xs
xsm
sm
md
lg

จดหมายเปิดผนึกถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง

เผยแพร่:   โดย: ยินดี วัชรพงศ์ ต่อสุวรรณ

ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งหรือกกต.ได้ประกาศให้มีการเลือกตั้งสมาชิกผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 นั้น

บัดนี้ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ในการเลือกตั้งได้ปรากฏรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และ ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่ปรากฏต่อสาธารณชนของพรรคการเมืองนั้น เป็นบุคคลที่ไม่สมควรมีสิทธิที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งได้ เพราะเป็นบุคคลที่ไม่มีศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์ เนื่องจากเป็นผู้กระทำความผิดกฎหมายที่มีโทษทางอาญาร้ายแรง คือความผิดในข้อหาเป็นผู้ก่อการร้าย ก่อจลาจล เผาบ้านเมือง มีการกระทำที่แสดงต่อสาธารณะที่จะล้มล้างสถาบันและตั้งรัฐไทยใหม่ มีการกระทำอันเป็นการละเมิดต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่นในการปิดถนนหนทางใช้เป็นที่ทำการแบบถาวร เพื่อกดดันเรียกร้องให้มีการยุบสภาเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบเสียเปรียบในทางการเมืองระหว่างพรรคการเมืองฝ่ายที่เป็นฝ่ายค้านและพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล โดยมีพฤติการณ์ปลุกระดมประชาชนให้มาชุมนุมด้วยการ สร้างสัญลักษณ์ของการใช้สีแดงและคนเสื้อแดงโดยอ้างว่าคนใส่เสื้อแดงเป็นไพร่ อันเป็นการกระทำที่แบ่งแยกสถานภาพของประชาชนออกเป็นชนชั้นไพร่ ซึ่งนักการเมืองและพรรคการเมืองจะกระทำมิได้ เพราะเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 30 อันเป็นการกระทำที่เข้าข่ายต้องถูกยุบพรรคและถูกตัดสิทธิในทางการเมือง การกระทำของพรรคการเมืองและ ส.ส.พรรคการเมืองดังกล่าว ได้กระทำความผิดต่อกฎหมาย มีการถูกจับ ถูกดำเนินคดีอาญาร้ายแรง สมาชิกพรรคการเมืองดังกล่าวจึงเป็นบุคคลที่ไม่มีศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์ เพราะจะอ้างว่าตนเป็นบุคคลที่มีศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์ไม่ได้ การจะอ้างศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของตนได้ก็แต่เฉพาะการใช้สิทธิและเสรีภาพของตนที่ไม่ไปละเมิดต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น ไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐธรรมนูญและไม่ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชนตาม ร.ธ.น.มาตรา 28 เท่านั้น

พรรคการเมืองและสมาชิกพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ก็ไม่ได้ดำเนินตามกฎหมายที่จักต้องกระทำเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยขึ้นในบ้านเมือง และไม่ดำเนินการตามกฎหมายที่จะต้องกระทำเพื่อรักษาไว้ ซึ่งเกียรติศักดิ์ของความเป็นชาติที่มีวัฒนธรรมและอารยธรรมที่เจริญแล้วแต่อย่างใดไม่ การกระทำของพรรคการเมืองที่มาเล่นการเมืองกันกลางถนนนอกสภา นอกจากจะนำความทุกข์ เวทนา อาดูร มาสู่ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศแล้ว ยังได้นำความอับอายเสื่อมเสียซึ่งเกียรติยศและเกียรติภูมิของชาติชนิดที่ประชาชนส่วนใหญ่ก็ไม่อาจให้อภัยได้ การที่ ส.ส.รัฐบาลซึ่งมีหน้าที่ตามกฎหมายแต่ได้ละเว้นการทำหน้าที่ตามกฎหมาย ก็ไม่อาจอ้างถึงศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์ของตนเองได้เช่นกัน เพราะได้กระทำการอันเป็นการละเมิดต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น ไม่ดำเนินการตามกฎหมายเพื่อรักษาประโยชน์ส่วนรวม ตามหลักธรรมาภิบาลของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี และกระทำการอันเป็นการขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชนตาม ร.ธ.น.มาตรา 28 และมาตรา 74 ด้วยเช่นกัน

รัฐธรรมนูญได้บัญญัติให้กกต.เป็นผู้ควบคุมและดำเนินการจัดการเลือกตั้งสส. การดำเนินการใดๆของพรรคการเมือง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม โดยให้กกต.มีอำนาจและหน้าที่ออกประกาศหรือระเบียบ อันจำเป็นแก่การปฏิบัติตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 4 ฉบับ โดยรัฐธรรมนูญบัญญัติให้ประธานกกต.เป็นนายทะเบียนพรรคการเมือง ( ร.ธ.น.มาตรา 235 วรรคสอง ) จึงเป็นการที่รัฐธรรมนูญให้กกต.มีอำนาจหน้าที่ควบคุมการดำเนินการใดๆของพรรคการเมือง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง และผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดความสุจริตและเที่ยงธรรมตลอดช่วงเวลาของการเลือกตั้ง ( 4 ปี หรือมีการยุบสภาก่อนครบ 4 ปี )

ดังนั้นตามหลักรัฐธรรมนูญแล้ว กกต.เป็นจุดเกาะเกี่ยวเพียงจุดเดียวระหว่างพรรคการเมือง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง และผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ในระหว่างเลือกตั้งและภายหลังที่มีการเลือกตั้งไปแล้ว

และเมื่อรัฐธรรมนูญได้บัญญัติถึงสิทธิและหน้าที่ระหว่างพรรคการเมือง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง และผู้มีสิทธิเลือกตั้งไว้ โดยให้การเลือกตั้งต้องเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมประการหนึ่ง ( ร.ธ.น.มาตรา 235 , 236 ) ห้ามมิให้บุคคลใดใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะการเลือกตั้งเป็นความหมายของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ประการหนึ่ง ( ร.ธ.น.มาตรา 68 ) ในขณะเดียวกันรัฐธรรมนูญก็ได้บัญญัติให้สิทธิกับประชาชนในการต่อต้านโดยสันติวิธี ซึ่งการกระทำใดๆที่เป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองประเทศชาติโดยวิธีการที่มิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ประการหนึ่ง ( ร.ธ.น. มาตรา 69 ) และรัฐธรรมนูญได้บัญญัติให้บุคคลมีเสรีภาพในการจัดตั้งพรรคการเมืองเพื่อสร้างเจตนารมณ์ทางการเมืองของประชาชน และเพื่อดำเนินการกิจกรรมในทางการเมืองให้เป็นตามเจตนารมณ์นั้นตามวิถีทางการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การจัดตั้งองค์กรภายใน การดำเนินกิจการและข้อบังคับของพรรคการเมืองต้องสอดคล้องกับหลักพื้นฐานแห่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ประการหนึ่ง ( ร.ธ.น.มาตรา 65 ) รัฐธรรมนูญได้บัญญัติให้บุคคลมีสิทธิติดตามและร้องขอให้มีการตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ประการหนึ่ง ( ร.ธ.น. มาตรา 62 ) และรัฐธรรมนูญได้บัญญัติให้บุคคลซึ่งเป็นข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐมีหน้าที่ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย เพื่อรักษาประโยชน์ส่วนรวม อำนวยความสะดวกและให้บริการแก่ประชาชนตามหลักธรรมาภิบาลของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีอีกประการหนึ่ง และ ฯลฯ

ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญดังกล่าวในข้างต้น ย่อมจะต้องเกิดข้อขัดแย้งขึ้นระหว่างการใช้อำนาจหน้าที่ของสส.และสส.ที่ทำหน้าที่ฝ่ายบริหารซึ่งได้รับเลือกตั้ง กับประชาชนผู้เลือกตั้งได้ กกต.จึงเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งความสมดุลของอำนาจพรรคการเมือง นักการเมือง และอำนาจของประชาชน และทำหน้าที่ควบคุม ตรวจสอบพรรคการเมืองและนักการเมืองที่ทำหน้าที่แทนประชาชนได้ และไม่ถือว่าเป็นการที่กกต.ไปก้าวก่ายการใช้อำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ หรืออำนาจบริหารแต่อย่างใด เพราะอำนาจนิติบัญญัติและอำนาจบริหารนั้น ล้วนเป็นอำนาจของประชาชนผู้เลือกตั้งทั้งสิ้น กกต.เป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ในการรักษาความสมดุลของการใช้อำนาจของพรรคการเมืองและนักการเมืองในการทำหน้าที่ของนักการเมืองดังกล่าว ให้เกิดความสุจริตและเที่ยงธรรมตามเจตนารมณ์ของการเลือกตั้งได้ ตลอดระยะเวลาของการเข้าดำรงตำแหน่งเพราะการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะทำหน้าที่อยู่ในตำแหน่งใด โดยกฎหมายได้บัญญัติให้นายทะเบียนซึ่งก็คือ ประธานกกต.เป็นผู้เสียหาย รวมทั้งได้บัญญัติให้กกต.ทั้งหมดเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและกฎหมายอื่น ซึ่งก็คือเป็นผู้เสียหายมีอำนาจในการดำเนินคดีแทนประชาชนและแผ่นดินได้ทุกกรณี ที่บุคคลที่ได้รับเลือกตั้งมานั้นได้ทำผิดกฎหมาย ( ร.ธ.น. มาตรา 235 , พ.ร.บ.ฯว่าด้วยพรรคการเมืองฯ มาตรา 5 ,6 ,7 และ พ.ร.บ.ฯ ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้งฯ มาตรา 21 )

เมื่อรัฐธรรมนูญบัญญัติให้พรรคการเมืองต้องส่งสมาชิกเข้าเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ( ร.ธ.น. มาตรา 103 ) และรัฐธรรมนูญได้บัญญัติบังคับให้ประชาชนต้องไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ( ร.ธ.น.มาตรา 72 ) กกต.ซึ่งเป็นองค์กรของรัฐตามรัฐธรรมนูญเป็นผู้มีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญโดยในการจัดทำการเลือกตั้งนั้น จะต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 26 โดยจะต้องคำนึงถึงศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์ของผู้สมัครรับเลือกตั้ง เพื่อให้การเลือกตั้งนั้นเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมสำหรับผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยผู้สมัครรับเลือกตั้งนั้นจะต้องเป็นบุคคลที่มีศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์ และสามารถอ้างศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์ของตนเองได้ โดยจะต้องไม่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น ไม่กระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐธรรมนูญ หรือไม่กระทำการที่ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน บุคคลที่ได้กระทำความผิดทางอาญาร้ายแรงและกำลังถูกดำเนินคดีอาญา ในข้อหาร้ายแรงเป็นผู้ก่อการร้าย ก่อการจลาจล กระทำละเมิดต่อบุคคลอื่นโดยการเผาอาคารร้านค้า ก่อเหตุร้ายให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ต่อประชาคมโลก แม้รัฐธรรมนูญจะสันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด ก็เป็นข้อสันนิษฐานสำหรับความรับผิดในการกระทำความผิดที่มีโทษทางอาญาเท่านั้น หาได้เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งที่จะต้องเลือกคนดีมาเป็นผู้ปกครองไม่ เพราะผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งต้องมีหลักประกันในสิทธิขั้นพื้นฐานที่สามารถเลือกคนดี มีศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์มาเป็นผู้ปกครองตนเองได้ การเลือกตั้งจึงจะสุจริตและเที่ยงธรรม ทั้งการเลือกตั้งเป็นการเลือกตั้งเพื่อให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งได้มาซึ่งอำนาจการปกครองประเทศนั้น ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญยิ่งของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญจึงได้บัญญัติให้กกต.ในฐานะเป็นองค์กรของรัฐเป็นผู้ใช้อำนาจในการจัดการเลือกตั้งต้องคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งที่จะต้องมีโอกาสได้เลือกบุคคลที่ดี มีศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์มาเป็นผู้ปกครองตนเองได้ โดยบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 26 ว่า “ การใช้อำนาจโดยองค์กรของรัฐทุกองค์กรต้องคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิและเสรีภาพตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ ” และรัฐธรรมนูญมาตรา 72 บัญญัติว่า “ บุคคลมีหน้าที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ” เมื่อการเลือกตั้งครั้งนี้กกต.ได้ดำเนินการจัดการเลือกตั้ง โดยไม่ได้คำนึงถึงศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์ของผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งที่ถูกบังคับให้ต้องไปเลือกตั้ง โดยกกต.ไม่มีมาตรการให้พรรคการเมืองเลือกคนดีมีศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์มาให้ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งได้เลือกตั้งคนดีได้แล้ว จึงเป็นการเลือกตั้งที่ไม่เป็นตามครรลองของระบอบประชาธิปไตยและไม่สุจริตเที่ยงธรรม เพราะคนที่เข้ามาสมัครรับเลือกตั้งเป็นคนที่ก่อให้เกิดเหตุเกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองเป็นผู้กระทำความผิดอาญา ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฏเป็นที่เห็นกันโดยประจักษ์ไปทั่วโลก จึงเท่ากับเป็นการบังคับให้ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งเลือกอาชญากรหรือผู้กระทำความผิดอาญามาเป็นผู้ปกครองตนเอง และเหตุการณ์จลาจลที่เกิดขึ้นนั้นก็เป็นการแย่งชิงอำนาจการปกครองกันระหว่างพรรคการเมืองฝ่ายค้านและพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล การเลือกตั้งครั้งนี้ก็เป็นการเลือกตั้งเพื่อแย่งชิงอำนาจการปกครองกัน ไม่ใช่เป็นการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยที่จะแข่งขันอาสามารับใช้ประชาชนแต่อย่างใด ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเป็นที่ประจักษ์ต่อชาวโลกนั้น กกต.จะต้องตระหนักเป็นอย่างดีว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ จะต้องเดิมพันกันด้วยชีวิตและทรัพย์สินเงินทองเป็นหมื่นเป็นแสนล้าน ซึ่งต้องมีการซื้อเสียงกันอย่างมโหฬาร และมีการใช้ความรุนแรง เข่นฆ่ากันซึ่งก็ได้เกิดขึ้นแล้ว โดยกกต.ไม่ได้มีมาตรการที่จะให้พรรคการเมืองขจัดคนไม่ดี ไม่ให้มามีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไว้เลย แต่พรรคการเมืองกลับได้กระทำการส่งเสริมคนไม่ดี คนที่เลวกว่า คนที่ชั่วกว่า คนที่โหดร้ายกว่ามาลงเลือกตั้งทั้งสิ้น แม้พรรคการเมืองไม่สามารถนำคนที่ก่อเหตุร้ายแรงมาลงเลือกตั้งได้เพราะได้หลบหนีไป พรรคการเมืองก็เลือกเอาลูก เอาเมียของคนเหล่านั้นมาลงสมัครรับเลือกตั้งแทน ซึ่งเป็นการกระทำที่ดูถูก ดูหมิ่นและเหยียบย่ำในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งสิ้น การเลือกตั้งครั้งนี้จึงเป็นการเลือกตั้งที่ปิดกั้นสิทธิและเสรีภาพของผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง ไม่ให้มีโอกาสเลือกคนดี คนที่มีศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์มาเป็นผู้ปกครองตนเอง การเลือกตั้งจึงไม่สุจริตและเที่ยงธรรม และเป็นการเลือกเพื่อให้คนไม่ดี ไม่มีศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์มามีอำนาจในการปกครองประเทศ อันเป็นการเลือกตั้งการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และไม่สอดคล้องกับหลักพื้นฐานการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามที่บัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด อันเป็นการขัดต่อหลักรัฐธรรมนูญและฝ่าฝืนต่อรัฐธรรมนูญตามนัยมาตรา 26, 28 , 68 ,69 ,72 อันจะทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ

การเลือกตั้งครั้งนี้จึงมีเสียงครหาของการซื้อเสียงไปทั่วประเทศด้วยราคาที่สูง จนคนยากจนไม่อาจจะอดทนที่จะรักษาศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์ที่จะไม่รับเงินเพื่อขายสิทธิ ขายเสียงต่อไปได้ เป็นการเลือกตั้งที่มีการโฆษณาชวนเชื่อ โดยสัญญาจะให้เพื่อแลกกับการลงคะแนนเสียงโดยปิดประกาศโฆษณาเต็มไปทั่วบ้านทั่วเมือง มีการประกาศของผู้สมัครรับเลือกตั้งที่แสดงว่าเป็นเพียงตัวแทนเชิดของผู้อื่น ซึ่งปรากฏหลักฐานอย่างชัดเจนว่า เป็นการเลือกตั้งที่ไม่เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ อันเป็นการเลือกตั้งที่ไม่สุจริตและเที่ยงธรรม

จนอาจคาดคิดได้ว่าหลังจากการเลือกตั้งแล้ว ประเทศไทยอาจเกิดการจลาจลจนเป็นสงครามทั้งภายในและภายนอกประเทศอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ หรืออาจจะเกิดระบบเผด็จการ การสืบทอดอำนาจโดยการเลือกตั้งต่อไปได้อีกกาลนาน

ไม่มีใครจะดับไฟต้นเหตุแห่งความหายนะของประเทศได้นอกจาก กกต. เท่านั้น

28 / มิ.ย./54
กำลังโหลดความคิดเห็น