รองผู้ว่าฯ สระแก้ว-กรมแผนที่ทหาร แจง กมธ.ต่างประเทศ ยันคนไทย 7 คนรุกเข้าเขตพื้นที่ทับซ้อนที่มีปัญหาเลยเข้าไปในแดนเขมรประมาณ 55 เมตร ขณะที่รองเลขาฯ สมช.เชื่อไม่มีเจตนาบุกรุก วอนอย่าขยายให้เกิดความรุนแรง ด้านเอกอัครทูตประจำกระทรวงการต่างประเทศคาดพิจารณาคดีในวันพรุ่งนี้ เตรียมประสานทูตเขมรขอประกันตัว 7 คนไทยทันที
วันนี้ (5 ม.ค.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 10.00 น. คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ประธานกรรมาธิการ เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณากรณีนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมกับพวก 7 คน ถูกทหารกัมพูชาจับกุมในข้อหารุกล้ำเขตแดนโดยผิดกฎหมาย และแนวทางให้ความช่วยเหลือ โดยได้เชิญตัวแทนจากกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วให้มาชี้แจง โดยนายชัช กิตตินภดล รองผู้ว่าราชการ จ.สระแก้ว ชี้แจงต่อที่ประชุมว่า จุดที่กลุ่มคนไทยถูกจับกุมอยู่ในพื้นที่ทับซ้อนที่ยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนในบริเวณชมรมหนองจาน ซึ่งเป็นคนละสถานที่กับหมู่บ้านหนองจาน อ.โนนหมากมุ่น จ.สระแก้ว โดยการถูกจับกุมของนายวีระ สมความคิด แกนนำกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ถือเป็นครั้งที่ 2 หลังจากเคยพยายามเข้าไปในพื้นที่ที่มีปัญหาและถูกจับกุมเมื่อวันที่ 20 ส.ค.53
ขณะที่ นายอดิศร ปกมนตรี เอกอัครราชทูตประจำกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า คาดว่าวันพรุ่งนี้ทางศาลกัมพูชาจะพิจารณาคดีดังกล่าวด้วยวิธีการไต่สวน ซึ่งจะรวดเร็ว โดยทางกระทรวงการต่างประเทศจะประสานเอกอัครราชทูตกัมพูชาไว้ ซึ่งหากมีโอกาสก็จะรีบประกันคนไทยทั้งหมดทันที แต่อย่างไรก็ตาม เราต้องเคารพกระบวนการยุติธรรมของกัมพูชาด้วย เพราะที่ผ่านมาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชาก็ค่อยๆ กระเตื้องขึ้น และสองประเทศก็ต้องการให้เรื่องนี้ยุติลงด้วยดี และพร้อมจะเคารพตามขั้นตอนกระบวนการยุติธรรมของประเทศนั้นๆ
ด้าน พล.ต.นพดล โชติศิริ รองเจ้ากรมแผนที่ทหาร กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุคนไทยถูกจับกุมเมื่อวันที่ 29 ธ.ค.53 กระทรวงกลาโหมได้สั่งการให้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปวัดพิกัดเพื่อกำหนดจุดที่ถูกจับกุมว่าอยู่ในพื้นที่ใด โดยเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่สำรวจในวันที่ 31 ธ.ค. ผลการวัดพิกัดสำรวจพบว่า จุดที่คณะของนายพนิชถูกจับกุมอยู่ที่หน้าซุ้มประตูวัดโจกเจีย ซึ่งเป็นพื้นที่ห่างจากหลักเขตแดนที่ 46 และ 47 เข้าไปในประเทศกัมพูชา 55 เมตร และอยู่ก่อนถึงทางเข้าวัดโจกเจียประมาณ 350 เมตร ทั้งนี้ พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ทับซ้อนที่จะอยู่ระหว่างการหาข้อยุติเรื่องการปักปันเขตแดน โดยชั้นต้นอยู่ในขั้นสำรวจปักปันเขตแดน การที่กลุ่มคนไทยเข้าไปในพื้นที่อาจเกิดขึ้นได้โดยน่าจะเป็นเข้าใจผิด
ขณะที่ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า จากฟังคำชี้แจงจากฝ่ายทหารดูเหมือนว่าทั้ง 7 คนไม่ได้บุกรุกเข้าไปยังประเทศกัมพูชา ซึ่งเรื่องนี้ถือว่ามีความละเอียดอ่อนและมีความไม่ไว้วางใจเกิดขึ้นเพราะได้มีภาพถ่ายวิดีโอที่บอกว่าทั้ง 7 คนเข้าไปถึงจุดหวงห้ามแล้ว และถ้าเดินไปต้องถูกจับแน่นอน และระบุด้วยว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ รับทราบว่าเข้าไปยังประเทศกัมพูชาแล้ว ดังนั้น ตนอยากให้ยอมรับเมื่อผิดก็ต้องยอมรับผิด ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นประเด็นใหญ่โต และเกรงว่าจะมีการจุดชนวนให้กลายเป็นเรื่องระดับชาติ ตนไม่อยากให้มีการลากคนไทยเข้าไปเผชิญหน้ากับเรื่องนี้ ดังนั้นจึงไม่ควรให้ข่าวว่าพวกเขาไม่ผิดแล้วก็อยู่ในพื้นที่ประเทศไทย
ขณะที่ นายอนุสิษฐ คุณากร รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า ปัญหาการละเมิดอธิปไตยมีอยู่อย่างต่อเนื่องระหว่างไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งในส่วนการเข้าไปดูแลเรื่องนี้ได้ยึดผลประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม ปัญหาเรื่องชมรมบ้านหนองจาน ที่เกิดขึ้นยืนยันว่าไม่มีเจตนาบุกรุกอย่างแน่นอน เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตามปกติของชายแดนที่หลักเขตแดนไม่ชัดเจน ดังนั้น ไม่ควรยกระดับนำมาเป็นปัญหาระหว่างประเทศ สำหรับรัฐบาล ฝ่ายบริหารก็ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งขอยืนยันว่าไม่อยากให้ใช้เรื่องนี้มาหาประโยชน์ เพราะเรื่องกระบวนการตัดสินว่าผิดหรือถูกนั้น มีกฎหมายดูแลในเรื่องนี้อยู่แล้ว จึงไม่ควรนำมาขยายผลให้เกิดความรุนแรง ในส่วนเรื่องเชิงนโยบาย เมื่อวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา ครม.มีมติแแต่งตั้งคณะกรรมการเจบีซีชุดใหม่ขึ้นมา เพื่อจะสานต่อการทำงานในช่วงที่ผ่านมา
วันนี้ (5 ม.ค.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 10.00 น. คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ประธานกรรมาธิการ เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณากรณีนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมกับพวก 7 คน ถูกทหารกัมพูชาจับกุมในข้อหารุกล้ำเขตแดนโดยผิดกฎหมาย และแนวทางให้ความช่วยเหลือ โดยได้เชิญตัวแทนจากกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วให้มาชี้แจง โดยนายชัช กิตตินภดล รองผู้ว่าราชการ จ.สระแก้ว ชี้แจงต่อที่ประชุมว่า จุดที่กลุ่มคนไทยถูกจับกุมอยู่ในพื้นที่ทับซ้อนที่ยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนในบริเวณชมรมหนองจาน ซึ่งเป็นคนละสถานที่กับหมู่บ้านหนองจาน อ.โนนหมากมุ่น จ.สระแก้ว โดยการถูกจับกุมของนายวีระ สมความคิด แกนนำกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ถือเป็นครั้งที่ 2 หลังจากเคยพยายามเข้าไปในพื้นที่ที่มีปัญหาและถูกจับกุมเมื่อวันที่ 20 ส.ค.53
ขณะที่ นายอดิศร ปกมนตรี เอกอัครราชทูตประจำกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า คาดว่าวันพรุ่งนี้ทางศาลกัมพูชาจะพิจารณาคดีดังกล่าวด้วยวิธีการไต่สวน ซึ่งจะรวดเร็ว โดยทางกระทรวงการต่างประเทศจะประสานเอกอัครราชทูตกัมพูชาไว้ ซึ่งหากมีโอกาสก็จะรีบประกันคนไทยทั้งหมดทันที แต่อย่างไรก็ตาม เราต้องเคารพกระบวนการยุติธรรมของกัมพูชาด้วย เพราะที่ผ่านมาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชาก็ค่อยๆ กระเตื้องขึ้น และสองประเทศก็ต้องการให้เรื่องนี้ยุติลงด้วยดี และพร้อมจะเคารพตามขั้นตอนกระบวนการยุติธรรมของประเทศนั้นๆ
ด้าน พล.ต.นพดล โชติศิริ รองเจ้ากรมแผนที่ทหาร กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุคนไทยถูกจับกุมเมื่อวันที่ 29 ธ.ค.53 กระทรวงกลาโหมได้สั่งการให้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปวัดพิกัดเพื่อกำหนดจุดที่ถูกจับกุมว่าอยู่ในพื้นที่ใด โดยเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่สำรวจในวันที่ 31 ธ.ค. ผลการวัดพิกัดสำรวจพบว่า จุดที่คณะของนายพนิชถูกจับกุมอยู่ที่หน้าซุ้มประตูวัดโจกเจีย ซึ่งเป็นพื้นที่ห่างจากหลักเขตแดนที่ 46 และ 47 เข้าไปในประเทศกัมพูชา 55 เมตร และอยู่ก่อนถึงทางเข้าวัดโจกเจียประมาณ 350 เมตร ทั้งนี้ พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ทับซ้อนที่จะอยู่ระหว่างการหาข้อยุติเรื่องการปักปันเขตแดน โดยชั้นต้นอยู่ในขั้นสำรวจปักปันเขตแดน การที่กลุ่มคนไทยเข้าไปในพื้นที่อาจเกิดขึ้นได้โดยน่าจะเป็นเข้าใจผิด
ขณะที่ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า จากฟังคำชี้แจงจากฝ่ายทหารดูเหมือนว่าทั้ง 7 คนไม่ได้บุกรุกเข้าไปยังประเทศกัมพูชา ซึ่งเรื่องนี้ถือว่ามีความละเอียดอ่อนและมีความไม่ไว้วางใจเกิดขึ้นเพราะได้มีภาพถ่ายวิดีโอที่บอกว่าทั้ง 7 คนเข้าไปถึงจุดหวงห้ามแล้ว และถ้าเดินไปต้องถูกจับแน่นอน และระบุด้วยว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ รับทราบว่าเข้าไปยังประเทศกัมพูชาแล้ว ดังนั้น ตนอยากให้ยอมรับเมื่อผิดก็ต้องยอมรับผิด ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นประเด็นใหญ่โต และเกรงว่าจะมีการจุดชนวนให้กลายเป็นเรื่องระดับชาติ ตนไม่อยากให้มีการลากคนไทยเข้าไปเผชิญหน้ากับเรื่องนี้ ดังนั้นจึงไม่ควรให้ข่าวว่าพวกเขาไม่ผิดแล้วก็อยู่ในพื้นที่ประเทศไทย
ขณะที่ นายอนุสิษฐ คุณากร รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า ปัญหาการละเมิดอธิปไตยมีอยู่อย่างต่อเนื่องระหว่างไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งในส่วนการเข้าไปดูแลเรื่องนี้ได้ยึดผลประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม ปัญหาเรื่องชมรมบ้านหนองจาน ที่เกิดขึ้นยืนยันว่าไม่มีเจตนาบุกรุกอย่างแน่นอน เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตามปกติของชายแดนที่หลักเขตแดนไม่ชัดเจน ดังนั้น ไม่ควรยกระดับนำมาเป็นปัญหาระหว่างประเทศ สำหรับรัฐบาล ฝ่ายบริหารก็ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งขอยืนยันว่าไม่อยากให้ใช้เรื่องนี้มาหาประโยชน์ เพราะเรื่องกระบวนการตัดสินว่าผิดหรือถูกนั้น มีกฎหมายดูแลในเรื่องนี้อยู่แล้ว จึงไม่ควรนำมาขยายผลให้เกิดความรุนแรง ในส่วนเรื่องเชิงนโยบาย เมื่อวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา ครม.มีมติแแต่งตั้งคณะกรรมการเจบีซีชุดใหม่ขึ้นมา เพื่อจะสานต่อการทำงานในช่วงที่ผ่านมา