นายกฯ ย้ำ 7 คนไทยที่ถูกเขมรจับกุมไม่มีเจตนารุกล้ำ และไม่ได้จารกรรมข้อมูลด้านความมั่นคง วอนทุกฝ่ายระดมความเป็นหนึ่งเดียวเพื่อเร่งช่วยเหลือให้ได้รับการปล่อยตัวโดยเร็ว พร้อมฟุ้งแผนปฏิรูปประเทศไทยเหนือกว่าประชานิยม ถือเป็นของขวัญ 9 ชิ้น กำไร 10 เท่า
วันนี้ (9 ม.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ถึงปัญหา 7 คนไทยถูกเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาจับกุมและถูกคุมขังอยู่ที่กัมพูชาว่า ต้องขอเรียนว่า 7 คนไทยที่ถูกจับกุม รวมถึงนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ บุคคลเหล่านี้ได้ติดตามการร้องเรียนของประชาชนในพื้นที่ซึ่งมีเอกสารสิทธิบริเวณพื้นที่บริเวณชายแดน แต่ไม่สามารถเข้าไปทำกินได้ และไปเชื่อมโยงหลายส่วนที่มีการเคลื่อนไหวในเรื่องของกัมพูชา นายพนิชเองก็ได้ไปประสานงานกับคนเหล่านี้ และได้ไปลงพื้นที่ เพราะฉะนั้นเจตนาของ 7คนไทยที่ไปชัดเจน ถ้าใครได้มีโอกาสดูคลิปวิดีโอซึ่งเอาส่วนที่ถูกตัดไปมาดูด้วย ก็จะเห็นได้ชัดว่า เขาตั้งใจไปดูพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ ไปดูหลักหมุดที่ 46 ซึ่งอยู่ในฝั่งไทยที่อยู่ในแผนที่ 1 ต่อ 5,000 หรือ L7018 แต่บังเอิญที่มีการลงพื้นที่จริงลงไปในทุ่งนา มีการเลี้ยวเข้าถนนไม่ได้เข้าไปในพื้นที่ที่มีหลักหมุด หรือพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิก็ถูกจะจับกุมไป
นายกฯ กล่าวว่า สิ่งที่อยากจะเรียนคือ เมื่อเกิดเหตุเช่นนี้แล้ว ขณะนี้รัฐบาลถือว่า เรามีหน้าที่ช่วยเหลือพี่น้องคนไทยทั้ง 7 คนนี้ ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุด คือต้องการให้รับการปล่อยตัวและกลับสู่ประเทศไทยโดยเร็วที่สุด ขณะที่ถูกควบคุมตัวอยู่นั้นก็จะดูแลในเรื่องของความเป็นอยู่ที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ และอยากจะขอเชิญชวนพี่น้องคนไทยว่า นี้น่าจะเป็นเป้าหมายสูงสุดในการช่วยเหลือพี่น้อง 7คนไทยของเรา ที่ไม่ได้มีเจตนาไปรุกล้ำดินแดน ไม่มีเจตนาที่จะไปทำอะไรผิด หรือโจรกรรมอะไรทั้งสิ้น ส่วนการช่วยเหลือขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่า รัฐบาลจะดำเนินการไม่ให้กระทบต่ออธิปไตย สิทธิประเทศของเราอย่างแน่นอน พร้อมกันนี้อยากเรียนว่า ปัญหาอื่นๆ ที่พี่น้องยังคงคาใจในเรื่องของปัญหาชายแดนที่จะว่าไปแล้วไมใช่จะมีเฉพาะจุดนี้ แต่มีตลอดแนวชายแดนหลักปฏิบัติต่างๆ หรือการที่จะมีความวิตกกังวลว่า จะกระทบกระเทือนอธิปไตยนั้น เป็นปัญหาที่รัฐบาลไม่ได้เพิกเฉยอย่างแน่นอน และเมื่อสถานการณ์เหล่านี้คลี่คลายไป เราก็จะเดินหน้าแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้อย่างเต็มที่
“พร้อมๆ กันไปยืนยันว่า รัฐบาลจะนำข้อเท็จจริงรายละเอียดทั้งหลายมารายงานให้พี่น้องประชาชนรับทราบ แต่วันนี้อยากให้ขอพี่น้องคนไทยทั้งประเทศให้กำลังทั้ง 7 คน และญาติมิตรของทั้ง 7 คนนี้ ช่วยให้คนไทยทั้ง 7 คนของเรา ซึ่งมีเจตนาที่บริสุทธิ์นั้นสามารถที่จะมากลับมาได้อย่างปลอดภัย ส่วนเรื่องอื่นนั้นขอยืนยันเราจะเดินหน้าแก้ไขปัญหาต่างๆ ต่อไป” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นอกจากนี้ นายกฯ ยังได้กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ประกาศยกเลิกการใช้กฎอัยการศึกในพื้นที่ 4 อำเภอจังหวัดสงขลา และให้นำกฎหมายความมั่นคงมาบังคับใช้แทนเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้หลงผิดและผู้รู้เท่าไม่ถึงการณ์ โดยจะมีการพิจารณาถึงฐานความผิดเพื่อเป็นการสอดรับการบริหารชายแดนภาคใต้ ตามนโยบายการเมืองนำการทหาร ซึ่งเชื่อว่าจะคลี่คลายสถานการณ์ชายแดนภาคใต้
ในช่วงที่ 2 นายกรัฐมนตรีได้กล่าวในงานเสาวนาการปฏิรูปประเทศไทย โดยคำนึงถึงปัญหาใน 3 ด้านว่าด้วยเศรษฐกิจนอกระบบ ค่าครองชีพ และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ยืนยันว่าแผนปฏิรูปประเทศไทยนี้ต่างจากโครงการประชาชนนิยม ไม่ใช่เป็นทุ่มงบประมาณเพื่อลดแลกแจกแถม แต่จะมีประโยชน์สูงสุดถึง 10 เท่า จากการนำเม็ดเงิน 2 พันล้านบาท แต่จะได้รับมูลค่าถึง 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือเป็นของขวัญ 9 ชิ้น
1.คนไทยเท่าเทียมประกันสังคมถ้วนหน้า 2.การเข้าถึงสินเชื่อในกลุ่มแท็กซี่ ให้ผ่อนถูกมากกว่าเช่า 3.ขึ้นทะเบียนจัดระบบสวัสดิการให้กลุ่มมอเตอร์ไซค์เดือนมีนาคมนี้ 4.เพิ่มจุดผ่อนผันเพิ่มเติม จัดระบบระเบียบ เริ่มตั้งแต่เมษายนนี้ 5.ลดภาระกองทุนน้ำมัน เลิกอุดหนุนแอลพีจีในภาคอุตสาหกรรม โดยจะตรึงเฉพาะภาคครัวเรือน เพื่อให้ศักยภาพกองทุนสำรองสูงขึ้น เพื่อเอาไว้พยุงราคาน้ำมันในอนาคต 6.จากการสำรวจพบว่า 9.1 ล้านครัวเรือนใช้ไฟฟ้าต่ำกว่า 90 หน่วยต่อเดือน ซึ่งส่วนใหญ่ถือว่าเป็นกลุ่มของผู้มีรายได้น้อย ซึ่งรัฐบาลจะไฟเขียวให้ไฟฟรีแบบถาวร 7.ร่วมลดต้นทุนเกษตรกร 8.การลดราคาค่าอาหารเพื่อความเป็นธรรม และ 9.ลดปัญหาอาชญกรรมให้ได้ ร้อยละ 20 ภายใน 6 เดือน ใน 200 จุดเสี่ยง ก่อนนำไปสู่การปฏิรูประบบตำรวจ