“พาณิชย์” แจงต่างชาติยังไม่ยกเลิกออเดอร์ไก่ไทย หลังข่าวโรงชำแหละไก่เน่าสะพัด แต่อาจกระทบตลาดในประเทศ พร้อมเบรก “สบู่-ปลากระป๋อง” ขึ้นราคา เตรียมโชว์ศักยภาพมันสำปะหลัง ส่งออกเบอร์ 1 ของโลก
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดงาน มหกรรมลดค่าครองชีพครั้งที่ 2 โดยระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีผู้นำเข้าไก่จากประเทศใดยกเลิกคำสั่งซื้อสินค้าไก่จากไทย เพราะปัญหาการชำแหละซากไก่ตายส่งขาย เนื่องจากส่วนใหญ่ไทยส่งออกไก่ต้มสุก ซึ่งไม่ว่าจะเป็นประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป หรือญี่ปุ่นที่ประเทศนำเข้า ก็จะเข้มงวดในเรื่องมาตรฐานสินค้าที่ต้องมีใบรับรองในทุกขั้นตอนเพื่อยืนยันคุณภาพ
ส่วนการแก้ปัญหาสินค้าราคาแพงในขณะนี้ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ยอมรับว่า มีผู้ประกอบการผลิตสินค้าบางรายการยื่นขอปรับราคามาที่กรมการค้าภายใน เช่น สบู่ ปลากระป๋อง เนื่องจากประสบปัญหาภาวะต้นทุนสูง แต่ทางกรมการค้าภายในวิเคราะห์แล้ว มีความเห็นว่า แม้ต้นทุนสูงขึ้น แต่ก็เพียงเล็กน้อย ดังนั้น จึงยังไม่อนุมัติให้สินค้าทั้ง 2 รายการปรับขึ้นแต่อย่างใด
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ระหว่างวันที่ 28-30 มิถุยายน 2554 นี้ กรมการค้าต่างประเทศ เตรียมจัดการประชุมสัมมนา มันสำปะหลังนานาชาติ ปี 2554 เพื่อแสดงศักยภาพในฐานะผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และแป้งมันอันดับ 1 ของโลก โดยในแต่ละปี ประเทศไทย ผลิตหัวมันสำปะหลังได้ ปีละประมาณ 30 ล้านตัน โดยมีผู้ค้าที่สำคัญ อาทิ ในตลาดอาเซียน ยุโรป และอเมริกา
ทั้งนี้ ในปี 2553 ประเทศไทย มียอดการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ประกอบด้วย มันเส้น มันอัดเม็ด และแป้งมัน ที่ 7.27 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 2,153 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งการสัมมนาดังกล่าว เพื่อจะเป็นการสนับสนุนการส่งออกสินค้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทยได้เป็นอย่างดี รวมทั้งจะมีการระดมสมองในการรับมือวิกฤตการณ์อาหาร และพลังงานของโลก ในอนาคตด้วย
นางมนูญศรี โชติเทวัญ ประธานบริหาร บริษัท สหฟาร์ม และบริษัทในเครือ ผู้ส่งออกไก่รายใหญ่ของไทย กล่าวว่า ต่างประเทศยังคงนำเข้าปกติและยังมีความต้องการเพิ่มขึ้น ข่าวไก่เน่าน่าจะเป็นผลกระทบต่อการขายและราคาไก่ในประเทศเท่านั้น แต่ในต่างประเทศยังสามารถปรับเพิ่มราคาได้ เพราะความต้องการยังสูง ในส่วนของบริษัทปีนี้จะส่งออกได้เพิ่มถึง 50% หรือประมาณ 1.2 แสนตัน เป็นการส่งออกในปริมาณมากสุด ทำให้บริษัทต้องลงทุนเพิ่มอีก 1.5 หมื่นล้านบาท เพื่อรองรับตลาดส่งออกที่จะขยายตัวได้มากในปี 2555 และหลังการเปิดเสรีอาเซียนเต็มรูปแบบในปี 2558 ยิ่งทำให้การส่งออกไก่ไทยมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว