ASTVผู้จัดการรายวัน - บางจากฯเตรียมเสนอรัฐบาลใหม่ยกเลิกการใช้น้ำมันเบนซิน 91 เพื่อกระตุ้นการใช้ เอทานอลที่ล้นตลาดในปัจจุบัน รวมทั้งจี้รัฐทำการตลาดส่งเสริมประเทศเพื่อนบ้านใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นฮับการส่งออกเอทานอลในภูมิภาคนี้ หลังแนวโน้มน้ำมันปรับตัวสูง ขึ้น โดยบางจากฯสนใจตั้งโรงงานเอทา-นอลรวมทั้งปลูกอ้อย-มันสำปะหลังในประเทศเพื่อนบ้าน รองรับการเปิดเสรีAEC ในปี 2558
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรม-การผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯเตรียมเสนอรัฐบาลชุดใหม่เพื่อขอให้ยกเลิกการใช้น้ำมันเบนซิน 91 โดยให้เวลาผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมัน ในประเทศปรับตัวเป็นเวลา 1 ปีก่อนยกเลิก รวมทั้งหากมาตรการบรรเทาผล กระทบกับรถยนต์เก่าถ้ามีการยกเลิกการ ใช้น้ำมันเบนซิน 91 เช่นบริษัทน้ำมันหรือ กองทุนน้ำมันอุดหนุนการซ่อมบำรุงรถยนต์เก่าที่เสียหายจากการใช้น้ำมันแก๊ซโซฮอล์ เป็นต้น ซึ่งโรงกลั่นบางจากฯพร้อมที่จะปฏิบัติได้ทันทีหากรัฐบาลมีความชัดเจน
ทั้งนี้ หากรัฐบาลยกเลิกการใช้น้ำมันเบนซิน 91 จะทำให้ยอดการใช้ เอทานอลปรับตัวสูงขึ้น 8 แสนลิตร/วัน จากยอดจำหน่ายเอทานอลในขณะนี้อยู่ที่ 1.37 ล้านลิตรต่อวัน เนื่องจากเบนซิน 91 มียอดการจำหน่ายน้ำมันเฉลี่ยวันละ 8 ล้านลิตร โดยปีหน้าปั๊มน้ำมันบางจากฯทยอยเลิกจำหน่ายเบนซิน 91
นายอนุสรณ์กล่าวต่อไปว่า บริษัทฯ คาดหวังว่ารัฐบาลใหม่จะส่งเสริมการใช้เอทานอลในประเทศมากเพิ่มขึ้น รวมทั้ง ส่งเสริมและทำการตลาดให้แก่ประเทศสมาชิกอาเซียนให้หันมาใช้น้ำมันแก๊ส โซฮอล์ เพื่อรองรับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ซึ่งประเทศสมาชิก AEC ส่วนใหญ่ต้องนำเข้าน้ำมัน และเป็นประเทศเกษตรกรรม มีพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังและอ้อย ซึ่งเป็น วัตถุดิบในการผลิตเอทานอลได้ ทำให้การเคลื่อนย้ายวัตถุดิบระหว่างประเทศทำได้ง่าย ดังนั้นหากประเทศสมาชิก AEC หันมาใช้แก๊สโซฮอล์ ไทยก็จะเป็น ศูนย์กลางการผลิตและส่งออกเอทานอล ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งกำหนดราคาซื้อขายเอทานอลได้ หากต้นทุนการ ผลิตเอทานอลไทยต่ำ ซึ่งช่วยแก้ปัญหาเอทานอลล้นตลาดในไทยด้วย ซึ่งการส่งออกเอทานอลไปยังประเทศญี่ปุ่นและเกาหลี อาจไม่ได้นำไปผลิตเป็นพลังงานทดแทน แต่นำไปเป็นวัตถุดิบใน ภาคอุตสาหกรรมเช่น สุรา เพื่อทำเหล้าสาเก เป็นต้น ทำให้เป้าหมายกระทรวงพลังงานในการผลักดันการใช้พลังงานทดแทนจากพืชที่กำหนดเป้าหมายให้มีการใช้เอทานอล 9 ล้านลิตร/วันในปี 2565 บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
นายอนุสรณ์กล่าวต่อไปว่า บางจากฯ มีความสนใจที่จะเข้าไปลงทุน ตั้งโรงงานเอทานอลในประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งการเพาะปลูกมันสำปะหลังและอ้อย เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบ โดยมองการลงทุนที่ลาว กัมพูชา และพม่า ทั้งนี้ ขึ้น อยู่กับนโยบายของประเทศดังกล่าวที่จะส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์แค่ไหน เนื่องจากปริมาณเอทานอลที่ผลิตได้ส่วนหนึ่งจะนำไปผสมน้ำมันเบนซินเพื่อจำหน่ายในประเทศเหล่านั้น รวมไปถึงการลงทุนทำปั๊มน้ำมันบางจากฯในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งบริษัทฯอยู่ระหว่าง การศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนทั้ง ลาว กัมพูชา แต่พบว่าประเทศดังกล่าวมีการใช้น้ำมันไม่สูงมากเมื่อเทียบกับเวียดนาม แต่ด้วยนโยบายของรัฐบาลเวียดนามยังไม่เปิดเสรีการทำสถานีบริการน้ำมันให้แก่ต่างชาติ
วานนี้ (27 มิ.ย.) บางจากฯขยายสถานีบริการน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 85 พร้อมกัน 11 แห่งทั่วประเทศ และมีแผน จะเพิ่มปั๊มอี 85 ให้ครบ 50 แห่งในปี 2555 เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากในปัจจุบันมีผู้ใช้รถยนต์อี 85 เกือบ 10,000 คัน และค่าย รถยนต์ก็หันมาประกอบรถยนต์ อี 85 มากขึ้น เช่น เชฟโรเลต วอลโว่ มิตซูบิชิ ดังนั้น แนวโน้ม การใช้อี 85 จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2552 บางจากมียอดจำหน่าย 80,000 ลิตร และเพิ่มเป็น 1.2 ล้านลิตร
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรม-การผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯเตรียมเสนอรัฐบาลชุดใหม่เพื่อขอให้ยกเลิกการใช้น้ำมันเบนซิน 91 โดยให้เวลาผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมัน ในประเทศปรับตัวเป็นเวลา 1 ปีก่อนยกเลิก รวมทั้งหากมาตรการบรรเทาผล กระทบกับรถยนต์เก่าถ้ามีการยกเลิกการ ใช้น้ำมันเบนซิน 91 เช่นบริษัทน้ำมันหรือ กองทุนน้ำมันอุดหนุนการซ่อมบำรุงรถยนต์เก่าที่เสียหายจากการใช้น้ำมันแก๊ซโซฮอล์ เป็นต้น ซึ่งโรงกลั่นบางจากฯพร้อมที่จะปฏิบัติได้ทันทีหากรัฐบาลมีความชัดเจน
ทั้งนี้ หากรัฐบาลยกเลิกการใช้น้ำมันเบนซิน 91 จะทำให้ยอดการใช้ เอทานอลปรับตัวสูงขึ้น 8 แสนลิตร/วัน จากยอดจำหน่ายเอทานอลในขณะนี้อยู่ที่ 1.37 ล้านลิตรต่อวัน เนื่องจากเบนซิน 91 มียอดการจำหน่ายน้ำมันเฉลี่ยวันละ 8 ล้านลิตร โดยปีหน้าปั๊มน้ำมันบางจากฯทยอยเลิกจำหน่ายเบนซิน 91
นายอนุสรณ์กล่าวต่อไปว่า บริษัทฯ คาดหวังว่ารัฐบาลใหม่จะส่งเสริมการใช้เอทานอลในประเทศมากเพิ่มขึ้น รวมทั้ง ส่งเสริมและทำการตลาดให้แก่ประเทศสมาชิกอาเซียนให้หันมาใช้น้ำมันแก๊ส โซฮอล์ เพื่อรองรับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ซึ่งประเทศสมาชิก AEC ส่วนใหญ่ต้องนำเข้าน้ำมัน และเป็นประเทศเกษตรกรรม มีพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังและอ้อย ซึ่งเป็น วัตถุดิบในการผลิตเอทานอลได้ ทำให้การเคลื่อนย้ายวัตถุดิบระหว่างประเทศทำได้ง่าย ดังนั้นหากประเทศสมาชิก AEC หันมาใช้แก๊สโซฮอล์ ไทยก็จะเป็น ศูนย์กลางการผลิตและส่งออกเอทานอล ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งกำหนดราคาซื้อขายเอทานอลได้ หากต้นทุนการ ผลิตเอทานอลไทยต่ำ ซึ่งช่วยแก้ปัญหาเอทานอลล้นตลาดในไทยด้วย ซึ่งการส่งออกเอทานอลไปยังประเทศญี่ปุ่นและเกาหลี อาจไม่ได้นำไปผลิตเป็นพลังงานทดแทน แต่นำไปเป็นวัตถุดิบใน ภาคอุตสาหกรรมเช่น สุรา เพื่อทำเหล้าสาเก เป็นต้น ทำให้เป้าหมายกระทรวงพลังงานในการผลักดันการใช้พลังงานทดแทนจากพืชที่กำหนดเป้าหมายให้มีการใช้เอทานอล 9 ล้านลิตร/วันในปี 2565 บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
นายอนุสรณ์กล่าวต่อไปว่า บางจากฯ มีความสนใจที่จะเข้าไปลงทุน ตั้งโรงงานเอทานอลในประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งการเพาะปลูกมันสำปะหลังและอ้อย เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบ โดยมองการลงทุนที่ลาว กัมพูชา และพม่า ทั้งนี้ ขึ้น อยู่กับนโยบายของประเทศดังกล่าวที่จะส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์แค่ไหน เนื่องจากปริมาณเอทานอลที่ผลิตได้ส่วนหนึ่งจะนำไปผสมน้ำมันเบนซินเพื่อจำหน่ายในประเทศเหล่านั้น รวมไปถึงการลงทุนทำปั๊มน้ำมันบางจากฯในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งบริษัทฯอยู่ระหว่าง การศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนทั้ง ลาว กัมพูชา แต่พบว่าประเทศดังกล่าวมีการใช้น้ำมันไม่สูงมากเมื่อเทียบกับเวียดนาม แต่ด้วยนโยบายของรัฐบาลเวียดนามยังไม่เปิดเสรีการทำสถานีบริการน้ำมันให้แก่ต่างชาติ
วานนี้ (27 มิ.ย.) บางจากฯขยายสถานีบริการน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 85 พร้อมกัน 11 แห่งทั่วประเทศ และมีแผน จะเพิ่มปั๊มอี 85 ให้ครบ 50 แห่งในปี 2555 เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากในปัจจุบันมีผู้ใช้รถยนต์อี 85 เกือบ 10,000 คัน และค่าย รถยนต์ก็หันมาประกอบรถยนต์ อี 85 มากขึ้น เช่น เชฟโรเลต วอลโว่ มิตซูบิชิ ดังนั้น แนวโน้ม การใช้อี 85 จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2552 บางจากมียอดจำหน่าย 80,000 ลิตร และเพิ่มเป็น 1.2 ล้านลิตร
