ASTVผู้จัดการรายวัน - พันธมิตรฯ เผยหลักฐานมัดผู้นำ-หน่วยงานความมั่นคงของไทย ชี้หลักฐานจาก UNHCR แสดงชัด จุดที่คนไทยถูกจับอยู่ในดินแดนไทย จี้ "มาร์ค" อย่ารับคำตัดสินของศาลกัมพูชา เพื่อให้ปล่อยตัวโดยไม่มีเงื่อนไข พร้อมประณาม “ฮุนเซน” ละเมิดอธิไตยไทย
วานนี้ (9 ม.ค.) เวลา 12.00 น. ที่บ้านพระอาทิตย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำโดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายพิภพ ธงไชย และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ ร่วมแถลงข่าวการประชุม ครั้งที่ 1/2554 ระบุว่า จากกรณีที่ 7 คนไทยได้ถูกทหารกัมพูชาถูกจับกุมเมื่อวันที่ 29 ธ.ค.54 และนำตัวส่งศาลกัมพูชาเพื่อพิพากษานั้น พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้มาประชุมโดยมีมติดังนี้
1. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอแสดงความเสียใจและให้กำลังใจ 7 คนไทยและญาติ ที่ได้เข้าไปสำรวจหลักเขตแดน 46, 47 เพื่อพิสูจน์การที่กัมพูชารุกล้ำและยึดครองดินแดนไทย และต้องถูกจับโดยทหารกัมพูชาโดยไม่เป็นธรรม และถือว่ากัมพูชาได้ละเมิดอธิปไตยไทยอย่างร้ายแรง
2. จากหลักฐานจุดที่ทหารกัมพูชาจับ 7 คนไทยนั้น ได้ปรากฏหลักฐานอย่างมากมายว่าเป็นดินแดนประเทศไทยอย่างแน่นอน ได้แก่ เอกสารสิทธิในการทำกินของราษฎรไทย ส.ค.1 และน.ส.3, แผนที่ L 7017 และ L 7018 ของไทย และ L 7016 ของกัมพูชาระบุว่าจุดพิกัดที่ถูกจับอยู่ในดินแดนไทยนั้นอยู่ถึงก่อนถึงหลักเขตที่ 46 และ 47อย่างชัดเจน, หลักฐานภาพถ่ายทางอากาศแสดงให้เห็นว่าบริเวณที่ถูกจับอยู่ในค่ายอพยพเขมรของ UNHCR ที่ขอยืมพื้นที่ของประเทศไทย, แผนผังค่ายอพยพบ้านหนองจานและบริเวณใกล้เคียงแสดงให้เห็นถึงบ่อน้ำของค่ายอพยพอยู่ในดินแดนไทยซึ่ง 7 คนไทยยังไปไม่ถึงบริเวณดังกล่าว, จากหลักฐานดังกล่าวจึงขอให้รัฐบาลไทยได้ปฏิบัติต่อ 7 คนไทยในฐานะคนไทยที่อยู่ในดินแดนไทยโดยปราศจากข้อสงสัยใดๆทั้งสิ้น
3. จากหลักฐานดังกล่าวข้างต้น พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงขอประณามการให้ข่าวที่ให้ร้ายอันเป็นเท็จกับ 7 คนไทยที่ถูกกัมพูชาจับกุมว่าได้รุกล้ำเข้าไปในเขตแดนกัมพูชาอย่างไร้ความรับผิดชอบ ได้แก่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี, นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ประธานคณะกรรมาธิการกิจการชายแดน สภาผู้แทนราษฎร, นางวาสนา ห่อนบุญเหิม ผู้อำนวยการกองเขตแดน กรมสนธิสัญญา กระทรวงการต่างประเทศ และนายศานิตย์ นาคสุขศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว
4. เราขอประณามรัฐบาล และนายกรัฐมนตรี ที่มิได้ใช้อำนาจที่ตัวเองในการกดดันกัมพูชาเพื่อให้ปล่อย 7 คนไทยเหมือนกับนานาประเทศ ในขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งได้ประกาศต่อกัมพูชาว่าห้ามนำ 7 คนไทยขึ้นสู่ศาลกัมพูชาตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ.2553 กลับไร้มาตรการกดดันที่เป็นรูปธรรม อีกทั้งยังไปยอมรับอำนาจศาลกัมพูชาที่กำลังจะพิพากษาแสดงอธิปไตยเหนือดินแดนไทยอีกด้วย
5. เราขอประณามนายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ทหารกัมพูชา และรัฐบาลกัมพูชา ตลอด ศาลกัมพูชาที่บังอาจมาจับคนไทยในดินแดนประเทศไทย แล้วนำเข้าสู่ศาลกัมพูชา ทั้งๆที่ประเทศไทยได้เคยให้ชาวกัมพูชาที่เดือดร้อนอพยพมาอาศัยอยู่จากสงครามในกัมพูชา การกระทำดังกล่าวถือเป็นการละเมิดอธิปไตยไทย และเนรคุณต่อราชอาณาจักรไทยอย่างไร้ยางอายยิ่ง
6. เมื่อ 7 คนไทยไม่ได้ล้ำเขตแดนกัมพูชา แต่อยู่ในดินแดนไทย เราจึงขอให้รัฐบาลลและนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทยรักษาศักดิ์ศรีของประเทศ จะต้องประกาศไม่รับคำตัดสินของศาลกัมพูชา เพราะถือเป็นการผิดกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะถือเป็นการละเมิดอธิปไตยเหนือดินแดนไทย ถือเป็นการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของประเทศ และถือเป็นการผิดคำพูดตระบัดสัตย์ในข้อตกลงระหว่างไทย-กัมพูชา
7.เมื่อ 7 คนไทยไม่ได้ล้ำเขตแดนกัมพูชา แต่อยู่ในดินแดนไทย เราจึงขอให้รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยยื่นคำขาดอย่างเป็นทางการและใช้มาตรการกดดันอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้กัมพูชาปล่อยตัว 7 คนไทยโดยไม่มีเงื่อนไข.
**หลักฐานUNHCR จับบนแผ่นดินไทย
นายปานเทพ แถลงอีกว่า หลังจากที่พันธมิตรฯ ใช้เวลา 14 วันเพื่อรับฟังข้อเท็จจริง และดูหลักฐานเพื่อนำไปสู่การแสวงหาข้อเท็จจริงและกำหนดท่าที พบหลักฐานที่จะแสดงให้เห็นว่า คนไทยทั้ง 7 คนถูกทหารกัมพูชาจับอยู่ในดินแดนประเทศไทยอย่างแน่นอน
โดยเริ่มจากแผนที่ซึ่งจัดทำขึ้นโดยเว็บไซต์ฟิฟทีนมูฟ (www.15thmove.net) โดยใช้ภาพถ่ายทางดาวเทียมกูเกิลเอิร์ธ สอดคล้องกับที่ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ได้รายงานออกทีวีเป็นแผนกระดาษก่อนหน้านี้ สรุปใจความได้ว่า คนไทยทั้ง 7 คนได้เดินจากถนนศรีเพ็ญ ลงมาผ่ารั้วลวดหนาม เดินเข้ามาจนถึงถนน K5 แล้วก็เลี้ยวขวา เลี้ยวซ้ายอีกครั้งหนึ่ง แล้วก็พบกับจุดที่มีการพูดกับทหารกัมพูชา หลังจากนั้น ก็มีการเดินต่อไป ตามรายงานที่นายกษิต บอกว่า ถึงจุดที่เลยจากเส้นที่ลากจากหลักเขตที่ 47 และ 46 ไป 55 เมตร แล้วก็กล่าวว่าคนไทยรุกเข้าไปที่เขตกัมพูชา แต่ว่านายกษิตไม่ได้เอาภาพกูเกิลเอิร์ธ หรือภาพถ่ายทางดาวเทียมมาแสดง
ตนจึงนำภาพถ่ายดาวเทียมมานำเสนอ พบว่า จุดที่อ้างว่า 7 คนไทยถูกจับนั้น อยู่ในแผ่นดินไทยแน่นอน สาเหตุก็เพราะว่าบริเวณข้างล่างต่อจากนี้ ก็คือ ค่ายอพยพชาวเขมร ที่มาอาศัยอยู่ในดินแดนประเทศไทย ที่เรียกว่า บ้านหนองจาน โชคชัย พื้นที่นี้ประเทศไทยเคยได้รับคำร้องขอจาก UNHCR (ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ) ให้คนกัมพูชาซึ่งได้
เดือดร้อนจากที่สงครามภายในประเทศ จึงให้มาอาศัยอยู่ ฉะนั้นพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ประเทศไทย
นายปานเทพ กล่าวต่อว่า ประการถัดมา หลักฐานชิ้นสำคัญ คือ บ่อน้ำ ซึ่งสร้างโดย UNHCR ขุดขึ้น สะท้อนให้เห็นว่า จุดที่มีการจับนั้นอยู่ในพื้นที่ไทยและอยู่อีกไกลมาก กว่าจะถึงขอบเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ปัญหาสำคัญ บัดนี้ชุมชนเขมรตามจุดต่างๆ ขยายตัวเพิ่มขึ้นมาก ลามไปถึงนอกเขตจากเส้นที่อ้างว่าเป็นเส้นเขตแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นไปอีก
นอกจากนี้ จากวิดีโอพบว่า นายวีระ สมความคิด 1 ใน 7 คนไทยที่ถูกจับกุม เจอทหารกัมพูชาแม้กระทั่งประชิดรั้ว ซึ่งเป็นพื้นที่ไทยทั้งหมด แม้กระทั่งจุดที่จับ 7 คนไทย อยู่ในดินแดนประเทศไทย จึงมีคำถามต่อ นายกษิต ที่อ้างว่าเส้นแบ่งเขตแดนไทย-กัมพูชา จากหลักเขต 47 ถึง 46 มาจากไหน ตนพบว่าหลักเขตแอนที่ว่านี้ถูกเคลื่อนย้ายแล้ว จากขอบเขตระหว่างไทย-กัมพูชา ที่อยู่ไกลกว่านี้ รุกเข้ามาในพื้นที่ของประเทศไทย
พื้นที่ดังกล่าวเป็นของไทยทั้งหมดที่ UNHCR มาขอความช่วยเหลือในพื้นที่เพื่อมนุษยธรรม เพื่อช่วยชาวกัมพูชา ส่วนบ่อน้ำนี้หลักฐาน ก็คือ การที่ยูเอ็นขุดอยู่ในอธิปไตยของประเทศไทย ที่ไม่อยู่ในท่ามกลางความขัดแย้ง ซึ่งก็คือประเทศไทย แต่ว่าวันนี้มีหลักฐานเพิ่มเติมกว่านั้น เพื่อพิสูจน์ว่า เส้นเขตแดนไทย-กัมพูชานั้นอยู่ไกลกว่านี้ และ 7 คนไทยไม่มีทางที่จะอยู่ในพื้นที่กัมพูชาโดยเด็ดขาด
ด้าน นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์ กล่าวว่า ตนได้ใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ด้วยวิธีการตีกริด (Grid) เพื่อพล็อตจุดลงในแผนที่ เปรียบเทียบหลักที่ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) อ้างในปี 2553 กับหลักที่กองกำลังบูรพาอ้างในปี 2549 ซึ่งประเด็นใหญ่ในอนาคตก็คือ หลักเขตเหล่านี้ถูกเคลื่อนย้ายจากตำแหน่งเดิม ซึ่งตนมีหลักฐานเป็นเอกสารทั้งของ ตชด.และกองกำลังบูรพา
เมื่อพล็อตจุดลงไปในกูเกิลเอิร์ธ ปรากฏว่า ตำแหน่งของหลักต่างๆ เทียบกับพิกัดที่นายวีระถูกจับจากรายงานของ ตชด.และปากคำของกระทรวงการต่างประเทศแถลงว่า เขาถูกจับในบริเวณเดิม ซึ่งจะสอดคล้องกับสิ่งที่กระทรวงการต่างประเทศกล่าว ซึ่งพบว่าห่างจากหลักเขตนั้นพอสมควร แต่เมื่อพล็อตจุดตามแผนที่ L7017 ใช้ทางการทหาร มาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 ของไทย ก็จะมีคำว่า “ศูนย์อพยพ” เมื่อเอาตำแหน่งนั้นไปตรวจพิกัด โดยนำเส้นกริดมาเทียบเคียง พบว่า เส้นหลักที่ ตชด.กับกองกำลังบูรพาอ้างถึงมีระยะห่างเพียงเล็กน้อย แต่พบว่านายวีระ นายพนิชและคณะถูกจับพบว่าทั้งหมดนั้นยังอยู่ในดินแดนประเทศไทย
นายเทพมนตรี ระบุอีกว่า เมื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แผนที่ L7018 เป็นแผนที่มาตรฐานที่ล่าสุด ตนจึงนำมาพล็อตให้เห็น และนายกฯ ก็จะต้องเอาหลักฐานนี้ไปสู้กับกัมพูชาด้วย ก็จะเห็นว่าแม้พล็อตออกมาอย่างไร จุดของนายวีระ นายพนิช และคณะก็ยังอยู่ในดินแดนประเทศไทย ซึ่งตามมาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 เท่ากัน เมื่อนำมาพล็อตโดยสังเกตเส้นของ ตชด. ที่ถูกขยับมาอยู่ใกล้ กลุ่มของนายวีระและนายพนิชก็ยังอยู่ในดินแดนไทย และเมื่อนำแผนที่ของฝ่ายกัมพูชา L7016 ที่ใช้กันอยู่ปัจจุบัน ก็ปรากฏว่ากลุ่มของนายพนิชและนายวีระก็ยังอยู่ในดินแดนประเทศไทย ไม่ได้ออกไปจากประเทศไทยเลย
ตนได้ค้นความเดิมเมื่อศูนย์อพยพเกิดขึ้น UNHCR ก็มีเอกสารเผยแพร่ พบว่า Site 2 บ้านหนองจาน บริเวณศูนย์อพยพนั้นอยู่ในเขตไทย เห็นได้ชัดว่า UNHCR ก็ทำแผนที่ว่า บ้านหนองจาน ศูนย์อพยพนั้น อยู่ในดินแดนประเทศไทย มีรายละเอียดว่าบ้านไหนบ้างอยู่ในแนวนั้น แต่ไม่มีหมู่บ้านที่ชื่อโจกเจียกในรายงานของ UNHCR ที่อ้างว่าทุกคนไปถูกจับอยู่ที่นั่น ซึ่งแท้ที่จริงก็คือบ้านหนองจานในภาษาไทยนั่นเอง เพื่อให้เป็นหมู่บ้านอพยพแล้วกลายเป็นดินแดนกัมพูชาจึงเปลี่ยนชื่อเป็นภาษาเขมร
นอกจากนี้ ยังมีแผนผังหมู่บ้านหนองจานจาก UNSCR ซึ่งจะเห็นว่ามีบ่อน้ำ กับผืนที่ที่ถูกแบ่งเป็นแปลงๆ สันนิษฐานในเบื้องต้นตอนนี้ว่าเป็นที่นาที่ถูกแบ่งเป็นแปลงๆ แล้วไปแบ่งเป็นแคมป์ให้กับศูนย์อพยพภายในดินแดนประเทศไทย ซึ่งด้านบนจะมีรั้วลวดหนามที่กั้นระหว่างศูนย์อพยพกับแผ่นดินไทย แต่ศูนย์อพยพนั้นอยู่ในประเทศไทย ซึ่งอยู่ก่อนหลักเขตที่ 46, 47 และ 48 ที่เป็นเขตแดน ส่วนแผนภูมิของ UNHCR ระบุจำนวนหมู่บ้านอพยพที่เป็นค่ายผู้ลี้ภัยทั้งหมด แล้วก็มีค่ายที่แน่นอนก็มีหนองจาน จะเห็นว่ามีบ้านหนองจานและบ้านโนนหมากมุ่นอยู่ด้วย
“อันนี้เป็นหลักฐานสำคัญที่ UNHCR ได้เก็บเอาไว้ เสียดายที่ราชการไทยไม่รู้จักค้นคว้า ทำให้วันเวลามันผ่านมารวดเร็วมาก พี่น้องคนไทยทั้ง 7 คนที่อยู่ในเรือนจำที่พนมเปญนั้น จำเป็นที่จะต้องได้หลักฐานนี้ไปสู้คดี กระทรวงการต่างประเทศเองก็ดี ผมก็ไม่เห็นค้นคว้าเอกสารอะไรเลย จับใส่มือคุณกษิตก็เป็นเอกสารเก๊ ไม่มีมาตราส่วน ไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับเขตแดนของตัวเอง อันนี้เป็นเรื่องน่ากลัว ผอ.กองเขตแดนเดินทางไปวันที่ 30 ไปแค่ตรงรั้วของ UNHCR ปรากฏว่าเธอก็กลับไปแล้ว แล้วเธอก็มาแถลงว่า กลุ่มของคุณพนิชและคุณวีระไปอยู่ดินแดนเขมร คือ ไม่มีการตรวจสอบเลย น่าเศร้าสลดใจมาก” นายเทพมนตรีกล่าว
นายเทพมนตรี กล่าวต่อว่า ต่อไปตนจะพยายามพล็อตที่ดินของชาวบ้านจากเอกสารลงไปในแปลงของ UNHCR เพื่อช่วยให้ชาวบ้านจะได้ที่ดินทำกินคืน ส่วนหมุดเขตบางหลักไปอยู่ริมถนนศริเพ็ญ เป็นการเคลื่อนหลักเขตโดยพละการของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง จึงขอให้ไปตรวจสอบเพราะเป็นเรื่องสำคัญ และตนเชื่อว่าตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชามีปัญหานี้แน่นอน ซึ่งตนพล็อตให้ดูเฉพาะหลักเขตที่ 43 ถึง 48 ไม่รวมอีก 30 กว่าหลัก จากทั้งหมด 73 หลัก ถ้าได้พล็อตทั้งหมด ชาวบ้านที่อยู่ตะเข็บชายแดนก็จะเดือดร้อนเหมือนชาวบ้านเหล่านี้ อยากจะฝากช่วยกันแก้ไข ยังไม่สายตอนนี้
นายปานเทพ กล่าวแถลงข่าวต่อ โดยได้เทียบแผนภูมิ Site 2 ของ UNHCR โดยชี้ให้เห็นกับภาพกูเกิ้ลเอิร์ธจะเหมือนกันมาก โดยสระน้ำที่ขอประเทศไทยมาใช้ จะเห็นได้ว่ามีการแบ่งเป็นล็อกทุกอย่างเหมือนกัน ยังมีร่องรอยอยู่เหมือนกัน ย่อมแสดงว่าจุดพิกัดที่คนไทยทั้ง 7 คน ยังไม่ถึงเลยขอบเขต Site 2 ของ UNHCR ที่มาขอพื้นที่ไทยมาใช้อย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นภาพดังกล่าวยิ่งเป็นหลักฐานชัดเจนว่า 7 คนอยู่ในผืนแผ่นดินไทย
“ประการถัดมา บริเวณจุดที่ 7 คนไทยถูกจับ ตนได้มีการไปสำรวจเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ จ.สระแก้ว ชาวบ้านได้นำเสนอเอกสาร ส.ค.1 ในพื้นที่ที่นายพนิชและคณะถูกจับ ชื่อนายบุญจันทร์ เกตุทาศ แต่ปรากฏว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เชิญมาที่ทำเนียบรัฐบาล แล้วห้ามพูดกับสื่อเหมือนกับที่เคยพูดกับพวกเราและได้อัดเทปเอาไว้แล้ว ว่าพื้นที่ดังกล่าว 7 คนไทยถูกจับในพื้นที่ของเขา นายอภิสิทธิ์ใช้วิธีแบบนี้ทำให้คนไทยที่มีพื้นที่ดังกล่าวได้ถูกเกลี้ยกล่อมว่าจะให้ดูแล แล้วก็จะให้การช่วยเหลือ โดยแลกเปลี่ยนว่าห้ามบอกกับสื่อหรือสัมภาษณ์อีกว่า 7 คนไทยนั้นอยู่ในพื้นที่ของเขาเป็นข้อแลกเปลี่ยน” นายปานเทพ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการแถลงข่าวมีชาวบ้านจากบ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว จำนวนหนึ่งเดินทางมายังบ้านพระอาทิตย์ เพื่อเข้าพบแกนนำพันธมิตรฯ แต่เมื่อทางแกนนำทราบว่ากลุ่มชาวบ้านดังกล่าวได้เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และถูกกำชับห้ามให้สัมภาษณ์ว่าคนไทยทั้ง 7 คนถูกทหารกัมพูชาจับกุมตัว ตัวแทนชาวบ้านจึงขอปฏิเสธที่จะร่วมแถลงข่าวดังกล่าว.