ASTVผู้จัดการรายวัน - เคแบงก์ผนึกลีสซิ่งกสิกรฯออก "สินเชื่อเอสเอ็มอีเสริมภาพคล่องด้วยรถยนต์กสิกรไทย" ให้เอสเอ็มอีกู้เช่าซื้อรถใหม่บวกเงินกู้เสริมสภาพคล่องวงเงินรวม 120%ของมูลค่ารถยนต์ ไม่ต้องหาประกันเพิ่ม ตั้งเป้าปล่อยกู้ 3 พันล้าน
นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)(KBANK) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ร่วมกับบริษัทลีสซิ่ง กสิกรไทย จำกัด เปิดบริการสินเชื่อเอสเอ็มอีเสริมภาพคล่องด้วยรถยนต์กสิกรไทย (K-SME Leasing PLUS) ซึ่งในวงเงินสูงสุดถึง 120% ของมูลค่ารถยนต์ เพื่อรองรับกลุ่มผู้ประกอบการที่ต้องการขยายกำลังผลิต หรือขยายธุรกิจ ด้วยการซื้อรถยนต์ใหม่ และต้องการใช้เงินทุนพื่อเสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจควบคู่กันไปโดยไม่ต้องหาหลักประกันเพิ่มเติม เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินได้ง่ายขึ้น
นายปกรณ์กล่าวอีกว่า ปัจจัยเสี่ยงของผู้ประกอบธุรกิจเอสเอ็มอีในช่วงต่อไปนั้น เป็นเรื่องของต้นทุนที่สูงขึ้น จากราคาน้ำมัน ค่าแรงงาน และวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น และยังมีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มขึ้นอีก ผู้ประกอบการจึงต้องมีการเตรียมพร้อมในการบริหารต้นทุนให้สมดุลเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้
นายอิสระ วงศ์รุ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัทลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า หลักเกณฑ์ของสินเชื่อเอเอ็มอีเสริมสภาพคล่องด้วยรถยนต์กสิกรไทยนั้น บริษัทจะอนุมัติสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ประมาณ 80% ของมูลค่าซื้อขายรถยนต์ ในอัตราดอกเบี้ยปกติคือประมาณ 2.5%ต่อเดือน หลังจากนั้นธนาคารกสิกรไทยจะให้วงเงินสินเชื่อเพื่อธุรกิจกสิกรไทยเพิ่มอีก 40%ของมูลค่ารถยนต์ ในอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้น (MRR) +5% ซึ่งอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าสินเชื่อบุคคล โดยธนาคารกสิกรไทยและบริษัทลีสซิ่งกสิกรไทยได้ตั้งเป้าสินเชื่อในโครงการดังกล่าวไว้ประมาณ 3,000 ล้านบาทในระยะเวลา 1 ปี
เชื่อครึ่งปีหลังยอดซื้อรถคึก
สำหรับทิศทางสินเชื่อลีสซิ่งของบริษัทในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา บริษัทปล่อยสินเชื่อได้ประมาณ 27,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 27,000 ล้านบาท และทั้งปีคาดว่าจะปล่อยสินเชื่อกว่า 50,000 ล้านบาท หรือเติบโตเกือบ 30% จากเป้าที่ตั้งไว้ 44,000 ล้านบาท เติบโต 20% เนื่องจากตลาดรถยนต์ในช่วงดังกล่าวจะเติบโตมากกว่าในช่วงครึ่งปีแรกที่ได้รับผลกระทบจากการส่งมอบรถไม่ทัน หลังเกิดวิกฤตสึนามิและโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ญี่ปุ่น ขณะที่ทิศทางดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้นนั้น ในส่วนของลีสซิ่งคงจะปรับขึ้นอีกเล็กน้อย คาดว่าสิ้นปีจะอยู่ที่ระดับ 2.75% ซึ่งไม่น่าส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อรถมากนัก
"ดอกเบี้ยเช่าซื้อคงจะปรับขึ้นไม่ได้มากนัก เพราะการแข่งขันที่รุนแรง หากใครปรับขึ้นดอกเบี้ยสูงก็จะอาจจะเสียส่วนแบ่งการตลาดไป ซึ่งเราก็คาดว่าจะในปีหน้ามาเก็ตแชร์จะอยู่ที่ระดับ 14% จากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 8%"
นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)(KBANK) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ร่วมกับบริษัทลีสซิ่ง กสิกรไทย จำกัด เปิดบริการสินเชื่อเอสเอ็มอีเสริมภาพคล่องด้วยรถยนต์กสิกรไทย (K-SME Leasing PLUS) ซึ่งในวงเงินสูงสุดถึง 120% ของมูลค่ารถยนต์ เพื่อรองรับกลุ่มผู้ประกอบการที่ต้องการขยายกำลังผลิต หรือขยายธุรกิจ ด้วยการซื้อรถยนต์ใหม่ และต้องการใช้เงินทุนพื่อเสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจควบคู่กันไปโดยไม่ต้องหาหลักประกันเพิ่มเติม เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินได้ง่ายขึ้น
นายปกรณ์กล่าวอีกว่า ปัจจัยเสี่ยงของผู้ประกอบธุรกิจเอสเอ็มอีในช่วงต่อไปนั้น เป็นเรื่องของต้นทุนที่สูงขึ้น จากราคาน้ำมัน ค่าแรงงาน และวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น และยังมีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มขึ้นอีก ผู้ประกอบการจึงต้องมีการเตรียมพร้อมในการบริหารต้นทุนให้สมดุลเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้
นายอิสระ วงศ์รุ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัทลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า หลักเกณฑ์ของสินเชื่อเอเอ็มอีเสริมสภาพคล่องด้วยรถยนต์กสิกรไทยนั้น บริษัทจะอนุมัติสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ประมาณ 80% ของมูลค่าซื้อขายรถยนต์ ในอัตราดอกเบี้ยปกติคือประมาณ 2.5%ต่อเดือน หลังจากนั้นธนาคารกสิกรไทยจะให้วงเงินสินเชื่อเพื่อธุรกิจกสิกรไทยเพิ่มอีก 40%ของมูลค่ารถยนต์ ในอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้น (MRR) +5% ซึ่งอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าสินเชื่อบุคคล โดยธนาคารกสิกรไทยและบริษัทลีสซิ่งกสิกรไทยได้ตั้งเป้าสินเชื่อในโครงการดังกล่าวไว้ประมาณ 3,000 ล้านบาทในระยะเวลา 1 ปี
เชื่อครึ่งปีหลังยอดซื้อรถคึก
สำหรับทิศทางสินเชื่อลีสซิ่งของบริษัทในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา บริษัทปล่อยสินเชื่อได้ประมาณ 27,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 27,000 ล้านบาท และทั้งปีคาดว่าจะปล่อยสินเชื่อกว่า 50,000 ล้านบาท หรือเติบโตเกือบ 30% จากเป้าที่ตั้งไว้ 44,000 ล้านบาท เติบโต 20% เนื่องจากตลาดรถยนต์ในช่วงดังกล่าวจะเติบโตมากกว่าในช่วงครึ่งปีแรกที่ได้รับผลกระทบจากการส่งมอบรถไม่ทัน หลังเกิดวิกฤตสึนามิและโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ญี่ปุ่น ขณะที่ทิศทางดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้นนั้น ในส่วนของลีสซิ่งคงจะปรับขึ้นอีกเล็กน้อย คาดว่าสิ้นปีจะอยู่ที่ระดับ 2.75% ซึ่งไม่น่าส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อรถมากนัก
"ดอกเบี้ยเช่าซื้อคงจะปรับขึ้นไม่ได้มากนัก เพราะการแข่งขันที่รุนแรง หากใครปรับขึ้นดอกเบี้ยสูงก็จะอาจจะเสียส่วนแบ่งการตลาดไป ซึ่งเราก็คาดว่าจะในปีหน้ามาเก็ตแชร์จะอยู่ที่ระดับ 14% จากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 8%"