xs
xsm
sm
md
lg

Review : Samsung Galaxy S2 ดูอัลคอร์ราคาแรง จอสวยสุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online




ถึงคราวซัมซุงเปิดสงครามถล่มราคาสมาร์ทโฟนในระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ แบบ ดูอัลคอร์ (Dual-Core) ด้วยการกำหนดราคาจำหน่ายสุทธิเพียง 18,900 บาท ทำให้ถือเป็นการเปิดสงครามสมาร์ทโฟนไฮเอนด์ระหว่างอินเตอร์แบรนด์ด้วยกันหลังแอลจีเริ่มทำตลาดมาเกือบเดือน ส่วนทางเอชทีซีเองก็มีนโยบายเปิดจองในราคาเดียวกัน

การเข้ามาของสมาร์ทโฟนดูอัลคอร์ ถือเป็นการกำหนดสเปกของสมาร์ทโฟนในตลาดไปโดยปริยาย จะเห็นได้จากเครื่องรุ่นใหม่ที่เข้ามาทำตลาดในช่วงราคาเกือบ 2 หมื่นบาทของทั้ง ซัมซุง Galaxy S2 แอลจี Optimus 2X และเอชทีซี Sensation จะใช้หน่วยประมวลผลแบบดูอัลคอร์ด้วยกันทั้งหมด แต่เนื่องจาก Optimus 2X ออกมาวางจำหน่ายก่อนจึงเป็นรุ่นเดียวที่ใช้ซีพียู 1GHz

จุดเด่นของซัมซุง Galaxy S2 ที่ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่น่าจับตามองในเมืองไทยขณะนี้คือ หน่วยประมวลผล Exynos หรือที่รู้จักกันในโค้ดเนม Orion ที่มาพร้อมความเร็ว 1.2 GHz และหน่วยประมวลผลภาพ Mali-400 MP ที่ช่วยประมวลผลภาพยนตร์ความละเอียด 1080p ได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้สามารถใช้งานไฟล์และแอปฯในระบบ Hi-Def ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

รวมถึงยังเป็นเครื่องที่รองรับ 3G ในเครือข่าย Quad-Band กล่าวคือรองรับคลื่นความถี่ทั้ง 850/900/1900/2100 MHz ทำให้สามารถเข้าไปทำตลาดได้กับทั้ง 3 โอเปอเรเตอร์หลักในประเทศไทย แต่น่าเสียดายที่ทางซัมซุงประเทศไทยออกมาประกาศว่าเครื่องที่ซื้อในประเทศไทยจะมีการล็อกคลื่นความถี่เพื่อปรับจูนให้เหมาะสมกับการใช้งานโอเปอเรเตอร์นั้นๆ

Feature On Samsung Galaxy S2



Galaxy S2 ยังมาพร้อมกับอินเตอร์เฟส TouchWiz 4.0 ที่มีการปรับปรุงความสามารถให้เหมาะกับรูปแบบการใช้งานมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการจัดเรียงวิตเจ็ตที่หน้าจอหลักทั้ง 7 หน้า พร้อมมุมมองแบบ Helicopter View ที่ช่วยให้ดูหน้าหลักทั้ง 7 หน้าพร้อมๆ กันได้



ขณะที่แถบแจ้งเตือนยังคงมีปุ่มลัดสำหรับเปิด-ปิดการใช้งาน ไวไฟ บลูทูธ จีพีเอส เสียง และระบบหมุนหน้าจอ ซึ่งถ้ามีการเปิดเพลงฟังอยู่จะมีแถบควบคุมเพลงขึ้นมาให้ด้วย เช่นเดียวกับหน้าจอปลดล็อกที่ยังใช้สไตล์ในการสบัดกรอบที่คลุมหน้าจอทิ้งเพื่อเข้าใช้งาน

ล่างหน้าจอหลักมีไอค่อนหลัก 4 ไอค่อนสำหรับเป็นทางลัดเข้าโหมดใช้งานโทรศัพท์ ดูรายชื่อผู้ติดต่อ ข้อความ และเข้าสู่เมนูแอปพลิเคชันทั้งหมด ที่สามารถเลือกเปลี่ยนได้จากในหน้าเมนูหลัก ทั้งนี้สามารถกดปุ่มซอฟต์คีย์ค้างเพื่อสลับการใช้งานระหว่างแอปฯได้เหมือนเช่นเดิม



หน้าจอเมนูหลักของ Galaxy S2 ยังคงเป็นแบบหน้าๆ เพิ่มไปตามจำนวนแอปฯ โดยใช้การเลื่อนซ้าย-ขวา เพื่อเปลี่ยนหน้า ซึ่งในเวอร์ชันนี้ ผู้ใช้สามารถสร้างโฟลเดอร์เพื่อรวมแอปฯประเภทเดียวกันไว้ด้วยกันได้ หรือสร้างหน้าใหม่ขึ้นมาเพื่อเรียงแอปฯไว้ในหมวดเดียวกัน

โดยแอปพลิเคชันส่วนใหญ่ที่ซัมซุงพรีโหลดมาให้ในเครื่องยังคงเป็นแอปฯพื้นฐานที่มากับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ มีที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นมาอย่าง Game Hub, Readers Hub, Social Hub, Music Hub, AllShare, Kies air, Photo-Video editor, SamsungApps, Taskmanager และ IM ที่จะกล่าวถึงรายละเอียดต่อไป



SamsungApps คือช่องทางแนะนำแอปฯที่ซัมซุงพยายามปลุกปั้นขึ้นมาเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าไปดาวน์โหลดแอปฯที่น่าสนใจได้ง่ายขึ้น โดยมีหัวข้อหลักๆให้เลือกเป็นแอปฯน่าสนใจ จำนวนคนดาวน์โหลดสูงสุด แบ่งตามหมวหมู่ และค้นหาจากชื่อ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วก็ไม่แตกต่างจากไปค้นหาในแอนดรอยด์มาเก็ต



ส่วนของ Game Hub ก็จะเป็นแหล่งรวมเกมให้ดาวน์โหลดซึ่งจะเป็นเป็น เกมทางสังคม หรือเกมในโซเชียลเน็ตเวิร์กที่เมื่อดาวน์โหลดมาเล่นต้องมีการซิงค์เข้ากับเฟซบุ๊กเป็นต้น ขณะที่อีกส่วนคือเกมพรีเมียมที่ในปัจจุบันจะมีแต่จากค่าย Gameloft มาให้โหลดเพื่อทดลองเล่น แต่ถ้าต้องการตัวเต็มก็สามารถซื้อเพิ่มจากมาเก็ตได้



Reader Hub เป็นแอปฯที่เคยถูกแนะนำมาแล้วครั้งหนึ่งใน Galaxy Tab ซึ่งเป็นแอปฯสำหรับใช้อ่านหนังสือพิมพ์ นิตยสาร หนังสือต่างๆจาก Kobo ที่สามารถเลือกคอนเทนต์จากภายในฮับได้ทันที



การแสดงผลของหนังสือพิมพ์ นิตยสารต่างๆ จะมาในรูปแบบคล้ายๆไฟล์ pdf ผู้ใช้สามารถใช้นิ้วเพื่อพินช์ซูมได้เหมือนอ่านไฟล์เอกสารทั่วไป สั่งเปลี่ยนหน้าโดยการใช้นิ้วสไลด์เหมือนเปลี่ยนรูปภาพ ซึ่งจากขนาดหน้าจอ 4.3 นิ้ว น่าจะถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการเสพย์ข้อมูลได้เป็นอย่างดี

ส่วน SocialHub เองซัมซุงไม่ได้มีการพัฒนาจากในรุ่นก่อนหน้านี้เท่าใดนัก มักใช้ในการอ่านฟีดสถานะใหม่จากทั้งทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก และโซเชียลเน็ตเวิร์กอื่นๆ รวมไปถึงเข้าไปยังโปรแกรมแชตที่มาให้ใน IM ส่วน MusicHub นั้นยังไม่สามารถใช้งานในประเทศไทยได้



จากความที่ตัวเครื่องมีไวไฟ ที่รองรับ DLNA จึงสามารถใช้งานแอปฯ AllShare เพื่อส่งต่อไฟล์วิดิโอ รูปภาพ เพลง ไปยังอุปกรณ์ที่รองรับอย่างพีซี โน้ตบุ๊ก และยังสามารถใช้ S2 เป็นรีโมทควบคุมโทรทัศน์ที่รองรับระบบ DLNA ได้ด้วยเช่นกัน



Kies Air เป็นอีกหนึ่งระบบการซิงค์ข้อมูลที่ทางซัมซุงพัฒนาขึ้นเพื่อแลกเปลี่ยนไฟล์ระหว่างสมาร์ทโฟนและพีซี โดยใช้ความสามารถของไวไฟ จากเดิมที่ผู้ใช้ต้องเชื่อมต่อสายยูเอสบี หรือใช้บลูทูธในการเชื่อมต่อนั่นเอง

การใช้งานผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องลงแอปฯในพีซีแต่อย่างใด เพียงแต่เปิดเว็บเบราว์เซอร์พิม URL ที่ปรากฏบนหน้าจอเข้าไป หลังจากนั้นก็จะสามารถใช้งานเพื่อเรียกดูข้อมูล ไฟล์รูปภาพ วิดีโอ สั่งเล่นเพลง ตั้งเสียงเรียกเข้า อ่านข้อความ ดูรายชื่อผู้ติดต่อ ย้ายไฟล์ จากหน้าเว็บเบราว์เซอร์ได้ทันที



TaskManager เป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่ผู้ใช้ควรเข้ามาใช้งานบ่อยๆ เนื่องจากการเปิดหลายๆแอปฯค้างไว้ จะทำให้ S2 มีระยะเวลาการใช้งานต่อวันสั้นลง ดังนั้นถ้ามีความจำเป็นต้องเดินทางหรือใช้เวลาอยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน TaskManager ยังเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกเพื่อช่วยประหยัดแบตเตอรี



ฟังก์ชันกล้องถ่ายรูปมีการพัฒนาอินเตอร์เฟสในการใช้งานให้เหมาะสมกับการใช้งานมากขึ้น โดยแบ่งปุ่มควบคุมออกเป็น 2 ฝั่งซ้าย-ขวา พื้นที่ตรงกลางถูกปล่อยว่างไว้เพื่อเป็นช่องดูภาพ

แถบฝั่งซ้ายประกอบไปด้วยปุ่มสลับกล้องหน้าหลัง เปิด-ปิดแฟลช มีพื้นที่ว่างสำหรับใส่ไอคอนลัดในการปรับแต่งตามความต้องการของผู้ใช้ และปุ่มเข้าสู่การตั้งค่าทั้งหมด ส่วนฝั่งขวามีปุ่มสลับโหมดถ่ายภาพและวิดีโอ ปุ่มชัตเตอร์กล้อง และเข้าสู่อัลบั้มภาพ



เมนูการตั้งค่ากล้องประกอบไปด้วยตั้งรูปแบบการถ่ายภาพ เลือกฉาก เอฟเฟกต์ ปรับค่าสมดุลแสงขาว ปรับค่าความไวแสงตั้งแต่อัตโนมัติ - 800 ตั้งจุดวัดแสง เลือกความละเอียดภาพ ตามปกติของกล้องบนสมาร์ทโฟนทั่วๆไป



Photo editor เป็นโปรแกรมตกแต่งภาพเบื้องต้นที่ซัมซุงมีมาให้ภายในเครื่อง โดยผู้ใช้สามารถเลือกภาพจากอัลบั้ม หรือถ่ายภาพใหม่ เพื่อนำมาใส่เอฟเฟกต์ ปรับสี ครอบรูป รวมถึงใช้โหมดตกแต่งภาพปรับเอฟเฟกต์เฉพาะส่วนที่ต้องการก็ได้



ส่วนโปรแกรมตัดต่อวิดีโอก็เช่นกัน สามารถใช้ตัดต่อแบบพื้นฐาน ใส่ธีม เลือกช่วงเวลา ใส่เอฟเฟกต์ระหว่างทรานซิชันวิดีโอ แม้ว่าจะไม่สามารถใช้งานได้เหมือนในพีซี แต่ก็ช่วยเพิ่มความสนุกในการใช้งาน



การใช้งานเว็บเบราว์เซอร์ของแอนดรอยด์ยังคงมีจุดเด่นอยู่ที่สามารถใช้งานแฟลชได้ และเมื่อหน่วยประมวลผลเร็วขึ้น ความลื่นไหลในการใช้งานก็เพิ่มขึ้นด้วย การแสดงผลสามารถซูมเข้า-ออกได้ง่ายดายยิ่งขึ้น เมื่อใช้งานร่วมกับโมชันเซ็นเซอร์ของเครื่อง



แอปฯสำหรับฟังเพลงยังมีรูปแบบการแสดงผลง่ายๆให้ผู้ใช้สามารถเลือกดูเพลงทั้งหมด จากเพลยลิสต์ อัลบั้ม ศิลปิน หน้าจอขณะฟังเพลงมีการแสดงปกอัลบั้มพร้อมกราฟิก สามารถกดให้เล่นสุ่ม เล่นซ้ำ กดเมนูเพื่อเลือกเก็บเพลงเข้าเพลยลิสต์ ตั้งฟังผ่านหูฟังบลูทูธ ส่งต่อเพลง ตั้งเพลง เลือกเอฟเฟกต์เสียง



การใช้งานโมชันเซ็นเซอร์ใน S2 ถูกเพิ่มความสามารถเพื่อให้ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น เช่น การสัมผัสค้างกลางหน้าจอและแพนเครื่องไปทางซ้ายหรือขวา เพื่อสลับไปยังหน้าถัดไป การใช้ 2 นิ้วสัมผัสที่หน้าจอและเอียงจอขึ้นลง เพื่อซูมเข้า-ออก ในขณะที่มีสายเรียกเข้าสามารถคว่ำเครื่องเพื่อปิดเสียง แตะที่ส่วนบนเครื่อง 2 ทีเพื่อเข้าสู่โหมดสั่งงานด้วยเสียงเป็นต้น



โหมดโทรศัพท์ยังคงเป็นเช่นเดียวกับใน Galaxy S รุ่นก่อนหน้านี้ กล่าวคือมีปุ่มกดตัวเลขพร้อมระบบคาดเดารายชื่อ และเนื่องจากมีกล้องหน้าจึงสามารถใช้งานเป็นวิดีโอคอลล์บนเครือข่าย 3G ได้ หน้าจอสายเรียกเข้าใช้การสไลด์เพื่อรับสายเช่นเดิม

ที่น่าสนใจคือโหมดตัดเสียงรบกวนที่ทำออกมาได้ค่อนข้างดี สามารถเข้าไปเปิดใช้ได้จากกดปุ่มเมนูในขณะโทรศัพท์เพื่อเลือกโหมดตัดเสียงรบกวน และจะมีสัญลักษณ์ขึ้นแสดงบนหน้าจอ ส่วนปุ่มคำสั่งขณะสนทนาประกอบไปด้วย ปุ่มเพิ่มสาย คีย์แพด วางสาย เปิดลำโพง ปิดเสียง และใช้งานหูฟัง



คีย์บอร์ดใน Gaaxy S2 ยังคงเป็นแบบ Swype ที่มีให้เลือกใช้ทั้งภาษาไทยและอังกฤษเช่นเดียวกับใน Galaxy S รุ่นแรกที่ออกวางจำหน่าย การใช้งานคีย์บอร์ดทำออกมาได้ค่อนข้างดี ถือว่าเป็นหนึ่งในคีย์อบอร์ดภาษาไทยที่ประสบความสำเร็จในแอนดรอยด์โฟนก็ว่าได้




การตั้งค่าต่างๆภายในแอนดรอยด์ 2.3 นั้นนอกจากการตั้งค่าทั่วๆไปอย่างการเชื่อมต่อ โทรศัพท์ เสียง หน้าจอ โลเคชัน แอปพลิเคชัน หน่วยเก็บข้อมูล ภาษา คีย์บอร์ด คำสั่งเสียง วันเวลาแล้ว ที่มีเพิ่มขึ้นมาคือโหมดประหยัดพลังงาน การตั้งค่าโมชันเซ็นเซอร์ ตั้งค่าดอกกิ้ง เป็นต้น



ในส่วนของสเปกภายในของ Samsung Galaxy S2 ที่ขายจริงจะใช้หน่วยประมวลผล Exynos (Orion) ความเร็ว 1.2 GHz และหน่วยประมวลผลภาพ Mali-400 MP หน่วยความจำภายใน 16 GB ROM 2 GB RAM 1 GB ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เวอร์ชัน 2.3.3 หน้าจอสามารถรองรับมัลติทัชได้ทั้งหมด 10 จุดด้วยกัน ผลการทดสอบประสิทธิภาพบนโปรแกรม Quadrant Advance ได้คะแนนที่ 3003 คะแนน ส่วน SmartBench 2011 อยู่ที่ 3425 คะแนน

ที่น่าสังเกตคือตรงส่วนของซีพียูเครื่องที่ทีมงานได้รับมาทดสอบนั้น Max Freq. ในหลายๆโปรแกรมแสดงผลสูงสุดแค่ 1 GHz เท่านั้น เลยยังไม่ขอยืนยันว่าเครื่องที่ได้รับมานั้น เป็นเครื่องสเปกที่วางจำหน่ายจริงหรือไม่ เพราะถ้าไม่ใช่คะแนนการเทสต่างๆคงทะยานขึ้นไปสูงกว่านี้



ขณะที่การประมวลผลภาพบน NenaMark 1 และ 2 ได้เฟรมเรทอยู่ที่ 59.8 FPS และ 36.1 FPS ตามลำดับ An3DBench และ An3DBenchXL อยู่ที่ 7621 และ 28838 ส่วน Neocore ได้เฟรมเรทอยู่ที่ 59.7 FPS

ซึ่งเมื่อย้อนกลับไปเทียบกับหน่วยประมวลผลจากค่ายการ์ดจออย่าง Nvidia Tegra 2 แล้วพบว่า การทำคะแนนต่างๆของ S2 เครื่องที่ได้มาทดสอบนั้นค่อนข้างต่ำกว่า จึงอาจเป็นไปได้ว่าเครื่องที่ได้รับมานั้นมีการล็อกไว้ไม่ให้ประมวลผลเร็วเกิน 60 FPS ซึ่งอาจจะเพื่อกันไม่ให้แบตเตอรีหมดเร็วก็เป็นได้



Design of Samsung Galaxy S2



ในเรื่องการออกแบบของ Galaxy S2 คงไม่ต้องไปพูดถึงว่ามีส่วนคล้ายคลึงกับสมาร์ทโฟนเจ้าใดในตลาด เพราะปัจจุบันยังมีการฟ้องร้องเรียกสิทธิความเป็นเจ้าของดีไซน์กันอยู่เรื่อยๆ แต่ที่น่าสนใจคือวัสดุการประกอบของ Galaxy S2 ที่แม้จะเป็นเครื่องระดับไฮเอนด์ แต่ยังให้ความรูปสึกบอบบางอย่างสัมผัสได้

ความบอบบางของ Galaxy S2 มาพร้อบกับขนาดเครื่อง 125.3 x 66.1 x 8.5 มิลลิเมตร และน้ำหนักตัว 116 กรัม ซึ่งเรียกได้ว่ามีความบางเกือบจะที่สุดของสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน ทำให้วัสดุที่ใช้เป็นตัวเครื่องส่วนใหญ่จะเป็นพลาสติกคุณภาพสูงที่มีการยืดหยุ่น ที่หุ้มด้วยโครเมี่ยมทำให้ดูค่อนข้างมีความแข็งแรงเพิ่มขึ้นจาก Galaxy S

ด้านหน้า - ไล่จากส่วนบนประกอบไปด้วย กล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ตรวจวัดแสง และเซ็นเซอร์ตรวจจับใบหน้า ที่เรียงกันอยู่ข้างๆลำโพงสนทนา ที่เป็นขีดแนวยาวนูนขึ้นจากพื้นผิวเล็กน้อย

ถัดลงมาเป็นหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 4.3 นิ้ว ที่เพิ่มความแข็งแกร่งจากกระจกกอริลากลาส โดยหน้าจอเป็นทัชสกรีนแบบ Capacitive 16 ล้านสี ความละเอียด 480 x 800 พิกเซล ล่างหน้าจอมีปุ่มเมนู (สัมผัสค้างเพื่อเข้าสู่โหมดค้นหา) และย้อนกลับที่เป็นแบบสัมผัส และซอฟต์คีย์ตรงกลางสำหรับกลับหน้าแรก (กดค้างเพื่อเรียกดูแอปฯที่ใช้ย้อนหลัง)



ด้านหลัง - พื้นผิวสัมผัสบริเวณฝาหลังถูกทำให้มีความสากเล็กน้อยเพื่อช่วยให้จับตัวเครื่องได้กระชับมือมากยิ่งขึ้น โดยตรงกลางบนจะมีกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแอลอีดี และมีตราซัมซุงอยู๋บริเวณล่าง จุดที่น่าสนใจคือบริเวณส่วนล่างของเครื่องจะมีความนูนขึ้นบริเวณปลายเล็กน้อย ซึ่งเป็นที่อยู่ของลำโพงสเตอริโอ และยังช่วยให้จับตัวเครื่องได้กระชับมือขึ้นอีกเช่นกัน



เมื่อเปิดฝาหลังออกมาจากการเลาะตัวล็อกบริเวณขอบราว 17 ตัว จะปรากฎช่องใส่ซิมการ์ดที่อยู่ล่างกล้อง ถัดลงมาเป็นช่องใส่ไมโครเอสดีการ์ดที่อยู๋เยื้องไปทางซ้าย และช่องใส่แบตเตอรี Li-ion ขนาด 1,650 mAh ตัวฝาหลังเองมีความยืดหยุ่นค่อนข้างมากทำให้สามารถงอได้โดยที่พลาสติกไม่หัก ช่วยเพิ่มความอุ่นใจในการรองรับแรงกระแทกเพิ่มขึ้น




ด้านซ้าย - มีรูร้อยสายโทรศัพท์ และปุ่มปรับระดับเสียง ด้านขวา - มีปุ่มเปิด-ปิด เครื่อง (ผู้ใช้สามารถกดปุ่มซอฟต์คีย์พร้อมกับปุ่มเปิดเครื่องเพื่อจับภาพหน้าจอได้ด้วย)




ด้านบน - มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. และรูไมโครโฟนช่วยไว้ช่วยตัดเสียงรบกวนเวลาเปิดลำโพงสนทนา ด้านล่าง - มีพอร์ตไมโครยูเอสบี ไว้เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ สายชาร์จ และยังใช้เป็น HDMI-Out ได้อีกด้วย

บทสรุป

การเปิดราคาของ Galaxy S2 ที่ 18,900 บาท อาจกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ผู้ที่กำลังรอจังหวะเปลี่ยนสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น พร้อมกับเป็นตัวผลักดันให้แบรนด์อื่นๆต้องกดราคาเครื่องในระดับเดียวกันลงมาตาม งานนี้ผู้ที่ได้ประโยชน์มากที่สุดคงหนีไม่พ้นผู้บริโภคอย่างแน่นอน

นอกจากเรื่องของสเปกแล้วจุดที่ทำให้ Galaxy S2 ดูน่าสนใจคงหนีไม่พ้นหน้าจอ Super AMOLED Plus ขนาด 4.3 นิ้ว ที่ถือว่าเป็นขนาดใหญ่สุดสำหรับสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน ใครที่เคยได้เห็นและสัมผัสคงนึกได้ว่าสีสันที่ฉูดฉาดบาดตา ช่วยเพิ่มความรู้สึกต่อการตัดสินใจซื้อได้ไม่ยาก แต่ควรพึงระวังไว้ว่าภาพที่เห็นในโทรศัพท์กับภาพจริงคุณภาพอาจไม่เท่ากัน

ส่วนการรองรับ 3G แบบ QuadBand ที่ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุด 21 Mbps และความเร็วอัปโหลด 5.76 Mbps นั้นแม้ว่าทางซัมซุงจะมีการล็อกคลื่นความถี่เฉพาะกับแต่ละโอเปอเรเตอร์ (AIS 900 MHz / Dtac-True 850 MHz) แต่ยังมีคลื่นหลักอย่าง 2100 MHz ให้ได้ใช้งานกัน ทั้งนี้ผู้ใช้สามารถปลดล็อกคลื่นได้จากการลงเฟิร์มแวร์ใหม่เอง หรือกดจาก *#2263# เพราะจากเครื่องที่ทีมงานได้มาทดลองใช้นั้นสามารถใช้งาน 3G ได้ทุกคลื่นความถี่

แน่นอนว่ายังมีการเชื่อมต่อจาก ไวไลสที่รองรับมาตรฐาน 802.11 b/g/n ที่สามารถใช้งาน Wi-Fi Direct, DLNA และเป็น Hot-Spot ได้ด้วย รวบกับบลูทูธ 3.0 ทำให้เรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนไฮเอนด์ครบครันเครื่องหนึ่งในตลาดเลยก็ว่าได้

ขณะที่ความสามารถทางด้านมัลติมีเดียนั้น กล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ยังสามารถใช้ถ่ายวิดีโอระดับ 1080p และใช้ความสามารถของหน่วยประมวลผลช่วยให้สามารถเล่นไฟล์ระดับ Full HD ได้อย่างไม่กระตุก ยังไม่นับรวมเกมความละเอียดสูงที่กำลังจะตามออกมา ทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับจอโทรทัศน์ผ่านยูเอสบีจากอุปกรณ์เสริมที่แปลงหัวเป็น HDMI ได้

สุดท้ายในส่วนของเสียงสนทนา Galaxy S2 ทำออกมาได้ค่อนข้างดี เสียงดังฟังชัดเจน แต่ในเรื่องของระยะเวลาการใช้งานแม้ว่าจะให้แบตฯขนาด 1,650 mAh มาก็ตาม หน่วยประมวลผลแบบดูอัลคอร์ และหน้าจอขนาด 4.3 นิ้ว ยังคงใช้ปริมาณแบตฯค่อนข้างเยอะ ทำให้ระยะเวลาการใช้งานยังอยู่ในระดับไม่ถึงวันถ้าใช้งานหนักๆ แต่ถ้ามีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เปิดพุชเมล ซิงค์โซเชียลเน็ตเวิร์ก ให้ทำงานตลอดเวลา คงอยู่ได้ไม่ถึงวันอย่างแน่นอน



ขอชม
- Dual-Core 1.2GHz ในราคา 18,900 บาท
- หน้าจอ Super AMOLED Plus ขนาด 4.3 นิ้ว ให้สีสันสดใส
- รองรับ 3G Quad-Band
- รองรับไฟล์ภาพยนตร์ความละเอียดสูง 1080p และเกม HD

ขอติ
- เครื่องที่วางจำหน่ายในไทย ไม่รองรับ NFC
- ตัวเครื่องทำจากพลาสติกเป็นหลักทำให้ดูบอบบาง
- หน้าจอยังเป็น WVGA ขณะที่ Atrix/Sensation เป็น qHD

Company Related Links :
Samsung










ฝาหลังยืดหยุ่นบิดงอได้
ความบางของเครื่องขณะจับถือ
เทียบความบาง iPhone 4 Galaxy S2 และ Desire HD





กำลังโหลดความคิดเห็น