที่ มาร้องเรียนนายกรัฐมนตรีให้ความช่วยเหลือเรื่องพื้นที่ทำกินของชาวบ้านในพื้นที่ ต.โนนหมากมุ่น จำนวน 2,000 ไร่ ที่ถูกกัมพูชาเข้ามายึดครองตั้งแต่ปี 2518 ทั้งที่ชาวบ้านมีเอกสารสิทธิทำกินอย่างถูกต้อง เพราะเป็นพื้นที่ของไทยชัดเจน แต่กลับถูกกัมพูชามายึดครอง ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นจุดใกล้เคียงกับที่คณะ 7 คนไทยถูกทหารกัมพูชาจับกุมตัวไป จึงขอให้นายกฯช่วยเอาพื้นที่ดังกล่าวของชาวบ้านกลับคืนมาด้วย โดยนายอภิสิทธิ์รับปากว่า จะช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ โดยจะนำเอกสารหลักฐานต่างๆ ไปเปรียบเทียบกับภาพถ่ายดาวเทียมทางอากาศ เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นพื้นที่ของไทยจริงหรือไม่
**คนสระแก้วนำข้อมูลเอกสิทธิ์มาโชว์
จากนั้นเวลา 11.00 น. นายอภิสิทธ์ ได้ให้สัมภาษณ์ระหว่างเป็นประธานในพิธี เปิดศูนย์กีฬาปานเหล็ง ที่ศูนย์ประสานงานพรรคประชาธิปัตย์ ซอยอ่อนนุช 39 ถึงกรณีกลุ่มชาวบ้านจ.สระแก้วเข้าพบที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า ไม่ได้เอาข้อมูลอะไรใหม่มาให้ แต่เขาเอาเรื่องความเดือดร้อนของเขาในเอกสารสิทธิ์ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ตรงกันกับที่ตนมีอยู่มาให้ เมื่อถามว่า ต้องรอคณะกรรมาธิการร่วม (จีบีซี)ไทยกัมพูชาก่อนใช่หรือไม่ถึงจะทำอะไรได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เดี๋ยวถ้าพร้อมแล้วจะเรียนให้ทราบอีกครั้ง
**"มาร์ค" ขอรวบรวมหลักฐานมาอีกรอบ
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ประชาชนชาว จ.สระแก้ว จำนวน 27 คน ขอเข้าพบ นายกรัฐมนตรี เพื่อร้องเรียนถึงปัญหาที่ดินทำกินในพื้นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ที่ไม่สามารถเข้าไปทำกินในพื้นที่ได้ แม้จะมีเอกสารสิทธิที่ถูกต้อง เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในหลักเขตแดนที่ 46 เป็น 48 ซึ่งยังมีข้อพิพาทกับทางกัมพูชา โดย นายกรัฐมนตรี ได้ให้ชาวบ้านไปรวบรวมเอกสารหลักฐานทั้งหมดให้กับตน เพื่อที่จะนำไปตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง
ก่อนหน้านั้นนายอภิสิทธิ์ กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ถึงปัญหา 7 คนไทยถูกเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาจับกุมและถูกคุมขังอยู่ที่กัมพูชาว่า ต้องขอเรียนว่า 7 คนไทยที่ถูกจับกุม รวมถึงนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ บุคคลเหล่านี้ได้ติดตามการร้องเรียนของประชาชนในพื้นที่ซึ่งมีเอกสารสิทธิบริเวณพื้นที่บริเวณชายแดน แต่ไม่สามารถเข้าไปทำกินได้ และไปเชื่อมโยงหลายส่วนที่มีการเคลื่อนไหวในเรื่องของกัมพูชา นายพนิชเองก็ได้ไปประสานงานกับคนเหล่านี้ และได้ไปลงพื้นที่ เพราะฉะนั้นเจตนาของ 7คนไทยที่ไปชัดเจน ถ้าใครได้มีโอกาสดูคลิปวิดีโอซึ่งเอาส่วนที่ถูกตัดไปมาดูด้วย ก็จะเห็นได้ชัดว่า เขาตั้งใจไปดูพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ ไปดูหลักหมุดที่ 46 ซึ่งอยู่ในฝั่งไทยที่อยู่ในแผนที่ 1 ต่อ 5,000 หรือ L 7018 แต่บังเอิญที่มีการลงพื้นที่จริงลงไปในทุ่งนา มีการเลี้ยวเข้าถนนไม่ได้เข้าไปในพื้นที่ที่มีหลักหมุด หรือพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิก็ถูกจะจับกุมไป
สิ่งที่อยากจะเรียนคือ เมื่อเกิดเหตุเช่นนี้แล้ว ขณะนี้รัฐบาลถือว่า เรามีหน้าที่ช่วยเหลือพี่น้องคนไทยทั้ง 7 คนนี้ ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุด คือต้องการให้รับการปล่อยตัวและกลับสู่ประเทศไทยโดยเร็วที่สุด ขณะที่ถูกควบคุมตัวอยู่นั้นก็จะดูแลในเรื่องของความเป็นอยู่ที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ และอยากจะขอเชิญชวนพี่น้องคนไทยว่า นี้น่าจะเป็นเป้หมายสูงสุดในการช่วยเหลือพี่น้อง 7คนไทยของเรา ที่ไม่ได้มีเจตนาไปรุกล้ำดินแดน ไม่มีเจตนาที่จะไปทำอะไรผิด หรือโจรกรรมอะไรทั้งสิ้น
ส่วนการช่วยเหลือขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่า รัฐบาลจะดำเนินการไม่ให้กระทบต่ออธิปไตย สิทธิประเทศของเราอย่างแน่นอน พร้อมกันนี้อยากเรียนว่า ปัญหาอื่นๆ ที่พี่น้องยังคงคาใจในเรื่องของปัญหาชายแดน ที่จะว่าไปแล้วไมใช่จะมีเฉพาะจุดนี้ แต่มีตลอดแนวชายแดนหลักปฏิบัติต่างๆ หรือการที่จะมีความวิตกกังวลว่า จะกระทบกระเทือนอธิปไตยนั้น เป็นปัญหาที่รัฐบาลไม่ได้เพิกเฉยอย่างแน่นอน และเมื่อสถานการณ์เหล่านี้คลี่คลายไป เราก็จะเดินหน้าแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้อย่างเต็มที่
“พร้อมๆ กันไปยืนยันว่า รัฐบาลจะนำข้อเท็จจริงรายละเอียดทั้งหลายมารายงานให้พี่น้องประชาชนรับทราบ แต่วันนี้อยากให้ขอพี่น้องคนไทยทั้งประเทศให้กำลังทั้ง 7 คน และญาติมิตรของทั้ง 7 คนนี้ ช่วยให้คนไทยทั้ง 7 คนของเรา ซึ่งมีเจตนาที่บริสุทธิ์นั้นสามารถที่จะมากลับมาได้อย่างปลอดภัย ส่วนเรื่องอื่นนั้นขอยืนยันเราจะเดินหน้าแก้ไขปัญหาต่างๆ ต่อไป” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
**เลี่ยงตอบต่อสายเคลียร์ “ฮุนเซน”
นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ในวันที่ 10 ม.ค.คงเป็นกระบวนการของศาลอย่างต่อเนื่อง เมื่อถามว่าเริ่มมีสัญญาณดีขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าขณะนี้ควรจะให้มีการติดตามสถานการณ์ เพราะเรามีหน้าที่ช่วยทั้ง 7 คน แต่ก็ไม่ขอให้ความเห็นอะไรเพิ่มเติม
เมื่อถามว่าในทางการทูตจะต้องทำควบคู่กันหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราทำทุกวิถีทางและเราทำทุกทาง เมื่อถามว่าจะมีการเจรจาระดับรัฐบาล และรัฐมนตรีหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทำทุกทาง เมื่อถามว่ามีแผนรองรับหรือไม่หากผลไปในทิศทางอื่น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราจะดูทุกทาง เบื้องต้นจะดูแล 7คนไทยดีที่สุด ส่วนปัญหาอื่นๆ เราจะว่ากันทีหลัง
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะต้องรอถึงจุดไหนนายกรัฐมนตรีถึงจะยกหูหา สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนรีกัมพูชา นายอภิสิทธิ์ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าวแล้วเดินเลี่ยงไป
**เด็จพี่ชี้ “มารค์” ลอยแพ "พนิช"
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เวลาล่วงเลยมากว่า 10 วันแล้ว ในขณะนี้ตนรู้สึกเห็นใจนายพนิช ที่กลับถูกปล่อยให้ถูกขังอยู่ในเรือนจำของประเทศกัมพูชาเช่นนี้ ทั้ง ๆ ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นผุ้รู้เรื่องนี้อย่างดี และยังเป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาอีกด้วย ซึ่งแทนที่นายอภิสิทธิ์จะดำเนินการติดต่อกับผู้นำระดับสูงของประเทศกัมพูชา วันนี้นายพนิชก็คงไม่ถูกดำเนินคดีเช่นนี้ อีกทั้งยังเป็นการซ้ำเติมนายพนิชด้วยการออกมาบอกว่าคลิปวีดีโอที่มีนายพนิชล้ำเส้นเข้าไปในประเทศกัมพูชานั้นเป็นการตัดต่อ
ตนเห็นว่านายอภิสิทธิ์พยายามที่จะปล่อยเกาะนายพนิช ซึ่งแสดงให้เห็นว่านายอภิสิทธิ์ไม่มีวุฒิภาวะของความเป็นผู้นำ หากศาลของกัมพูชาตัดสินออกมาว่านายพนิชและคนไทยที่เหลืออีก 6 คน ถูกตัดสินให้ติดคุก นายอภิสิทธิ์จะต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก ตนไม่ได้ต้องการเห็นความแตกแยกของพรรคประชาธิปัตย์ แต่หากตนเป็นนายพนิชตนคิดว่าตนจะไม่คบเพื่อนแบบนายอภิสิทธิ์อย่างแน่นอน
**โฆษกมาร์คปัดลอยแพ“พนิช”
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ในฐานะโฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รัฐบาลใช้ช่องทางต่างๆ เพื่อช่วยเหลือคนไทยทั้ง 7 คนทุกวิถีทาง ไม่เคยคิดจะลอยแพนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ หรือคนไทยคนอื่นๆ ส่วนที่พรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้นายกฯลาออก หากศาลกัมพูชาตัดสินว่าคนไทยทั้ง 7 มีความผิดนั้น ผลการตัดสินจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลกัมพูชา แต่การออกมาเรียกร้องความรับผิดชอบจากนายกฯ จะให้นายกฯรับผิดชอบในฐานะอะไร ซึ่งการกระทำที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของส่วนบุคคล ไม่ได้ทำในฐานะตัวแทนรัฐบาลหรือตัวแทนของนายกรัฐมนตรี
"หากเป็นเช่นนี้หากมีคนไทยคนใดคนหนึ่งกระทำความผิดหรือถูกศาลในต่างประเทศลงโทษ และจะให้นายกฯแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกอย่างนั้นหรือ พรรคเพื่อไทยไม่ควรนำเอาประเด็นในเรื่องนี้มาเป็นประเด็นซ้ำเติมความรู้สึกของคนไทยทั้ง 7 คนและครอบครัว ขณะที่คนไทยทั้งประเทศเอาใจช่วยในฐานะเพื่อนร่วมชาติ แต่คนในพรรคเพื่อไทยกลับเหยียบย่ำ"นายเทพไท กล่าว
**โฆษกปชป. ปัดเขมรตายไม่เกี่ยวการเมือง
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าถึงกรณีที่มีสื่อมวลชนของหนังสือพิมพ์รัสมีกัมพูเจียร์ของประเทศกัมพูชาเขียนบทความให้รัฐบาลปล่อยตัวคนกัมพูชาที่ถูกจับในคดีเดียวกับ 7 คนไทยา ทั้ง 2 รัฐบาลได้คำนึงถึงความสัมพันธ์ที่ดีร่วมกันมาโดยตลอด ซึ่งทุกกรณีรัฐบาลได้คำถึงถึงการคลี่คลายสถานการณ์ด้วย ส่วนที่มีข่าวว่าคนกัมพูชาเสียชีวิตที่ชายแดนไทย-กัมพูชาเมื่อช่วง 2 วันก่อน เบื้องต้นคาดว่าไม่เกี่ยวกับประเด็นทางการเมือง
“ประเด็นการแลกตัว ก็เคยมีกรณีที่คนของทั้ง2ประเทศลุกล้ำเข้ามาทำการค้า และอยู่ในพื้นที่เกินกว่ากำหนด ก็ได้รับการผ่อนปรน คือ บังคับให้เดินทางกลับ หรือขอใบอนุญาต ขอวีซ่าเพิ่ม ซึ่งเราหวังว่าความผิดที่ไม่ตั้งใจ หรือเป็นการผลัดหลง ก็เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่จะได้รับการผ่อนปรน เพราะไม่มีเจตนาสร้างความขัดแย้ง ดังนั้นก็เป็นความรับผิดชอบส่วนบุคคล การคาดโทษคงเป็นแต่เพียงเบา”โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
**“การุณ ใสงาม” นำทีมกฎหมายไปกัมพูชา
นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ กล่าวว่า นายการุณ ใสงาม นำทีมกฎหมายรวม 7 คน อาทิ นายณฐพร โตประยูร และ ม.ล.วัลวิภา จรูญโรจน์ ออกเดินทางไปประเทศกัมพูชาแล้ว ด้วยเที่ยวบิน TG 580 เพื่อเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายให้นายวีระ สมความคิดโดยเกรงว่านายวีระ จะเสียเปรียบ หลังมีกระแสข่าวว่า ทางการกัมพูชาพยายามจะเพิ่มข้อหาจารกรรมข้อมูลทางทหารให้นายวีระ
สำหรับทีมกฎมายทั้ง 7 คนนนี้ ได้ประสานกับกระทรวงการต่างประเทศแล้ว เพื่อพาเข้าพบกับนายวีระส่วนท่าทีของกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาตินั้น นายไชยวัฒน์ ยืนยันว่า ยังปักหลักชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลต่อไป จนกว่านายกรัฐมนตรีจะช่วย 7 คนไทย กลับมาได้อย่างสมศักดิ์ศรี โดยที่ไทยไม่เสียดินแดน
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระทรวงการต่างประเทศ และการเดินทางไปของคณะทั้ง 7 คน ไปในนามส่วนตัว ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับกระทรวงการต่างประเทศ และไม่ได้เป็นการมอบหมายจากกระทรวงการต่างประเทศโดยตรง
**สื่อเขมรปูดข่าวทหารไทยยิงเขมรตาย
รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันที่ 10 ม.ค.นี้กระทรวงการต่างประทศ ได้เตรียมการที่ยื่นขอประกันตัว 7 คนไทยไว้แล้ว
ขณะที่ความเคลื่อนไหวในกัมพูชา “รัศมีกัมพูเจีย” หนังสือพิมพ์ระกับชาติในกัมพูชา ได้เสนอข่าวทหารไทยยิงชาวเขมรเสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 1 และสูญหาย 1 คน โดยอ้างว่าเกิดขึ้นในวันที่ 6 ม.ค.บนเทือกเขาพนมดงรัก ตรงข้ามบ้านโถลก ต.บันเตียชะมา อ.ทะมอป๊อก จ.บันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา ขณะลักลอบตัดไม้ในพื้นที่ดังกล่าว โดยศพผู้เสียชีวิตชาวเขมรยังไม่ได้นำออกจากจุดเกิดเหตุ
ทั้งนี้ยังมีการอ้างคำพูดของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ที่ระบุว่า คดีนี้อยู่ในการพิจารณาของศาลกัมพูชาแล้ว จึงขอให้ชาวไทยเคารพกฎหมายกัมพูชา.