xs
xsm
sm
md
lg

“ปานเทพ” ยัน กม.ชัด “โหวตโน” เป็นคะแนน ย้ำขอชนะ 26 เขตหยุดระบอบทักษิณ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
โฆษกพันธมิตรฯ ซัดพวกวิจารณ์โหวตโนไร้ผลเข้าใจคลาดเคลื่อน ยันกฎหมายระบุชัดถือเป็นคะแนน ย้ำขอชนะ 26 เขตป้องกันเปิดสภาฯ หยุดระบอบทักษิณ “ประพันธ์” สับพวกบิดเบือน ซัด “เจิมศักดิ์-แก้วสรร” ลิ่วล้อประชาธิปัตย์ “จำลอง” รับพรรคมวลชนทำยากเหตุฝ่ากระสุนซื้อเสียงไม่ได้ พร้อมเปิดตัวป้ายโหวตโนใหม่บ่าย 2 วันนี้


 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ให้สัมภาษณ์  

วันนี้ (23 มิ.ย.) ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีที่มีนักกฎหมายและนักวิชาการหลายคนออกมาแสดงความคิดเห็นว่าการกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน หรือโหวตโน ไม่มีผลในทางกฎหมายว่า จากที่ได้ตรวจสอบพบว่าเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของผู้ที่ออกมาแสดงความเห็น ที่มุ่งเน้นเฉพาะในส่วนของมาตรา 88 ของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. ซึ่งมาตรานี้ใช้เฉพาะกรณีที่มีผู้สมัครเพียงคนเดียว แต่สิ่งที่เราพยายามพูดถึงนั้นคือ มาตรา 89 ที่ระบุว่า ภายใต้บังคับมาตรา 88 ในการเลือกตั้ง ส.ส.ให้ผู้สมัครซึ่งได้คะแนนมากที่สุดเป็นผู้ได้รับการเลือกตั้ง ตรงนี้ระบุชัดเจนพูดถึงกรณีที่มีผู้สมัครหลายคน และให้ผู้ที่ได้รับคะแนนมากที่สุดเป็นผู้ได้รับการเลือกตั้ง แต่ก็ได้เริ่มต้นด้วยประโยคว่าภายใต้บังคับมาตรา 88 หมายความว่าบทบัญญัติในมาตรา 88 ที่ได้กล่าวไว้ด้วยว่าผู้ชนะต้องได้คะแนนมากกว่าคะแนนโหวตโนด้วย เพราะหากเจตนาต้องการให้มาตรา 89 หมายถึงใครก็ได้ที่ได้คะแนนสูงสุดเป็นผู้ชนะ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องมีข้อความว่า ภายใต้บังคับมาตรา 88 เลย สามารถเขียนไว้ได้เลยว่า ในกรณีที่มีผู้สมัครหลายคนเกินกว่าจำนวนผู้ที่ได้เป็น ส.ส.ให้ผู้สมัครที่ได้รับคะแนนสูงสุดได้รับการเลือกตั้งได้เลย

ส่วนกรณีที่นายแก้วสรร อติโพธิ และนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง รวมถึงนักวิชาการอีกหลายคน ที่ระบุว่าบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนนถือเทียบเท่าสถานภาพบัตรเสียไม่มีคุณค่านั้น นายปานเทพกล่าวว่า ในมาตรา 82 ของกฎหมายฉบับเดียวกันระบุว่า ให้มีการนับคะแนนบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนนและให้มีการประกาศด้วย ส่วนบัตรเสียให้แยกไว้และไม่นับเป็นคะแนน เห็นได้ชัดว่า กฎหมายระบุชัดเจนให้นับคะแนนบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนนด้วย ดังนั้น เมื่อบวกกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 127 ที่ต้องมีการเปิดสภาฯ ภายใน 30 วันนับจากวันเลือกตั้ง และมาตรา 93 ที่ระบุว่าอย่างน้อยต้องมี ส.ส. 95 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปถึงจะเปิดประชุมสภาฯ ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ หากมีประชาชนเพียง 26 เขตลงคะแนนให้โหวตโนเป็นอันดับที่ 1 ก็จะเข้าเกณฑ์การเลือกตั้งในพื้นที่นั้นเป็นโมฆะ เท่ากับว่าการประชุมสภาฯ เกิดขึ้นไม่ได้ และเป็นการหยุดระบอบทักษิณไปโดยปริยาย จากที่ล่าสุดพรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำในทุกการสำรวจ หรือเป็นรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์สามารถพลิกขั้วกลับมาตั้งรัฐบาลได้ ประชาชนก็สามารถยับยั้งด้วยเสียงโหวตโนนี้ได้ว่า หากจะกลับมาเป็นรัฐบาล ต้องแนวทางยับยั้งปัญหาต่างๆ ไม่ว่าการจัดการคนเสื้อแดง การจัดการขบวนการจาบจ้วงสถาบัน หรือการปฏิรูปการเมือง ก่อนที่ประชาชนจะตัดสินใจเลือกหรือไม่เลือกใคร

“แสดงว่าตอนนี้เราสามารถนำคะแนนอย่างน้อย 26 เขตเป็นอำนาจต่อรองของประชาชนโดยนิตินัยได้แล้ว แทนที่จะปล่อยให้นักการเมืองต่อรองผลประโยชน์กัน เพียงเท่านี้ก็สามารถหยุดระบอบทักษิณได้ ไม่ต้องมีการประท้วง ชุมนุม หรือการนองเลือด ถือเป็นหนทางเดียวที่ทำได้ในขณะนี้” นายปานเทพกล่าว

ด้าน นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักร กล่าวเพิ่มเติมว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า เหตุใดนักวิชาการหรือนักกฎหมายบางคนจึงพยายามออกมาโจมตีและวิพากษ์วิจารณ์ หรือให้ข้อมูลที่บิดเบือนต่อการโหวตโน ซึ่งเชื่อได้ว่าเป็นเพราะการที่ประชาชนจำนวนมากจะโหวตโนนั้น ส่งผลกระทบต่อพรรคการเมืองบางพรรคอย่างรุนแรง เนื่องจากคะแนนโหวตโนมีผลในทางกฎหมายตามรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นที่แน่ชัดว่า นายเจิมศักดิ์ นายแก้วสรร มีความโน้มเอียงให้การสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายประพันธ์ คูณมี ให้สัมษาณ์  

“เป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่บุคคลระดับนี้มาวิพากษ์วิจารณ์การเคลื่อนไหวของภาคประชาชนโดยอคติ ไม่เป็นไปตามหลักของกฎหมาย ทั้งที่น่าจะมีบทบาทให้ความรู้ที่ถูกต้องต่อประชาชน” นายประพันธ์กล่าว

ขณะที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวโต้แย้งข้อคิดเห็นของนายแก้วสรรที่ว่า หากมีคะแนนโหวตโนมากแค่ไหนก็ไม่สามารถนำไปสู่การปฏิรูปการเมืองได้ แต่ต้องตั้งพรรคการเมืองในลักษณะพรรคมวลชนขึ้นมาว่า ขอยืนยันว่า ที่ผ่านมาตนได้ดำเนินแนวทางดังกล่าวมาแล้ว โดยพรรคที่เป็นพรรคมวลชนอย่างแท้จริงที่ไม่ได้เป็นของนายทุนเกิดขึ้นได้ยาก แต่ตนก็ได้ทำมาแล้วเมื่อสมัยพรรคพลังธรรมตั้งแต่ปี 31 และในปี 35 ที่ได้รับเลือกตั้งถึง 47 คนจาก ส.ส.ทั้งสภาฯ ที่มีอยู่เพียง 200 กว่าคนเท่านั้น แต่ที่สุดแล้วก็ไม่สามารถเติบโตได้เป็นได้แค่พรรคขนาดกลาง ฝ่าด่านการซื้อเสียงของพรรคการเมืองอื่นไม่ได้ จนมาถึงวันนี้ก็ยังเห็นว่าไม่สามารถตั้งพรรคแบบนั้นได้อีก จึงไม่เห็นทางที่จะปฏิรูปการเมืองโดยพรรคการเมืองได้ แต่เรื่องการรณรงค์ให้ประชาชนไปกากบาทในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนมากๆ นั้น เรายังไม่เคยทำมาก่อน และมีโอกาสที่จะสำเร็จอีกด้วย

ทั้งนี้ ในเวลา 14.00 น. ที่บ้านพระอาทิตย์ พันธมิตรฯ และพรรคเพื่อฟ้าดิน จะมีการแถลงข่าวเปิดตัวป้ายหาเสียงโหวตโนชุดสุดท้ายที่จะใช้ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งจะเป็นป้ายข้อความให้ข้อเท็จจริงต่อประชาชนเพื่อให้ตัดสินใจร่วมในการโหวตโน
กำลังโหลดความคิดเห็น