xs
xsm
sm
md
lg

"คำสั่งพิเศษ"เดินเกมพลาด ศึกใน-นอกรุมกินโต๊ะ “มาร์ค”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผ่านมาเป็นเวลากว่าสัปดาห์แล้ว ที่ 7 คนไทยถูกทหารกัมพูชาจับกุมในข้อหาข้ามพรมแดนเข้ากัมพูชาโดยไม่ได้รับการอนุญาต บริเวณใกล้กับหลักหมุดที่ 46 แนวชายแดนบ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว

กรณีนี้ทำให้ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ในฐานะผู้นำรัฐบาล อยู่ไม่สุขเลยทีเดียว เพราะ 1 ใน 7 คนไทยนั้นชื่อ “พนิช วิกิตเศรษฐ์” ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเพิ่งได้รับการเลือกตั้งมาเป็น ส.ส.ได้ไม่นาน

โดยตั้งแต่วันแรกที่ทั้งหมดถูกจับกุมรัฐบาลไทยได้พยายามประสานงานกับทางการกัมพูชา ทั้งอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ผ่าน "สุเทพ เทือกสุบรรณ" รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง "กษิต ภิรมย์" รมว.การต่างประเทศ ที่จับเครื่องเดินทางไปพบ “ฮอร์ นัมฮง” รมว.ต่างประเทศ กัมพูชา ทันทีในวันรุ่งขึ้นหลังเกิดเรื่อง รวมไปถึง "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" รมว.กลาโหม มีแน่นปึ้กกับมหารระดับสูงของรัฐบาลกัมพูชา

หวังใช้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและส่วนตัวเพื่อช่วย 7 คนไทยที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำให้ได้รับการปล่อยตัว ก่อนที่กระบวนการจะเข้าสู่การพิจารณาของศาล แต่จนแล้วจนรอดทั้ง 7 คนก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้รับอิสรภาพแต่อย่างใด

กลับมีเพียงท่าทีขึงขังของ “สมเด็จฯฮุนเซน” ว่าเป็นเรื่องที่ไม่สามารถช่วยเหลือได้ เพราะคนกลุ่มนี้จงใจกระทำละเมิดอธิปไตยกัมพูชา

และภายหลังยังได้มีการเผยแพร่คลิปตัดต่อภาพและเสียงของนายพนิชขณะลงพื้นที่บางช่วงผ่านทางเวบไซต์ชื่อดัง ซึ่งเนื้อหามีการพูดชัดเจนว่าเรื่องดังกล่าวนายกฯอภิสิทธิ์รับทราบดี ที่สำคัญทราบเพียงคนเดียวอีกต่างหาก พร้อมพูดในลักษณะที่ว่ากำลังจะเดินเข้าไปในพื้นที่ของกัมพูชาแล้ว ยิ่งเป็นการเพิ่มน้ำหนักว่าคณะทราบดีว่าได้รุกล้ำเข้าไปในแผ่นดินกัมพูชา แต่ก็ยังบุกรุกเข้าไป

ซ้ำร้ายหลังจากที่เกิดเรื่อง ฝ่ายไทยทั้งคนในรัฐบาล และข้าราชการที่เกี่ยวข้อง กลับออกมายอมรับว่า มีการรุกล้ำเข้าไปในแผ่นดินกัมพูชาจริง

จึงยิ่งทำให้ผู้ที่ติดตามข่าวไม่เข้าใจว่า เหตุใดคนในรัฐบาลจึงด่วนสรุปไปในทางที่ฝ่ายไทยเสียเปรียบ

ทั้งที่ในความเป็นจริงพื้นที่บริเวณดังกล่าวทั้ง 2 ประเทศมีข้อพิพาทกันมานาน โดยเฉพาะช่วงสงครามภายในของเขมร มีผู้อพยพเข้ามาอยู่ในแผ่นดินไทยมากมาย จนทางการไทยให้การช่วยเหลือตั้งเป็นหมู่บ้านผู้ลี้ภัยในบริเวณนั้น เมื่อเวลาผ่านไปชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่ก็ดูกลมกลืนไปกับพื้นทื่ จนดูเหมือนเป็นดินแดนของกัมพูชา ทำให้ชาวไทยที่เป็นเจ้าของที่ดินมีเอกสารสิทธิ์ถูกต้องได้ร้องเรียนให้รัฐบาลดำเนินการมาเป็นเวลาพอสมควร

แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ เมื่อสงครามสงบ ทางกัมพูชาก็ได้ออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวเช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนี้จึงกลายเป็น “พื้นที่ทับซ้อน” ที่ต้องมีการเจรจาปักปันเขตแดนให้เรียบร้อยเสียก่อน จึงสามารถแสดงสิทธิความเป็นเจ้าของได้

ดังนั้น ไม่ว่าคนไทยหรือคนกัมพูชาหน้าไหนจะไปเหยียบแผ่นดินตรงนั้นย่อมไม่มีความผิดถึงกับต้องจับกุมและดำเนินคดีให้ถึงที่สุดอย่างที่ทางการกัมพูชาพยายามทำอยู่ เต็มที่ก็ทำได้เพียงการผลักดันออกจากพื้นที่ โดยเฉพาะหากคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน

แต่สิ่งที่ทางการกัมพูชาปฏิบัติต่อคนไทยทั้ง 7 เป็นท่าทีที่ไม่เป็นมิตร และกลับเป็นฝ่ายรัฐบาลไทยที่ยอม “อ่อนข้อ” รับว่ารุกดินแดนกัมพูชาจริง

แม้ในการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการหยิบยกปัญหาเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมเป็นวาระพิเศษ แต่ท้ายที่สุดกลับไม่มีแนวทางที่ชัดเจนใดๆออกมาเป็นรูปธรรม มีเพียงการสรุปการดำเนินการที่ผ่านมา ซึ่งชัดเจนแล้วว่าไม่ได้ผล อีกทั้งภายหลังการประชุมท่าทีของนายกฯอภิสิทธิ์ยังเหมือน “จำนน” ต่อหลักฐานว่านายพนิชและคณะทำผิดจริงอีกต่างหาก

สถานการณ์ของทั้ง 7 คนจึงยิ่งดูแย่ลงไปอีก

เมื่อรูปการณ์เป็นเช่นนี้แล้วก็คงไม่ผิด หากคนไทยที่หวงแหนแผ่นดินจะแสดงความเป็นห่วงถึงแนวนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ต่อปัญหาชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านในทุกด้าน โดยเฉพาะกับกัมพูชาที่ไม่เคยแสดงความเป็นมิตรประเทศที่ดีให้เห็น ทั้งกรณีพื้นที่ 4.6 ตร.กม.รอบปราสาทเขาพระวิหาร หรือกรณีนายพนิชและคณะที่รัฐบาลไทยพยายามประสานขอให้มีการปล่อยตัว แต่ทางการกัมพูชาไม่เล่นด้วย และยืนยันว่าจะเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลให้ได้



น่าเชื่อว่านายกฯฮุนเซนจะนำประเด็นนี้ไปขยายผลในระดับนานาชาติ โดยหวังผลในการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกให้สำเร็จ ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกครั้งหน้าที่จะมีขึ้นในเดือน มิ.ย.ที่จะถึงนี้ โดยใช้ชื่อนายพนิชที่อยู่ในฐานะตัวแทนของรัฐบาลว่ามีเจตนาไม่ดีในการรุกล้ำดินแดนกัมพูชา

กลายเป็นเครื่องมือของ “คนเจ้าเล่ห์” อย่างนายกฯฮุนเซนไปในที่สุด

ทั้งที่ความเป็นจริงไม่ว่าคณะของ 7 คนไทยจะรุกเข้าไปในพื้นที่กัมพูชาจริงหรือไม่ แต่ก็ไม่ได้มีพฤติกรรมที่รุนแรง ไม่มีการพกพาอาวุธเข้าไปแต่อย่างใด ในทางกลับกันท่าทีของทางการกัมพูชาและทหารต่างหากที่แสดงความไม่เป็นมิตรประเทศที่ดี ที่มีการกระทำที่ไม่งดงาม ไม่สมกับเป็นประเทศเพื่อนบ้านกัน

ดังนั้นนายกฯอภิสิทธิ์และรัฐบาลต้องมีมาตรการกดดันทุกรูปแบบ โดยเฉพาะพื้นที่ 4.6 ตร.กม.รอบปราสาทพระวิหาร ที่ต้องมีการดำเนินการต่อผู้บุกรุกชาวกัมพูชาให้เด็ดขาดเพื่อเป็นการตอบโต้ โดยไม่มีการอะลุ้มอะล่วยเหมือนที่ผ่านๆมา

หากครั้งนี้รัฐบาลนายกฯอภิสิทธิ์ยังแสดงให้เห็นถึงความ “อ่อนหัด” ไม่สามารถสร้างความชอบธรรมในอธิปไตยของประเทศได้ คนไทยคงต้องทำใจที่จะเสียดินแดนให้กัมพูชาอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ว่ากันว่า เรื่องที่เกิดขึ้นี้ไม่เพียงแต่เป็นการประลองกำลังระหว่างนายกฯอภิสิทธิ์กับนายกฯฮุนเซนเท่านั้น หากยังเป็นเกมภายในของ “คีย์แมน” ในรัฐบาลไทยเอง

โดยข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชามานานเปิดเผยว่า เหตุที่นายพนิชลงไปดูพื้นที่บริเวณบ้านหนองจาน นอกเหนือจากไปติดตามปัญหาข้อร้องเรียนของชาวบ้านแล้วนั้น ยังได้รับ “คำสั่งพิเศษ” จากนายกฯอภสิทธิ์ให้ไปตรวจสอบสภาพพื้นที่จริง เนื่องจากได้รับรายงานมาว่ากองกำลังทหารไทยได้ถอนกำลังออกจากบริเวณดังกล่าว โดยไม่ทราบสาเหตุ จึงส่งนายพนิชที่เคยเป็นกรรมการผู้ช่วย รมว.ต่างประเทศ ซึ่งเคยดูงานด้านชายแดนไทย-กัมพูชาลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงและความไม่ชอบมาพากล

ซึ่งชัดเจนจากคำพูดของนายพนิชผ่านโทรศัพท์ถึงคนรถที่ชื่อ “คิว” ในคลิปว่า นายกฯรู้เรื่องคนเดียว ระวังอย่าให้ใครรู้เรื่องนี้

สอดรับกับข่าวที่ “ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์” แกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ออกมาปูดว่า มีรัฐมนตรีด้านความมั่นคงของไทยอยู่เบื้องหลังการจับกุม 7 คนไทย โดยประสานให้นายทหารระดับสูงของกัมพูชาดำเนินการ เพื่อป็นการปรามไม่ให้ใครเข้าไปยุ่มย่ามในพื้นที่

ทั้งนี้พื้นที่ชายแดนฝั่งตะวันออกที่มักมีข้อพิพาทการรุกล้ำดินแดนกันบ่อยครั้งนั้น อยู่ในความดูแลของ “กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์” (พล.ร.2รอ.) หรือ “กองกำลังบูรพา” ที่เป็นไลน์ของนายทหารสาย “บูรพาพยัคฆ์” ที่ตกทอดกันรุ่นสู่รุ่นมาเป็นเวลานาน โดยชายแดนด้านตะวันออกนี้ ในด้านความมมั่นคงถือว่าเป็นชายแดนด้านนี้เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่สุดของประเทศ

ทั้งยังมีการพูดกันว่า จุดดังกล่าวถือเป็นเส้นทางการลักลอบขนสินค้าหนีภาษีจากประเทศสิงคโปร์ ที่สำคัญแห่งหนึ่ง เพื่อนำมาจำหน่ายในไทย โดยมีบริษัทจำหน่ายสินค้าปลอดภาษีรายใหญ่ของประเทศอยู่เบื้องหลัง ซึ่งปีๆหนึ่งสามารถสร้างรายได้อย่างมหาศาล
กำลังโหลดความคิดเห็น