กรรมาธิการการต่างประเทศ สภาฯ แถลงมติแจ้งชาวบ้านไม่ควรไปพื้นที่เสี่ยง พร้อมเช็กเจ้าหน้าที่คุมด่านทำผิด ม.157 ปล่อยแก๊ง “วีระ” เข้าไปซ้ำ หลังเคยโดนจับได้อย่างไร ยันไม่มีใครสั่ง “พนิช” ลงพื้นที่ งงบอกจะไปปราจีนฯ แต่โผล่สระแก้วได้ไง โต้ “มาร์ค” ถามคลิปถูกตัดบิดเบือนตรงไหน ย้ำ จนท.ยันล้ำแดนจริง จี้ กมธ.เจบีซี จัดเขตให้ชัด พูดแปลกๆ อ้างรัฐยอมรับล้ำแดนไม่ได้หมายความว่ายอมรับพื้นที่เขมร
วันนี้ (5 ม.ค.) ที่รัฐสภา นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ และ นางสาวรัชดา ธนาดิเรก ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ โฆษกกรรมาธิการร่วมกันแถลงข่าวผลประชุม โดย นายต่อพงษ์ กล่าวว่า กมธ.มีมติเห็นควรที่จะแจ้งประชาชนไม่ควรเดินทางไปในพื้นที่ที่มีความเสี่ยง หลัง 7 คนไทยได้เดินทางไปในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการถูกจับกุมจนถูกจับกุม นอกจากนี้ กมธ.ยังพิจารณาการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐว่าละเมิดมาตรา 157 หรือไม่ เจ้าหน้าที่ที่ดูแลจุดผ่านที่ 48 ดูแลอย่างไร จึงปล่อยให้มีคนเดินทางไปยังจุดเสี่ยง ทั้งที่ในอดีตมี 5 คนไทย ซึ่งเป็นบุคคลซ้ำๆ กัน เดินทางไปแล้วถูกจับ แต่ได้รับการปล่อยตัว กลับยังทำผิดซ้ำซากอีก ดังนั้น เจ้าหน้าที่ปล่อยให้ผ่านจุดไปได้อย่างไร 7 คนไทยออกไปโดยผิดกฎหมายหรือไม่
“หากจะไปไหนก็ควรมีการแจ้งเป็นกำหนดการชัดเจน ที่ นายพนิช วิกฤตเศรษฐ์ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ อ้างว่า ไปในนาม กมธ.ขอยืนยันว่า นายพนิช ไม่ได้เป็น กมธ.การต่างประเทศ สภาผู้แทนฯ และได้รับการยืนยันจาก นายเจริญ คันธวงศ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธาน กมธ.ร่วมพิจารณากรอบเจบีซี ยืนยันว่า ไม่ได้สั่งการให้นายพนิช เดินทางไปแต่อย่างใด จึงเป็นการไปในนามส่วนตัว ทั้งนี้ ไม่ได้ดิสเครดิตใคร แต่อยากปรามประชาชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ไม่ให้ไปสร้างภาระให้กับประเทศอีก การเป็น ส.ส.ถ้าเป็นทุกข์ของประชาชนนอกพื้นที่ตัวเองก็ไปดูแลได้ แต่การทำหน้าที่ต้องตรงไปตรงมา อย่างน้อยก็แจ้งเจ้าหน้าที่ให้ทราบเล็กน้อย ดังนั้น เรื่องพิกัดหรือความขัดแย้งชายแดน ใจร้อนไม่ได้ เพราะ ใจร้อนนอนคุก แต่กรณี นายพนิช ก็น่าสงสัยว่าที่บอกจะลงพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี แต่ทำไมโอละพ่อไปออก จ.สระแก้ว ผ่านชายแดน และข้ามไปกัมพูชาได้” นายต่อพงษ์ กล่าว
นายต่อพงษ์ กล่าวว่า ส่วนกรณีคลิปการสนทนามือถือของนายพนิช ที่ปรากฏตามสื่อนั้น กมธ.ได้เปิดดูในที่ประชุมมีการตัดต่อเพื่อให้กระชับและสั้นลง แต่ยังไม่พบว่ามีการตัดต่อเพื่อบิดเบือน ซึ่งเจ้าหน้าที่ยืนยืนว่า ถนนในคลิปเป็นพิกัดถนนเค 5 เป็นจุดระหว่างหลักเขตหนึ่งไปอีกหลักเขตหนึ่ง ถือว่าเกินพิกัดเขตแดนไปแล้ว 50 เมตร จึงเป็นการรุกล้ำพื้นที่โดยผิดกฎหมาย
ด้าน น.ส.รัชดา กล่าวว่า กมธ.ไม่อยากให้คนไทยตกใจและยกระดับ มองไปเป็นความแตกแยกระหว่างไทย-กัมพูชา ฝ่ายที่รักชาติต้องเข้าใจและแยกแยะให้ออก เพราะตลอด 1 ปี ที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศ หรือระดับท้องถิ่นระหว่างประชาชนเป็นไปด้วยดี และจะมีการพบกันระหว่างผู้นำอีกหลายครั้ง ส่วนประเด็นที่เป็นความไม่สบายใจทั้งไทย-กัมพูชา คือ ความไม่ชัดเจนในเขตแดน ซึ่ง กมธ.เห็นควรให้เป็นหน้าที่ของ กมธ.เจบีซี ที่ควรเร่งดำเนินการให้มีความชัดเจนขึ้น
“การที่รัฐบาลยอมรับว่า 7 คนไทยรุกล้ำ ไม่ได้หมายความว่า ยอมรับการปักปันพื้นที่ดังกล่าว ต้องแยกกันระหว่างเรื่อง 7 คนไทย กับ เรื่องเขตแดน ส่วนการต่อสู้คดี ทูตยืนยันว่ากัมพูชาได้ดูแล 7 คนไทยอย่างดี แต่ต้องเข้าใจระบบศาลกัมพูชาว่าเป็นแบบไต่สวน และต้องว่าจ้างทนายกัมพูชา จึงขึ้นอยู่ที่ 7 คนไทย ว่าจะปฏิบัติตามคำแนะนำของทนายอย่างไร ส่วนผลจะออกมาอย่างไร กระทรวงการต่างประเทศพร้อมเข้าไปดูแล” โฆษก กมธ.ต่างประเทศ ระบุ