ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้(21 มิ.ย) ที่ศูนย์อำนวยการและประสานงานการเลือกตั้งส.ส.สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ห้อง 502 กกต.ทั้ง 3 คน ประกอบไปด้วยนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคกาารเมือง และนายวิสุทธิ์ โพธิแท่น กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม ได้ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังจากที่กลับมาจากประเทศเดนมาร์ก ก่อนการประชุมกกต.ซึ่งได้นำเอกสารเชิญจากกระทรวงการต่างประเทศและกำหนดการการเดินทางมายืนยันต่อสื่อมวลชนด้วย ขณะที่นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง ซึ่งเดินทางไปนครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ไม่ได้มาแถลงข่าวร่วมด้วยแต่จะไปให้สัมภาษณ์ภายหลังที่เดินทางไปยังอิมแพคเมืองทองธานี ในช่วงบ่าย
นายอภิชาต แถลงว่า พวกตนเดินทางไปสังเกตการณ์การเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรในครั้งนี้ โดยจะใช้เวลาการไปให้น้อยที่สุด เมื่อไปถึงทางเอกอัครราชทูตไทยประจำเดนมาร์ก ซึ่งรับผิดชอบทางไอซ์แลนด์ก็ได้บินไปต้อนรับพวกตนด้วย ทั้งนี้เหตุที่ต้องไปนั้นถ้าไปก่อนหน้านี้ก็ไม่มีอะไรนอกจากประชุมเตรียมการเท่านั้น แต่เราไปเพื่อดูของจริง ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศโดยกรมการกงสุลรับผิดชอบรับงบประมาณจากกกต.ไป 45 ล้านบาทเพื่อช่วยกกต.จัดการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรเราต้องไปดูว่าจะคุ้มค่าหรือไม่
“การไปครั้งนี้ถือเป็นประโยชน์มาก พวกตนตั้งใจเต็มที่จะใหเสียเวลาการทำงานน้อยที่สุด โดยให้นำวาระการประชุมกกต.ของวันที่17 มิ.ย.ไปร่วมกับการประชุมเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ซึ่งก็ได้มีการประชุมกันจนค่ำแล้ว เราพยายามทุกอย่างไม่ให้เสียหายต่อการประชุมกกต.และก็ได้ตรวจสอบแล้วว่าไม่มีอะไรเร่งด่วนที่ต้องประชุมในช่วงที่เราไปต่างประเทศ เมื่อลงเครื่องบินในวันนี้ (21 มิ.ย.) ก็เดินทางมาเพื่อเข้าประชุมกกต.ทันที ที่มีข่าวออกไปว่าจะไม่มีการเลือกตั้งนั้น ไม่เคยมีความคิดเรื่องนี้ในพวกเรา และเราก็ไม่เคยไปพบใครนอกจากท่านทูตที่เกี่ยวข้อง "นายอภิชาต กล่าวและว่าการให้รองเลขาธิการไปหรือให้เจ้าหน้าที่ไปก็คงไม่เหมือนกับการไปเห็นด้วยตาของตัวเอง และพวกตนมีหน้าที่คุมนโยบาย ต้องตัดสินว่าการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรมีปัญหาอุปสรรคอย่างไรควรจะมีการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรต่อไปหรือไม่”นายอภิชาต กล่าว
นายอภิชาต ยังกล่าวอีกว่า การเลือกตั้งในต่างประเทศได้รับความสนใจมากขึ้นอย่างครั้งนี้กฎหมายให้มีการลงทะเบียนซึ่งคนลงทะเบียนก็มากกว่าครั้งก่อนแสดงว่าคนไทยในต่างประเทศก็สนใจเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทำเพื่อประเทศชาติ ตนดีใจและภูมิใจ ที่ไปครั้งนี้ได้พบสุภาพสตรีที่สวมเสื้อแดงมาเลือกตั้งที่สถานทูตไทยประจำเดนมาร์กและได้พูดคุยกันให้ที่อยู่กับตนด้วย ถ้ามีอะไรต้องพูดให้เข้าใจเพราะเป็นหน้าที่กกต. ตนก็เข้าใจเรื่องความคิดที่แตกต่างเป็นเรื่องของท่านเป็นสิทธิของท่านจะเลือกใครก็ได้ แต่กกต.จะจัดการเลือกตั้งให้ตรงไปตรงมาที่สุดในสายตาที่จ้องเราอยู่ทั้งโลก
“กกต.ยืนยันว่า จะไม่มีการไปเอนเอียงสนับสนุนทางฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทั้งสิ้นเราขอเป็นกรรมการที่ตรงที่สุดในสนามแข่งขัน ว่า การไปครั้งนี้เป็นการไปทำงานไม่ได้มีบริษัททัวร์ใดมาเกี่ยวข้องและไม่ได้ไปเที่ยวเป็นการทำงานนอกราชอาณาจักร ยืนยันไม่ได้ไปเที่ยวแต่ไปทำงาน”นายอภิชาตกล่าว
ด้านนางสดศรี แถลงชี้แจงว่า ที่ต้องมาแถลงในครั้งนี้ก็คิดอยู่ว่า มาแถลงในฐานะจำเลย หรือในฐานะกกต. แต่การไปครั้งนี้ขอยืนยันว่าเป็นการไปโดยการเชิญของกระทรวงการต่างประเทศ ในส่วนของกรมการกงสุล เป็นเจ้าภาพ ในฐานะที่ดูแลรับผิดชอบการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ที่กกต.ได้ให้งบประมาณไปดำเินินการ และการไปของกกต.ก็เป็นไปแขกของกรมการกงสุล ที่เชิญเราไปพร้อมกับสำนักงบประมาณ อีก 2 คน เพื่อไปดูเรื่องการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรว่า มีการใช้งบประมาณกันคุ้มค่าหรือไม่ และในอนาคตจะต้องจัดให้มีหรือไม่
นาสดศรี กล่าวอีกว่า การเชิญของกระทรวงการต่างประเทศครั้งนี้เป็นการเชิญเพื่อไปดูปัญหาเกี่ยวกับการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร รวม 5 คณะ ซึ่งคณะที่ไปเดนมาร์กและไอซ์แลนด์ ตามกำหนดการตามคำเชิญมีรายชื่อประกอบด้วย ตน นายอภิชาต และนายวิสุทธิ์ ส่วนคณะทีเ่ดินทางไปนครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ประกอบด้วย นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงารเลือกตั้ง และนายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านการสืบสวนสอบสวนฯ แต่นายสมชัยไม่ได้เดินทางไปด้วย โดยให้เหตุผลว่าติดภารกิจ ส่วนอีก 3 คณะจะเป็นชุดของเจ้าที่ระดับรองเลขาธิการ และผู้อำนวยการสำนักต่างๆ ซึ่งมีหลักฐานเป็นหลังสือเชิญจากกระทรวงการต่างประเทศอย่างชัดเจน และในปี 50 ทางกระทรวงการต่างประเทศก็เชิญมาแต่กกต.ไม่ได้ไป เพราะขณะนั้นเป็นเหตุการณ์ไ่ม่ปกติและเป็นมีความเร่งด่วน จึงได้มอบหมายให้เ้จ้าหน้าที่ไปแทน
“การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางไปทำงานจริงๆ ไม่ได้นั่งเครื่องบินครึ่งค่อนวัน เพื่อไปเที่ยวเล่นและการไปครั้งนี้ก็ได้เห็นกับตาตนเองว่าการเลือกตั้งล่วงหน้านอกราชอาณาจักร เป็นอย่างไร มีปัญหาอย่างไรบ้างจะแตกต่างจากการให้เจ้าหน้าที่ไปดูแล้วมารายงานให้รับทราบ หรือการรับฟังจากเจ้าหน้าที่กรมการกงสุลก็ไม่อาจไม่กล้ารายงานตามความเป็นจริง และคุ้มค่ากับเงินที่เราจัดให้มีการเลือกตั้งหรือไม่ ไม่ใช่ว่ามีงบประมาณแล้วพวกเราจะไปผลาญกัน เรื่องอย่างนี้ไม่มีในหัวสมองของเราเลย ” นางสดศรี กล่าว
นางสดศรี กล่าวอีกด้วยว่า ส่วนที่มีกระแสข่าวออกมาว่า พวกเราไปเพื่อเป็นการซ่องสุม หรือเพื่อล้มการเลือกตั้งนั้น ตนเห็นว่า กกต.ไม่มีเหตุผลที่จะไปล้มการเลือกตั้ง หากกกต.จะล้มการเลือกตั้งจริง ไม่ต้องถ่อสังขารไปถึงเมืองนอก ถ้าจะล้มเลือกตั้งก็สามารถทำที่ไหนก็ได้ ในประเทศเราก็ทำได้ ส่วนที่มีกระแสข่าวออกมาอีกว่าไปพบการเมืองด้วยนั้น ขอปฏิเสธว่าไม่มีเลยหากใครเห็นก็ขอพิสูจน์ได้
“เพราะฉะนั้นขอเตือนว่าอย่ามาใส่ร้ายกกต. หากใส่ร้ายกกต.ก็สามารถตอบโต้ได้ทุกเรื่องเพราะเรามีเหตุแลผลพิสูจน์ได้ว่า เราไม่มีความคิดให้การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องล้มเลิกไป แม้หลายฝ่ายจะีมีตวามพยายามไม่ให้มีการจัดการเลือกตั้ง เว้นแต่เกิดอุบัติเหตุเสียก่อน เรื่องในอนาคตเราไม่รู้ แต่ขอยืนยันว่าไม่มีอะไรมาทำให้เราล้มเลือกตั้งได้” นางสดศรี กล่าว
**“วิสุทธิ์” ยัน เลือกตั้งเกิดแน่ ไม่มีอะไรขวางได้
ด้านนายวิสฺทธิ์ โพธิแท่น กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วมฯ กล่าวว่า การเดินทางไปสังเกตการณ์การเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ กกต. ได้พบกับคนไทยที่อยู่ในต่างแดน เพราะหากความเป็นจริง กลุ่มคนเหล่านี้ ถ้าอยู่ในประเทศไทยจะไม่มีโอกาสได้เจอพวกเราแน่ ซึ่งการไปสังเกตการณ์ครั้งนี้ ทำให้กกต.ได้ทราบถึงข้อดี ข้อเสียของการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร อีกทั้งยังเห็นถึงความตื่นตัวของคนไทยในต่างประเทศที่มีสิทธิเลือกตั้ง ที่เห็นความสำคัญของการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่ยังมีคนไทยบางส่วนที่ยังติดปัญหาในเรื่องของการลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้านอกราชอาณาจักร เนื่องจากเข้าใจว่าไม่จำเป็นต้องมาลงทะเบียนเหมือนการเลือกตั้งครั้งก่อนๆ แต่กกต. ก็ไม่ได้โทษใคร เพราะเข้าใจว่าเป็นความเคยชิน จึงเกิดข้อผิดพลาดขึ้นได้ แม้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งบางส่วนจะผิดหวัง ที่พลาดโอกาสใช้สิทธิเลือกตั้ง ทั้งนี้ ยืนยันว่า การเดินทางไปสังเกตการณ์ครั้งนี้ กกต.ไม่ได้ทำให้เสียงานตามที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตไว้แต่อย่างใด
ขณะที่นายวิสุทธิ กล่าวแถลงเพิ่มเติมด้วยว่า จากกรณีที่หลายฝ่าย ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าการเดินทางไปดูงานของกกต. ทั้ง 4 คนครั้งนี้ ไม่เหมาะสมนั้น เข้าใจว่าทุกคนต่างมีความคิดเห็นแตกต่างกัน แต่อย่างไรก็ตาม ทุกคนควรที่จะรู้รักสามัคคี เพื่อประเทศชาติ กกต. ขอให้ความมั่นใจว่าจะทำหน้าที่จัดการเลือกตั้งด้วยความตรงไปตรงมาและยุติธรรม
“ยืนยันว่าการเลือกตั้งต้องเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน ไม่มีสิ่งใดที่จะมาล้มการเลือกตั้งได้ เพราะสิ่งที่จะล้มการเลือกตั้งได้คืออำนาจพิเศษ และการไม่มีกกต. ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะไม่มีการเลือกตั้ง แค่การที่กกต.ไปดูงานต่างประเทศ แล้วจะส่งผลให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ไม่มีกฎหมายข้อใดระบุไว้ แม้กกต.จะเหลือเพียง 3 คนการเลือกตั้งก็ยังคงเกิดได้ หรือมีกกต.ไม่ครบ 5 คน ก็ต้องทำการสรรหาเข้ามาใหม่ภายใน 60 วัน ดังนั้นการเลือกตั้งก็จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ไม่มีปัญหาอะไรมาขัดขวางได้” นายวิสุทธิ์ กล่าว
**“สดศรี” ฉุนท้า ยุบกกต.ทิ้ง โยน “มท.-ทหาร”
รายงานแจ้งว่า ก่อนที่จะมีการแถลงข่าว นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ เปิดเผยภายหลังเดินทางกลับมาจากกรุงโคเปนเฮเกน ราชอาณาจักรเดนมาร์กด้วยสภาพที่อิดโรย ก่อนที่กกต.ทั้ง 3 คนจะตกลงกันว่าเปิดแถลงข่าวร่วมกัน ว่า จากกระแสข่าวที่กกต.ถูกหลายฝ่ายออกมาโจมตี หลังกกต. 4 คนเดินทางไปสังเกตการณ์การเลือกตั้งล่วงหน้านอกราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ 16-21มิ.ย.ว่า รู้สึกแปลกใจว่าทำไมต้องมาโจมตีกัน เพราะกกต.ทุกคนไปทำงานไมได้ไปเที่ยว และไม่ได้ไปนัดพบใคร หรือเตรียมการล้มการเลือกตั้ง ไม่เข้าใจว่าทำไมทุกฝ่ายไม่ไว้ใจกกต. และการไปเราก็ถามถึงภารกิจเร่งด่วนของทุกด้านแล้วไม่มีอะไร หากมีก็ำพร้อมกับมาทันที
“หากเป็นอย่างนี้กกต.ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร อย่างที่เคยบอกไปว่าถ้า ไม่พอใจกกต. หลังเลือกตั้งมีได้ส.ส.มีสภาผู้แทนราษฎรแล้วก็ให้เอากกต.ชุดนี้ออกไปเลยและยุบกกต.ไปเลย พร้อมกับไปแก้กฎหมาย เพื่อให้การจัดการเลือกตั้งกลับไปอยู่ที่มหาดไทยอย่างเดิม เพราะจัดแล้วไม่มีปัญหา หรือไม่จะให้ทหารจัดการเลือกตั้งก็ได้ กกต.ไม่ได้ยึดติด หรือจะยุบองค์กรนี้ไปเลยก็ไม่มีปัญหาใดๆ เพราะหากเห็นว่าตอนนี้ปัญหามากเหลือเกิน ขอให้ระวังตอนนี้อะไรมันก็ไม่แน่เดียวอีกหน่อยทหารเข้ามาจัดและคุมการเลือกตั้งแล้วจะเป็นอย่างไร ”นายสดศรี กล่าว
เมื่อถามว่า การไปครั้งนี้มีข่าวว่ากกต.ทั้ง 3 คน มีการจัดการให้ไปพบนักการเมืองจริงหรือไม่ นางสดศรี กล่าวต่อว่า ในช่วงของการเดินทางไปยังราชอาณาจักรเดนมาร์ก ในช่วงวันสุดท้ายทางสถานทูตไทยประจำราชอาณาจักรเดนมาร์กก็จะมีการเลี้ยงส่ง แต่ประจอบเหมาะกับช่วงนักการเมืองคนหนึ่งในฝั่งรัฐบาลได้เดินทางไปยังประเทศนั้นพอดี และทางสถานทูตก็ตั้งใจจัดงานเลี้ยงพร้อมกันกับคณะกกต. และนักการเมืองคนดังกล่าว แต่เมื่อกกต.ทราบก็ตอบปฏิเสธว่าหากมีนักการเมืองอยู่ในงานเลี้ยงจะเป็นเรื่องไม่เหมาะสม และยืนคำขาดไปว่า ถ้ามีนักการเมืองในงานเลี้ยงก็จะไม่มีกกต.ไปร่วมงาน ทำให้เอกอัครราชทูตจึงตัดสินใจเลี้ยงเฉพาะคณะกกต.เท่านั้น ไม่ได้นักการเมืองคนนั้นมาเกี่ยวข้อง
**"ประพันธ์" ปัดพบมือที่มองไม่เห็น
นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเดินทางไปดูการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรว่า เป็นการเดินทางไปตรวจเยี่ยมการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ตามที่ได้รับคำเชิญจากกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งได้เดินทางไปยังลอสแองเจอลิส สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีผู้ลงทะเบียนเลือกตั้งสูงถึง 8,000 กว่าคน ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 80% ซึ่งในครั้งนี้มีผู้ข้อใช้สิทธินอกราชอาณาจักรสูงถึง 1.4 แสนคน และเป็นการไปตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติการ และได้รับเสียงสะท้อนจากผู้ที่มาใช้สิทธิเลือกตั้งด้วย เพราะหลายคนพูดตรงกันว่าทุกพรรคการเมือง ไม่มีนโยบายที่จะดูแลคนที่อยู่ต่างประเทศ จึงไม่รู้ว่าจะเลือกใคร เพราะไม่มีพรรคไหนโดนใจประชาชน
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าการเดินทางไปในครั้งนี้ มีมือที่มองไม่เห็นให้เดินทางไปพบเพื่อล้มเลิกการเลือกตั้ง นายประพันธ์กล่าวว่า ไม่มี ตนเดินทางไปพบคนไทยไม่มีมือที่มองไม่เห็น เพราะตอนนี้ทุกคนต้องการให้การเลือกตั้งเรียบร้อย และเป็นไปอย่างสมานฉันท์
** “อภิชาต”รอฟัน “เสื้อแดง” ป่วน“มาร์ค”
นายอภิชาต กล่าวถึงกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงเข้าไปขัดขวางการหาเสียงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ถ้าหากมีการไปยกป้ายชู ระหว่างที่นายอภิสิืทธิ์ ไปหาเสียง ซึ่งเรื่องดังกล่าวต้องพิจารณาเหตุการณ์เป็นเหตุการณ์ไปว่าจะถึงเป็นการขัดขวางหรือไม่ซึ่งจะต้องพิจารณากันทั้ง 5 กกต.แต่จะต้องรอให้มีข้อเท็จจริงเข้ามากกต.ก่อน
เมื่อถามว่าถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์จะไปจัดปราศรัยที่ราชประสงค์ในวันที่ 23 มิ.ย. นี้นั้น นายอภิชาต กล่าวว่า ถือเป็นสิทธิของพรรคประชาธิปัตย์ใครจะปราศรัยก็ให้อยู่ในขอบเขต และขณะนี้ก็มีพันธะสัญญาของพรรคการเมืองว่าด้วยความร่วมมือในการเลือกตั้งส.ส.พ.ศ.2554 ซึ่งหลายพรรคก็ได้ร่วมลงนามซึ่งเป็นการแสดงออกให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปด้วยดีไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง ดังนั้นถ้าจะไปยุบพรรคการเมืองใดกกต.ก็ต้องระมัดระวังเต็มที่ให้มีข้อเท็จจริงเข้ามาก่อน
“อย่างเช่นก่อนหน้านี้นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ยังเคยออกมาระบุว่า ตนจะให้ใบแดง (เพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง) ผู้สมัครพรรคการเมืองหนึ่ง ในจ.บุรีรัมย์ โดยไม่สืบสวนนั้น เป็นเรื่องเข้าใจผิดของกกต.ด้วยกัน แต่การทำงานครั้งนี้ก็ได้รับความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดียิ่งกว่าครั้งใดในประวัติศาสตร์ และในจังหวัดหนึ่งในภาคอีสานตำรวจก็ทำงานได่เป็นอย่างดีรวดเร็วทันควัน ได้พบความผิดซึ่งได้มีการถ่ายวีดีโอมาให้กับกกต.ได้ดูเห็นหน้าคนแจกเงิน ซึ่งต่างกับเรื่องที่จ.ศรีสะเกษ ที่กกต.ยังดูแล้วยังคลุมเครืออยู่ ซึ่งเราก็อยากจะได้ข้อเท็จจริงให้ชัด แต่ถ้ามีสำนวนมามีการสอบตามกระบวนการกกต.ก็จะให้ใบแดงได้” นายอภิชาต กล่าว และว่ากรณีดังกล่าวตนเพียงนำเข้าที่ประชุมเพื่อให้กกต.ทราบว่าตำรวจที่ช่วยกกต.ไปเห็นการซื้อเสียงแล้วโดยแจ้งมาให้กกต.ดำเนินการทำให้ตนจึงนำเข้าที่ประชุมกกต.และให้กกต.จังหวัดทำการสืบสวนตามระเบียบ
ด้านนายวิสุทธิ์ โพธิแท่น กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม กล่าวว่า คนไทยมีสิทธิเสรีภาพในการใส่เสื้อสีไหน ซึ่งหากเห็นว่าเป็นความผิดซึ่งหน้าสามารถแจ้งตำรวจจับได้ทุกคนไม่ว่าเป็นเสื้อสีไหนจะใส่เสื้อสีอะไรก็ไม่ผิดกฎหมาย เป็นสิทธิเสรีภาพ เวลากกต.จะวินิจฉัยต้องรอดูข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายให้ครบถ้วน มีบางคนบอกว่าทำไมกกต.ไม่จัดการ ต้องบอกว่ากกต.จะไปจับใครไม่ได้ต้องบอกให้ตำรวจจับ กกต.ไม่ได้ทำได้ทุกเรื่อง ทุกอย่าง เมื่อเลือกตั้งแล้วกกต.จะมีอำนาจล้นฟ้า บางที่กกต.อาจจะถูกจับก็ได้ ดังนั้นเวลาพูดอะไรเมื่อเป็นผู้ใหญ่แล้วหากใครทำผิดกฎหมายใส่เสื้อสีไหนดูหมิ่นซึ่งหน้าก่อกวนก็แจ้งให้ตำรวจดำเนินการจับกุมได้ ดังนั้นจะต้องดูเป็นเรื่องๆไปยังไม่มีข้อเท็จจริงเข้ามากกต.
“ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการเป็นประชาชนคนไทย ถ้าต้องการให้เป็นไปตามแนวทางประชาธิปไตย ทุกคนก็ต้องอดทนอดกลั้นระหว่างกัน กกต.ไม่จำเป็นต้องไปเตือน ใครเพราะโตๆ กันแล้ว จะทำอะไรก็ต้องอยู่ในขอบเขตขอบของกฎหมาย หากไม่ผิดกฎหมายก็ทำได้ทั้งนั้น”นายวิสุทธิ์ กล่าว
**กกต.โบ้ยรายชื่อลงทะเบียนผิดจังหวัด มท.ผิด
นายวิสุทธิ์ โพธิแท่น กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม กล่าวถึงกรณีที่รายชื่อของผู้ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าไปตกหล่นที่จังหวัดอื่น ไม่ใช่ที่จังหวัดตัวเองประสงค์ลงเอาไว้ ว่า การเดินทางไปสังเกตการณ์เลือกตั้งนอกราชอาณาจักรในครั้งนี้ ก็พบปัญหานี้เช่นกัน และนอกจากนี้ยังพบเห็นปัญหาข้อหนึ่ง คือ การพิมพ์รายชื่อแจ้งไปยังผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เนื่องจากระบบการพิมพ์รายชื่อของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ทางกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย รับผิดชอบดำเนินการนั้นได้จัดพิมพ์เพียงรายชื่อแบบภาษาไทย โดยไม่มีแบบภาษาอังกฤษ เมื่อทางสถานทูตปริ้นท์ออกมาปรากฎว่า ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งปัญหานี้กกต.เห็นว่าควรจะมีการหารือร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงมหาดไทย ว่า ควรจะดำเนินการอย่างไรในการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรครั้งต่อไป เพื่อให้การเลือกตั้งเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
นายอภิชาต กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า อาจเกิดความผิดพลาดจากเจ้าหน้าที่คีร์ข้อมูลเข้าเครื่องก็ได้ ซึ่งมันเป็นความผิดที่คนที่อาจพั้งเผลอไปได้ ซึี่งเรื่องเหล่านี้เราต้องมีการแก้ไขกัน
นายอภิชาต แถลงว่า พวกตนเดินทางไปสังเกตการณ์การเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรในครั้งนี้ โดยจะใช้เวลาการไปให้น้อยที่สุด เมื่อไปถึงทางเอกอัครราชทูตไทยประจำเดนมาร์ก ซึ่งรับผิดชอบทางไอซ์แลนด์ก็ได้บินไปต้อนรับพวกตนด้วย ทั้งนี้เหตุที่ต้องไปนั้นถ้าไปก่อนหน้านี้ก็ไม่มีอะไรนอกจากประชุมเตรียมการเท่านั้น แต่เราไปเพื่อดูของจริง ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศโดยกรมการกงสุลรับผิดชอบรับงบประมาณจากกกต.ไป 45 ล้านบาทเพื่อช่วยกกต.จัดการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรเราต้องไปดูว่าจะคุ้มค่าหรือไม่
“การไปครั้งนี้ถือเป็นประโยชน์มาก พวกตนตั้งใจเต็มที่จะใหเสียเวลาการทำงานน้อยที่สุด โดยให้นำวาระการประชุมกกต.ของวันที่17 มิ.ย.ไปร่วมกับการประชุมเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ซึ่งก็ได้มีการประชุมกันจนค่ำแล้ว เราพยายามทุกอย่างไม่ให้เสียหายต่อการประชุมกกต.และก็ได้ตรวจสอบแล้วว่าไม่มีอะไรเร่งด่วนที่ต้องประชุมในช่วงที่เราไปต่างประเทศ เมื่อลงเครื่องบินในวันนี้ (21 มิ.ย.) ก็เดินทางมาเพื่อเข้าประชุมกกต.ทันที ที่มีข่าวออกไปว่าจะไม่มีการเลือกตั้งนั้น ไม่เคยมีความคิดเรื่องนี้ในพวกเรา และเราก็ไม่เคยไปพบใครนอกจากท่านทูตที่เกี่ยวข้อง "นายอภิชาต กล่าวและว่าการให้รองเลขาธิการไปหรือให้เจ้าหน้าที่ไปก็คงไม่เหมือนกับการไปเห็นด้วยตาของตัวเอง และพวกตนมีหน้าที่คุมนโยบาย ต้องตัดสินว่าการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรมีปัญหาอุปสรรคอย่างไรควรจะมีการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรต่อไปหรือไม่”นายอภิชาต กล่าว
นายอภิชาต ยังกล่าวอีกว่า การเลือกตั้งในต่างประเทศได้รับความสนใจมากขึ้นอย่างครั้งนี้กฎหมายให้มีการลงทะเบียนซึ่งคนลงทะเบียนก็มากกว่าครั้งก่อนแสดงว่าคนไทยในต่างประเทศก็สนใจเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทำเพื่อประเทศชาติ ตนดีใจและภูมิใจ ที่ไปครั้งนี้ได้พบสุภาพสตรีที่สวมเสื้อแดงมาเลือกตั้งที่สถานทูตไทยประจำเดนมาร์กและได้พูดคุยกันให้ที่อยู่กับตนด้วย ถ้ามีอะไรต้องพูดให้เข้าใจเพราะเป็นหน้าที่กกต. ตนก็เข้าใจเรื่องความคิดที่แตกต่างเป็นเรื่องของท่านเป็นสิทธิของท่านจะเลือกใครก็ได้ แต่กกต.จะจัดการเลือกตั้งให้ตรงไปตรงมาที่สุดในสายตาที่จ้องเราอยู่ทั้งโลก
“กกต.ยืนยันว่า จะไม่มีการไปเอนเอียงสนับสนุนทางฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทั้งสิ้นเราขอเป็นกรรมการที่ตรงที่สุดในสนามแข่งขัน ว่า การไปครั้งนี้เป็นการไปทำงานไม่ได้มีบริษัททัวร์ใดมาเกี่ยวข้องและไม่ได้ไปเที่ยวเป็นการทำงานนอกราชอาณาจักร ยืนยันไม่ได้ไปเที่ยวแต่ไปทำงาน”นายอภิชาตกล่าว
ด้านนางสดศรี แถลงชี้แจงว่า ที่ต้องมาแถลงในครั้งนี้ก็คิดอยู่ว่า มาแถลงในฐานะจำเลย หรือในฐานะกกต. แต่การไปครั้งนี้ขอยืนยันว่าเป็นการไปโดยการเชิญของกระทรวงการต่างประเทศ ในส่วนของกรมการกงสุล เป็นเจ้าภาพ ในฐานะที่ดูแลรับผิดชอบการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ที่กกต.ได้ให้งบประมาณไปดำเินินการ และการไปของกกต.ก็เป็นไปแขกของกรมการกงสุล ที่เชิญเราไปพร้อมกับสำนักงบประมาณ อีก 2 คน เพื่อไปดูเรื่องการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรว่า มีการใช้งบประมาณกันคุ้มค่าหรือไม่ และในอนาคตจะต้องจัดให้มีหรือไม่
นาสดศรี กล่าวอีกว่า การเชิญของกระทรวงการต่างประเทศครั้งนี้เป็นการเชิญเพื่อไปดูปัญหาเกี่ยวกับการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร รวม 5 คณะ ซึ่งคณะที่ไปเดนมาร์กและไอซ์แลนด์ ตามกำหนดการตามคำเชิญมีรายชื่อประกอบด้วย ตน นายอภิชาต และนายวิสุทธิ์ ส่วนคณะทีเ่ดินทางไปนครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ประกอบด้วย นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงารเลือกตั้ง และนายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านการสืบสวนสอบสวนฯ แต่นายสมชัยไม่ได้เดินทางไปด้วย โดยให้เหตุผลว่าติดภารกิจ ส่วนอีก 3 คณะจะเป็นชุดของเจ้าที่ระดับรองเลขาธิการ และผู้อำนวยการสำนักต่างๆ ซึ่งมีหลักฐานเป็นหลังสือเชิญจากกระทรวงการต่างประเทศอย่างชัดเจน และในปี 50 ทางกระทรวงการต่างประเทศก็เชิญมาแต่กกต.ไม่ได้ไป เพราะขณะนั้นเป็นเหตุการณ์ไ่ม่ปกติและเป็นมีความเร่งด่วน จึงได้มอบหมายให้เ้จ้าหน้าที่ไปแทน
“การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางไปทำงานจริงๆ ไม่ได้นั่งเครื่องบินครึ่งค่อนวัน เพื่อไปเที่ยวเล่นและการไปครั้งนี้ก็ได้เห็นกับตาตนเองว่าการเลือกตั้งล่วงหน้านอกราชอาณาจักร เป็นอย่างไร มีปัญหาอย่างไรบ้างจะแตกต่างจากการให้เจ้าหน้าที่ไปดูแล้วมารายงานให้รับทราบ หรือการรับฟังจากเจ้าหน้าที่กรมการกงสุลก็ไม่อาจไม่กล้ารายงานตามความเป็นจริง และคุ้มค่ากับเงินที่เราจัดให้มีการเลือกตั้งหรือไม่ ไม่ใช่ว่ามีงบประมาณแล้วพวกเราจะไปผลาญกัน เรื่องอย่างนี้ไม่มีในหัวสมองของเราเลย ” นางสดศรี กล่าว
นางสดศรี กล่าวอีกด้วยว่า ส่วนที่มีกระแสข่าวออกมาว่า พวกเราไปเพื่อเป็นการซ่องสุม หรือเพื่อล้มการเลือกตั้งนั้น ตนเห็นว่า กกต.ไม่มีเหตุผลที่จะไปล้มการเลือกตั้ง หากกกต.จะล้มการเลือกตั้งจริง ไม่ต้องถ่อสังขารไปถึงเมืองนอก ถ้าจะล้มเลือกตั้งก็สามารถทำที่ไหนก็ได้ ในประเทศเราก็ทำได้ ส่วนที่มีกระแสข่าวออกมาอีกว่าไปพบการเมืองด้วยนั้น ขอปฏิเสธว่าไม่มีเลยหากใครเห็นก็ขอพิสูจน์ได้
“เพราะฉะนั้นขอเตือนว่าอย่ามาใส่ร้ายกกต. หากใส่ร้ายกกต.ก็สามารถตอบโต้ได้ทุกเรื่องเพราะเรามีเหตุแลผลพิสูจน์ได้ว่า เราไม่มีความคิดให้การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องล้มเลิกไป แม้หลายฝ่ายจะีมีตวามพยายามไม่ให้มีการจัดการเลือกตั้ง เว้นแต่เกิดอุบัติเหตุเสียก่อน เรื่องในอนาคตเราไม่รู้ แต่ขอยืนยันว่าไม่มีอะไรมาทำให้เราล้มเลือกตั้งได้” นางสดศรี กล่าว
**“วิสุทธิ์” ยัน เลือกตั้งเกิดแน่ ไม่มีอะไรขวางได้
ด้านนายวิสฺทธิ์ โพธิแท่น กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วมฯ กล่าวว่า การเดินทางไปสังเกตการณ์การเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ กกต. ได้พบกับคนไทยที่อยู่ในต่างแดน เพราะหากความเป็นจริง กลุ่มคนเหล่านี้ ถ้าอยู่ในประเทศไทยจะไม่มีโอกาสได้เจอพวกเราแน่ ซึ่งการไปสังเกตการณ์ครั้งนี้ ทำให้กกต.ได้ทราบถึงข้อดี ข้อเสียของการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร อีกทั้งยังเห็นถึงความตื่นตัวของคนไทยในต่างประเทศที่มีสิทธิเลือกตั้ง ที่เห็นความสำคัญของการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่ยังมีคนไทยบางส่วนที่ยังติดปัญหาในเรื่องของการลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้านอกราชอาณาจักร เนื่องจากเข้าใจว่าไม่จำเป็นต้องมาลงทะเบียนเหมือนการเลือกตั้งครั้งก่อนๆ แต่กกต. ก็ไม่ได้โทษใคร เพราะเข้าใจว่าเป็นความเคยชิน จึงเกิดข้อผิดพลาดขึ้นได้ แม้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งบางส่วนจะผิดหวัง ที่พลาดโอกาสใช้สิทธิเลือกตั้ง ทั้งนี้ ยืนยันว่า การเดินทางไปสังเกตการณ์ครั้งนี้ กกต.ไม่ได้ทำให้เสียงานตามที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตไว้แต่อย่างใด
ขณะที่นายวิสุทธิ กล่าวแถลงเพิ่มเติมด้วยว่า จากกรณีที่หลายฝ่าย ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าการเดินทางไปดูงานของกกต. ทั้ง 4 คนครั้งนี้ ไม่เหมาะสมนั้น เข้าใจว่าทุกคนต่างมีความคิดเห็นแตกต่างกัน แต่อย่างไรก็ตาม ทุกคนควรที่จะรู้รักสามัคคี เพื่อประเทศชาติ กกต. ขอให้ความมั่นใจว่าจะทำหน้าที่จัดการเลือกตั้งด้วยความตรงไปตรงมาและยุติธรรม
“ยืนยันว่าการเลือกตั้งต้องเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน ไม่มีสิ่งใดที่จะมาล้มการเลือกตั้งได้ เพราะสิ่งที่จะล้มการเลือกตั้งได้คืออำนาจพิเศษ และการไม่มีกกต. ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะไม่มีการเลือกตั้ง แค่การที่กกต.ไปดูงานต่างประเทศ แล้วจะส่งผลให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ไม่มีกฎหมายข้อใดระบุไว้ แม้กกต.จะเหลือเพียง 3 คนการเลือกตั้งก็ยังคงเกิดได้ หรือมีกกต.ไม่ครบ 5 คน ก็ต้องทำการสรรหาเข้ามาใหม่ภายใน 60 วัน ดังนั้นการเลือกตั้งก็จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ไม่มีปัญหาอะไรมาขัดขวางได้” นายวิสุทธิ์ กล่าว
**“สดศรี” ฉุนท้า ยุบกกต.ทิ้ง โยน “มท.-ทหาร”
รายงานแจ้งว่า ก่อนที่จะมีการแถลงข่าว นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ เปิดเผยภายหลังเดินทางกลับมาจากกรุงโคเปนเฮเกน ราชอาณาจักรเดนมาร์กด้วยสภาพที่อิดโรย ก่อนที่กกต.ทั้ง 3 คนจะตกลงกันว่าเปิดแถลงข่าวร่วมกัน ว่า จากกระแสข่าวที่กกต.ถูกหลายฝ่ายออกมาโจมตี หลังกกต. 4 คนเดินทางไปสังเกตการณ์การเลือกตั้งล่วงหน้านอกราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ 16-21มิ.ย.ว่า รู้สึกแปลกใจว่าทำไมต้องมาโจมตีกัน เพราะกกต.ทุกคนไปทำงานไมได้ไปเที่ยว และไม่ได้ไปนัดพบใคร หรือเตรียมการล้มการเลือกตั้ง ไม่เข้าใจว่าทำไมทุกฝ่ายไม่ไว้ใจกกต. และการไปเราก็ถามถึงภารกิจเร่งด่วนของทุกด้านแล้วไม่มีอะไร หากมีก็ำพร้อมกับมาทันที
“หากเป็นอย่างนี้กกต.ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร อย่างที่เคยบอกไปว่าถ้า ไม่พอใจกกต. หลังเลือกตั้งมีได้ส.ส.มีสภาผู้แทนราษฎรแล้วก็ให้เอากกต.ชุดนี้ออกไปเลยและยุบกกต.ไปเลย พร้อมกับไปแก้กฎหมาย เพื่อให้การจัดการเลือกตั้งกลับไปอยู่ที่มหาดไทยอย่างเดิม เพราะจัดแล้วไม่มีปัญหา หรือไม่จะให้ทหารจัดการเลือกตั้งก็ได้ กกต.ไม่ได้ยึดติด หรือจะยุบองค์กรนี้ไปเลยก็ไม่มีปัญหาใดๆ เพราะหากเห็นว่าตอนนี้ปัญหามากเหลือเกิน ขอให้ระวังตอนนี้อะไรมันก็ไม่แน่เดียวอีกหน่อยทหารเข้ามาจัดและคุมการเลือกตั้งแล้วจะเป็นอย่างไร ”นายสดศรี กล่าว
เมื่อถามว่า การไปครั้งนี้มีข่าวว่ากกต.ทั้ง 3 คน มีการจัดการให้ไปพบนักการเมืองจริงหรือไม่ นางสดศรี กล่าวต่อว่า ในช่วงของการเดินทางไปยังราชอาณาจักรเดนมาร์ก ในช่วงวันสุดท้ายทางสถานทูตไทยประจำราชอาณาจักรเดนมาร์กก็จะมีการเลี้ยงส่ง แต่ประจอบเหมาะกับช่วงนักการเมืองคนหนึ่งในฝั่งรัฐบาลได้เดินทางไปยังประเทศนั้นพอดี และทางสถานทูตก็ตั้งใจจัดงานเลี้ยงพร้อมกันกับคณะกกต. และนักการเมืองคนดังกล่าว แต่เมื่อกกต.ทราบก็ตอบปฏิเสธว่าหากมีนักการเมืองอยู่ในงานเลี้ยงจะเป็นเรื่องไม่เหมาะสม และยืนคำขาดไปว่า ถ้ามีนักการเมืองในงานเลี้ยงก็จะไม่มีกกต.ไปร่วมงาน ทำให้เอกอัครราชทูตจึงตัดสินใจเลี้ยงเฉพาะคณะกกต.เท่านั้น ไม่ได้นักการเมืองคนนั้นมาเกี่ยวข้อง
**"ประพันธ์" ปัดพบมือที่มองไม่เห็น
นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเดินทางไปดูการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรว่า เป็นการเดินทางไปตรวจเยี่ยมการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ตามที่ได้รับคำเชิญจากกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งได้เดินทางไปยังลอสแองเจอลิส สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีผู้ลงทะเบียนเลือกตั้งสูงถึง 8,000 กว่าคน ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 80% ซึ่งในครั้งนี้มีผู้ข้อใช้สิทธินอกราชอาณาจักรสูงถึง 1.4 แสนคน และเป็นการไปตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติการ และได้รับเสียงสะท้อนจากผู้ที่มาใช้สิทธิเลือกตั้งด้วย เพราะหลายคนพูดตรงกันว่าทุกพรรคการเมือง ไม่มีนโยบายที่จะดูแลคนที่อยู่ต่างประเทศ จึงไม่รู้ว่าจะเลือกใคร เพราะไม่มีพรรคไหนโดนใจประชาชน
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าการเดินทางไปในครั้งนี้ มีมือที่มองไม่เห็นให้เดินทางไปพบเพื่อล้มเลิกการเลือกตั้ง นายประพันธ์กล่าวว่า ไม่มี ตนเดินทางไปพบคนไทยไม่มีมือที่มองไม่เห็น เพราะตอนนี้ทุกคนต้องการให้การเลือกตั้งเรียบร้อย และเป็นไปอย่างสมานฉันท์
** “อภิชาต”รอฟัน “เสื้อแดง” ป่วน“มาร์ค”
นายอภิชาต กล่าวถึงกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงเข้าไปขัดขวางการหาเสียงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ถ้าหากมีการไปยกป้ายชู ระหว่างที่นายอภิสิืทธิ์ ไปหาเสียง ซึ่งเรื่องดังกล่าวต้องพิจารณาเหตุการณ์เป็นเหตุการณ์ไปว่าจะถึงเป็นการขัดขวางหรือไม่ซึ่งจะต้องพิจารณากันทั้ง 5 กกต.แต่จะต้องรอให้มีข้อเท็จจริงเข้ามากกต.ก่อน
เมื่อถามว่าถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์จะไปจัดปราศรัยที่ราชประสงค์ในวันที่ 23 มิ.ย. นี้นั้น นายอภิชาต กล่าวว่า ถือเป็นสิทธิของพรรคประชาธิปัตย์ใครจะปราศรัยก็ให้อยู่ในขอบเขต และขณะนี้ก็มีพันธะสัญญาของพรรคการเมืองว่าด้วยความร่วมมือในการเลือกตั้งส.ส.พ.ศ.2554 ซึ่งหลายพรรคก็ได้ร่วมลงนามซึ่งเป็นการแสดงออกให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปด้วยดีไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง ดังนั้นถ้าจะไปยุบพรรคการเมืองใดกกต.ก็ต้องระมัดระวังเต็มที่ให้มีข้อเท็จจริงเข้ามาก่อน
“อย่างเช่นก่อนหน้านี้นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ยังเคยออกมาระบุว่า ตนจะให้ใบแดง (เพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง) ผู้สมัครพรรคการเมืองหนึ่ง ในจ.บุรีรัมย์ โดยไม่สืบสวนนั้น เป็นเรื่องเข้าใจผิดของกกต.ด้วยกัน แต่การทำงานครั้งนี้ก็ได้รับความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดียิ่งกว่าครั้งใดในประวัติศาสตร์ และในจังหวัดหนึ่งในภาคอีสานตำรวจก็ทำงานได่เป็นอย่างดีรวดเร็วทันควัน ได้พบความผิดซึ่งได้มีการถ่ายวีดีโอมาให้กับกกต.ได้ดูเห็นหน้าคนแจกเงิน ซึ่งต่างกับเรื่องที่จ.ศรีสะเกษ ที่กกต.ยังดูแล้วยังคลุมเครืออยู่ ซึ่งเราก็อยากจะได้ข้อเท็จจริงให้ชัด แต่ถ้ามีสำนวนมามีการสอบตามกระบวนการกกต.ก็จะให้ใบแดงได้” นายอภิชาต กล่าว และว่ากรณีดังกล่าวตนเพียงนำเข้าที่ประชุมเพื่อให้กกต.ทราบว่าตำรวจที่ช่วยกกต.ไปเห็นการซื้อเสียงแล้วโดยแจ้งมาให้กกต.ดำเนินการทำให้ตนจึงนำเข้าที่ประชุมกกต.และให้กกต.จังหวัดทำการสืบสวนตามระเบียบ
ด้านนายวิสุทธิ์ โพธิแท่น กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม กล่าวว่า คนไทยมีสิทธิเสรีภาพในการใส่เสื้อสีไหน ซึ่งหากเห็นว่าเป็นความผิดซึ่งหน้าสามารถแจ้งตำรวจจับได้ทุกคนไม่ว่าเป็นเสื้อสีไหนจะใส่เสื้อสีอะไรก็ไม่ผิดกฎหมาย เป็นสิทธิเสรีภาพ เวลากกต.จะวินิจฉัยต้องรอดูข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายให้ครบถ้วน มีบางคนบอกว่าทำไมกกต.ไม่จัดการ ต้องบอกว่ากกต.จะไปจับใครไม่ได้ต้องบอกให้ตำรวจจับ กกต.ไม่ได้ทำได้ทุกเรื่อง ทุกอย่าง เมื่อเลือกตั้งแล้วกกต.จะมีอำนาจล้นฟ้า บางที่กกต.อาจจะถูกจับก็ได้ ดังนั้นเวลาพูดอะไรเมื่อเป็นผู้ใหญ่แล้วหากใครทำผิดกฎหมายใส่เสื้อสีไหนดูหมิ่นซึ่งหน้าก่อกวนก็แจ้งให้ตำรวจดำเนินการจับกุมได้ ดังนั้นจะต้องดูเป็นเรื่องๆไปยังไม่มีข้อเท็จจริงเข้ามากกต.
“ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการเป็นประชาชนคนไทย ถ้าต้องการให้เป็นไปตามแนวทางประชาธิปไตย ทุกคนก็ต้องอดทนอดกลั้นระหว่างกัน กกต.ไม่จำเป็นต้องไปเตือน ใครเพราะโตๆ กันแล้ว จะทำอะไรก็ต้องอยู่ในขอบเขตขอบของกฎหมาย หากไม่ผิดกฎหมายก็ทำได้ทั้งนั้น”นายวิสุทธิ์ กล่าว
**กกต.โบ้ยรายชื่อลงทะเบียนผิดจังหวัด มท.ผิด
นายวิสุทธิ์ โพธิแท่น กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม กล่าวถึงกรณีที่รายชื่อของผู้ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าไปตกหล่นที่จังหวัดอื่น ไม่ใช่ที่จังหวัดตัวเองประสงค์ลงเอาไว้ ว่า การเดินทางไปสังเกตการณ์เลือกตั้งนอกราชอาณาจักรในครั้งนี้ ก็พบปัญหานี้เช่นกัน และนอกจากนี้ยังพบเห็นปัญหาข้อหนึ่ง คือ การพิมพ์รายชื่อแจ้งไปยังผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เนื่องจากระบบการพิมพ์รายชื่อของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ทางกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย รับผิดชอบดำเนินการนั้นได้จัดพิมพ์เพียงรายชื่อแบบภาษาไทย โดยไม่มีแบบภาษาอังกฤษ เมื่อทางสถานทูตปริ้นท์ออกมาปรากฎว่า ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งปัญหานี้กกต.เห็นว่าควรจะมีการหารือร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงมหาดไทย ว่า ควรจะดำเนินการอย่างไรในการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรครั้งต่อไป เพื่อให้การเลือกตั้งเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
นายอภิชาต กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า อาจเกิดความผิดพลาดจากเจ้าหน้าที่คีร์ข้อมูลเข้าเครื่องก็ได้ ซึ่งมันเป็นความผิดที่คนที่อาจพั้งเผลอไปได้ ซึี่งเรื่องเหล่านี้เราต้องมีการแก้ไขกัน