ASTVผู้จัดการรายวัน-"พาณิชย์"วางยุทธศาสตร์ 5 ปี ดันไทยยึดเบอร์ 1 ผู้นำการค้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังโลกต่อไป เตรียมปรับสัดส่วนการส่งออก เน้นแป้งมันและผลิตภัณฑ์แปรรูปมากขึ้น พร้อมวางแผนรุกตลาดจีน อินเดีย และอาเซียนแทนตลาดยุโรป
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเปิดงานการประชุมสัมมนามันสำปะหลังนานาชาติปี 2554 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ วานนี้ (28 มิ.ย.) ว่า กระทรวงพาณิชย์กำลังจัดทำยุทธศาสตร์มันสำปะหลังไทยระยะ 5 ปี เพื่อรักษาความเป็นผู้นำการค้ามันสำปะหลังของโลกที่ไทยครองส่วนแบ่งการตลาด 80-90% และปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับความต้องการของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งจะทำให้เพิ่มมูลค่าการส่งออกกว่าปีละ 5,000 ล้านบาท จากปัจจุบันการส่งออกมีมูลค่า 7 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ ในยุทธศาสตร์ประกอบด้วย 4 แนวทาง ได้แก่ 1.ปรับสัดส่วนการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ในรูปแบบแป้งมันให้มากขึ้นจากปัจจุบันมีสัดส่วน 51% เพิ่มเป็นไม่ต่ำกว่า 65% ลดสัดส่วนมันเส้นและมันอัดเม็ดจาก 49% เหลือ 35% 2.พัฒนามาตรฐานการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เช่นเดียวกับการจัดทำมาตรฐานข้าวหอมมะลิและข้าวโพด 3.เพิ่มมูลค่าการค้าในตลาดเป้าหมาย โดยเฉพาะตลาดจีน อินเดีย อาเซียน ซึ่งตลาดเหล่านี้กำลังผันเป็นประเทศอุตสาหกรรมและต้องการวัตถุดิบแป้งมันมากขึ้น และทดแทนตลาดยุโรป ที่ซื้อมันเส้นและมันอัดเม็ดเป็นหลัก แต่ติดปัญหาเรื่องต้นทุนสูงและราคาแพงขึ้น 4.ผลักดันการใช้ภูมิปัญญาและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ในการเพิ่มมูลค่าจากการแปรรูปเป็นสินค้าสำเร็จรูป
“ใน 5 ปีข้างหน้าหรือปี 2559 ความต้องการใช้มันสำปะหลังจะมากขึ้นหลายเท่าตัว โดยเฉพาะความต้องการในภาคอุตสาหกรรมและผลิตเอธานอล อีกไม่น้อยกว่า 42% หรือต้องเพิ่มผลผลิตหัวมันสดจาก 25 ล้านตัน เป็น 35-50 ล้านตัน เป็นเรื่องที่ท้าทายและทุกส่วนต้องรวมมือกันวางแผนในการเพิ่มผลผลิตให้เพียงพอกับความต้องการที่สูงขึ้น การแปรรูปและเพิ่มสินค้าสำเร็จรูปจะเป็นทางออกไม่ให้ไทยเสียตลาด และยังคงเป็นผู้นำในด้านการค้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังได้ต่อไป"นายยรรยงกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ราคามันสำปะหลังในประเทศค่อนข้างอ่อนตัวลง เพราะตลาดส่งออกค่อนข้างอิ่มตัวและลดการนำเข้าจากไทย อีกทั้งราคาที่แพงขึ้น ทำให้หลายๆ ประเทศหันไปใช้ธัญพืชชนิดอื่นเป็นวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์แทน และส่วนหนึ่งจับตาผลการเลือกตั้งรัฐบาลใหม่ว่าจะคงนโยบายการประกันรายได้หรือใช้การรับจำนำ ทำให้การซื้อขายล่วงหน้าชะลอตัวลง และยังไม่มั่นว่ากำลังซื้อมันสำปะหลังในช่วงครึ่งปีหลังจะสูงเท่าครึ่งปีแรกหรือไม่
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเปิดงานการประชุมสัมมนามันสำปะหลังนานาชาติปี 2554 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ วานนี้ (28 มิ.ย.) ว่า กระทรวงพาณิชย์กำลังจัดทำยุทธศาสตร์มันสำปะหลังไทยระยะ 5 ปี เพื่อรักษาความเป็นผู้นำการค้ามันสำปะหลังของโลกที่ไทยครองส่วนแบ่งการตลาด 80-90% และปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับความต้องการของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งจะทำให้เพิ่มมูลค่าการส่งออกกว่าปีละ 5,000 ล้านบาท จากปัจจุบันการส่งออกมีมูลค่า 7 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ ในยุทธศาสตร์ประกอบด้วย 4 แนวทาง ได้แก่ 1.ปรับสัดส่วนการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ในรูปแบบแป้งมันให้มากขึ้นจากปัจจุบันมีสัดส่วน 51% เพิ่มเป็นไม่ต่ำกว่า 65% ลดสัดส่วนมันเส้นและมันอัดเม็ดจาก 49% เหลือ 35% 2.พัฒนามาตรฐานการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เช่นเดียวกับการจัดทำมาตรฐานข้าวหอมมะลิและข้าวโพด 3.เพิ่มมูลค่าการค้าในตลาดเป้าหมาย โดยเฉพาะตลาดจีน อินเดีย อาเซียน ซึ่งตลาดเหล่านี้กำลังผันเป็นประเทศอุตสาหกรรมและต้องการวัตถุดิบแป้งมันมากขึ้น และทดแทนตลาดยุโรป ที่ซื้อมันเส้นและมันอัดเม็ดเป็นหลัก แต่ติดปัญหาเรื่องต้นทุนสูงและราคาแพงขึ้น 4.ผลักดันการใช้ภูมิปัญญาและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ในการเพิ่มมูลค่าจากการแปรรูปเป็นสินค้าสำเร็จรูป
“ใน 5 ปีข้างหน้าหรือปี 2559 ความต้องการใช้มันสำปะหลังจะมากขึ้นหลายเท่าตัว โดยเฉพาะความต้องการในภาคอุตสาหกรรมและผลิตเอธานอล อีกไม่น้อยกว่า 42% หรือต้องเพิ่มผลผลิตหัวมันสดจาก 25 ล้านตัน เป็น 35-50 ล้านตัน เป็นเรื่องที่ท้าทายและทุกส่วนต้องรวมมือกันวางแผนในการเพิ่มผลผลิตให้เพียงพอกับความต้องการที่สูงขึ้น การแปรรูปและเพิ่มสินค้าสำเร็จรูปจะเป็นทางออกไม่ให้ไทยเสียตลาด และยังคงเป็นผู้นำในด้านการค้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังได้ต่อไป"นายยรรยงกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ราคามันสำปะหลังในประเทศค่อนข้างอ่อนตัวลง เพราะตลาดส่งออกค่อนข้างอิ่มตัวและลดการนำเข้าจากไทย อีกทั้งราคาที่แพงขึ้น ทำให้หลายๆ ประเทศหันไปใช้ธัญพืชชนิดอื่นเป็นวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์แทน และส่วนหนึ่งจับตาผลการเลือกตั้งรัฐบาลใหม่ว่าจะคงนโยบายการประกันรายได้หรือใช้การรับจำนำ ทำให้การซื้อขายล่วงหน้าชะลอตัวลง และยังไม่มั่นว่ากำลังซื้อมันสำปะหลังในช่วงครึ่งปีหลังจะสูงเท่าครึ่งปีแรกหรือไม่