xs
xsm
sm
md
lg

ระทึก!ชนะกรุงเทพฯเป็นรัฐบาล ปชป.-พท.เปิดศึกซื้อใจคนกทม.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**การหาเสียงที่เข้มข้นขึ้นทุกขณะในระหว่างสองสัปดาห์ก่อนถึงวันเลือกตั้ง 3ก.ค. ซึ่งแต่ละพรรคจะมีการปรับเปลี่ยนยุทธวิธีการหาเสียงกันใหม่ ปล่อยกระบวนท่าออกมาเรียกคะแนนให้ตรงจุด และทำลายคู่แข่งอย่างไม่ยั้ง
**ขณะนี้ แผ่นป้ายโฆษณาของแต่ละพรรคที่อยู่ในสภาพบอบช้ำ แล้วก็ถูกรื้อทิ้ง ขึ้นป้ายแคมเปญหาเสียงกันใหม่อีกระลอก แต่ป้ายหาเสียงคราวนี้จะเป็นป้ายนำชัยชนะ หรือแผ่นป้ายปิดฝาโลง ก็จะได้รู้กันต่อไป
แคมเปญหาเสียงล่าสุดของพรรคเพื่อไทย ยิงเข้าใส่คนฝั่งธนบุรีและคนกรุงเทพมหานคร ระหว่างการปราศรัยใหญ่ของพรรคที่วงเวียนใหญ่ เมื่อ 18 มิถุนายน ที่ผ่านมา “เทคะแนนให้หมดใจ เลือกเพื่อไทยไปเป็นรัฐบาล” เป้าหมายให้แคมเปญนี้โดนใจคนกรุง เพื่อเลือกพรรคเพื่อไทย และผู้สมัครส.ส.กทม.ของพรรคทั้ง 33 เขต ในช่วงสองสัปดาห์สุดท้ายต่อจากนี้
ส่วนประชาธิปัตย์ พบว่าป้ายหาเสียงใหม่ๆ เริ่มติดตั้งกันแล้วหลายจุดทั่วกรุงเทพฯ โดยเฉพาะป้ายหาเสียงรูปอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคที่ดึงประโยคคำพูดมาไว้บนป้ายหาเสียงว่า “ผมทำเพื่อประชาชนทุกคน ไม่ได้ทำเพื่อคนๆ เดียว”
**แค่นี้ ก็รู้แล้วว่า ประชาธิปัตย์ ที่กำลังขวัญเสียอย่างมากกับผลสำรวจของโพลหลายสำนักที่ระบุว่า ปชป.จะแพ้เพื่อไทยในสนามเลือกตั้งกรุงเทพฯ จึงต้องพลิกกลยุทธ์การหาเสียงให้หนักและตรงจุดเข้าเป้าคนกรุงเทพฯ ให้โดนที่สุด
จะมามัวแต่หาเสียงด้วยการชูนโยบาย-ผลงานอย่างเดียวไม่ได้แล้ว เพราะคนกรุงเทพฯ ใกล้ชิดข่าวสารและได้รับผลกระทบทางการเมืองมาก และเร็วกว่าทุกจังหวัดทั่วประเทศ
ดังนั้น เป็นที่แน่นอนว่า ประชาธิปัตย์จะโหมแคมเปญหาเสียงที่จะอวดอ้างว่า หากคนไทยต้องการเห็นประเทศเดินหน้าไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ออกกฎหมายนิรโทษกรรม ไม่มีนายกรัฐมนตรี คือ ยิ่งลักษณ์ ที่จะทำทุกอย่างเพื่อคนๆ เดียว ซึ่งก็คือ ทักษิณ ชินวัตร ก็ต้องเลือกประชาธิปัตย์
โดยปชป.ได้เตรียมเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ หน้าเซ็นทรัลเวิลด์ สี่แยกราชประสงค์ ที่เป็นจุดใหญ่ที่สุดของเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองของจริงในวันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายนนี้
การใช้เวทีหาเสียงที่หน้าลานเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งข่าวว่าจะเริ่มหลังช่วง 17.00 น. ในวันนั้น พูดตอกย้ำเหตุการณ์สยองขวัญที่ยังหลอกหลอนคนกรุงเทพฯ และนักธุรกิจ-พ่อค้าแม่ค้า-ผู้อยู่อาศัยบริเวณดังกล่าวกับการชุมนุมของคนเสื้อแดงในเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง 19 พ.ค.53 เพื่อย้ำเตือนว่าใคร...คือคนที่ทำให้คนกรุงเทพฯ-นักธุรกิจ-ผู้ประกอบการและประชาชนคนกรุงเทพฯ ต้องได้รับผลกระทบในการใช้ชีวิตและทำธุรกิจอย่างหนัก
ปชป.คงจะใช้โอกาสนี้ชี้แจงเรื่องเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อ 19 พ.ค.53 โดยมีฉากหลักเวทีปราศรัยคือเซ็นทรัลเวิลด์ และสี่แยกราชประสงค์ เป็นฉากบอกเล่าเรื่องราว เพื่อหวังว่าจะทำให้คนกรุงเทพฯ ที่ไม่ได้เป็นเสื้อแดง ไม่ใช่คนที่จะเลือกเพื่อไทย แต่ติดค้างคาใจอยู่ว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ ทำเกินกว่าเหตุในการสลายการชุมนุม เพราะทำให้มีคนบาดเจ็บ-เสียชีวิต และกลุ่มคนกรุงเทพฯ ที่อยู่ระหว่างการชั่งใจว่าจะเลือกพรรคไหน เลือกใคร ได้มาฟังการปราศรัยและรับรู้ข้อมูลจากปากอภิสิทธิ์ ที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ เผื่อจะได้เลือกปชป.ทั้งเขตและปาร์ตี้ลิสต์
เหตุที่ประชาธิปัตย์ ต้องปรับแผนการหาเสียงในกรุงเทพฯใหม่ ไม่ใช่แค่ผลโพล หลายสำนักออกมาว่า เพื่อไทยคะแนนนิยมดีกว่าประชาธิปัตย์เท่านั้น แต่เป็นผลจากการหารืออย่างเคร่งเครียด เมื่อวันเสาร์ที่ 18 มิ.ย.54 ที่ผ่านมา ของแกนนำพรรคที่อยู่ในคณะกรรมการอำนวยการเลือกตั้ง และคณะทำงานยุทธศาสตร์ที่ใช้ในการรณรงค์หาเสียง
**ที่มี สุเทพ เทือกสุบรรณ คุมการประชุม พร้อมด้วยแกนนำที่เป็นระดับคีย์แมนคุมพื้นที่เลือกตั้งแต่ละภาค เช่น บัญญัติ บรรทัดฐาน ไตรรงค์ สุวรรณคีรี กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ อภิรักษ์ โกษะโยธิน กรณ์ จาติกวณิช ถาวร เสนเนียม ไพฑูรย์ แก้วทอง
ที่ประชุมแกนนำปชป. ประเมินว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้จะเหมือนกับการเลือกตั้งปี 2539 ที่พรรคความหวังใหม่ ที่นำโดยพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ซึ่งแข่งขันกันอย่างดุเดือดสูสีกับพรรคประชาธิปัตย์ ที่นำโดยชวน หลีกภัย เหมือนกับที่ปชป. แข่งกับเพื่อไทยเวลานี้
และวันเลือกตั้งยังเกิดเหตุไฟฟ้าดับที่หน่วยเลือกตั้งในจังหวัดปทุมธานี จนสุดท้ายความหวังใหม่ เอาชนะประชาธิปัตย์ไปได้แค่ 2 ที่นั่ง จนทำให้พลเอกชวลิต ดำเนินการจัดตั้งรัฐบาลในคืนวันเลือกตั้ง เมื่อปี 39 ทันที
**แกนนำปชป.เชื่อว่า เลือกตั้งปีนี้ก็จะคล้ายกันคือ เพื่อไทย กับประชาธิปัตย์จะได้ส.ส.ไม่ห่างกันมาก คือไม่เกิน 5 ที่นั่ง อย่างที่อภิสิทธิ์ ย้ำมาตลอด
แต่ความแตกต่างระหว่างปี 39 กับปี 54 ก็คือ ผลเลือกตั้งที่ปทุมธานี ทำให้ความหวังใหม่ได้จัดตั้งรัฐบาล พลเอกชวลิตได้เป็นนายกรัฐมนตรี ทว่าครั้งนี้ ผลการเลือกตั้งในกทม. จะบอกว่า เพื่อไทย-ยิ่งลักษณ์ หรือประชาธิปัตย์-อภิสิทธิ์ ใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี
ประชาธิปัตย์จึงต้องทุ่มเต็มที่กับภารกิจคือรักษาเก้าอี้ ส.ส.กทม.เอาไว้ให้ได้เท่าเดิมคือ 27 คนเป็นอย่างต่ำ จากทั้งหมด 33 เขต ส่วนคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ในกทม. ต้องได้ไม่ต่ำกว่า 1 ล้าน 5 แสนคะแนน หากทำได้ตามนี้ ปชป.ก็จะมีส.ส.จากกทม.แห่งเดียวประมาณ 32 คน ที่จะไปช่วยบวกเสริมตัวเลขส.ส.ของพรรค ที่สู้เพื่อไทยไม่ได้ในต่างจังหวัด ทำให้ยอดที่พรรคตั้งไว้คือ 200 เสียงขึ้นไปเป็นไปตามแผน
หากปชป.ทำได้ตามนี้ในสนามกรุงเทพฯ ย่อมถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว เพราะเลือกตั้งครั้งนี้พรรคส่งผู้สมัครหน้าใหม่มากถึง 12 คน แถมกระแส ยิ่งลักษณ์-เพื่อไทย กลับแรงขึ้นเรื่อยๆ **ชนิดที่แกนนำปชป.ก็ยังแก้เกมไม่ทัน
จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ปชป. ต้องปรับการหาเสียงในกทม.กันขนานใหญ่ จากรูปแบบเรียบๆ ก็จำต้องเน้นหนักวิชามาร และความหวือหวา ตีกินทุกประเด็นโดยไม่ต้องห่วงเรื่องความเป็นสุภาพบุรุษอีกต่อไป
เห็นได้จากแกนนำพรรคหลายคนหาเสียง ออกมาตอกย้ำเรื่องแกนนำเสื้อแดงอย่างจตุพร พรหมพันธุ์ -ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รวมถึงพวกเสื้อแดงหลายคน อยู่ในบัญชีปาร์ตี้ลิสต์เพื่อไทย จำนวนมากและได้อันดับต้นๆ เพราะเชื่อว่าการให้ข้อมูลแบบนี้ คนกรุงเทพฯ คงยอมรับไม่ได้ โดยเฉพาะหากคนเสื้อแดงกลุ่มนี้จะได้เป็นรัฐมนตรี !
แต่สิ่งที่แกนนำพรรคปชป.คิดไม่ตกก็คือ จะเจาะเข้าไปในกลุ่มคนกรุงเทพฯ ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกใครด้วยวิธีไหน ถึงจะได้เสียงมาอยู่กับปชป.ให้ได้มากที่สุด นี้คือโจทย์ใหญ่ของปชป.ยามนี้
**ความเชื่อที่ว่าชนะที่กรุงเทพฯ ได้เป็นรัฐบาล ก็ไม่ได้อยู่กับฝ่ายประชาธิปัตย์เท่านั้น
ซีกเพื่อไทยและยิ่งลักษณ์ ก็ตระหนักถึงเรื่องนี้ดี จึงได้เห็นระยะนี้ ยิ่งลักษณ์ปรับแผนหาเสียงเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ มากขึ้น ผสมไปกับการยิงแคมเปญหาเสียงใหม่ๆ ออกมาเรื่อยๆ ในช่วงนี้
เช่น บัตรเครดิตพลังงาน ที่เน้นหลายกลุ่มทั้งพวกหาเช้ากินค่ำในกทม.อย่างคนขับวินมอเตอร์ไซค์ หรือพวกคนขับรถแท็กซี่รับจ้าง หรือการจะเข้าไปแก้ปัญหาเรื่องเงินกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ตอนนี้มีนักเรียนนักศึกษาถูกดำเนินคดีเกือบ 4 แสนราย จากปัญหาไม่สามารถส่งเงินคืนได้ เพื่อไทยก็มีแนวคิดการแก้ปัญหาหนี้เหล่านี้ เช่น การพักหนี้เพื่อให้ตั้งตัวได้
รวมถึง การให้ยิ่งลักษณ์ออกมาเคลียร์ผ่านสื่อและเวทีปราศรัยในกรุงเทพมหานคร ต่อปมปัญหาที่อภิสิทธิ์ และพลพรรคประชาธิปัตย์พยายามโจมตีว่า หลายนโยบายของเพื่อไทยไม่สามารถทำได้ เพราะจะทำให้เกิดปัญหาการเงินการคลังของประเทศ เช่น บัตรเครดิตเกษตรกร การรับจำนำสินค้าเกษตร โครงการบ้านหลังแรก-รถคันแรก ซึ่งคนกรุงเทพฯ เริ่มลังเลใจว่าเลือกเพื่อไทยไปแล้ว หลายนโยบายอาจทำไม่ได้จริง ตามที่ปชป.กล่าวหา
**ผลัดกันรุกและรับแบบนี้ รับรองได้ หมัดหนักๆ ยังมีให้เห็นอีกในช่วงสัปดาห์สุดท้าย
กำลังโหลดความคิดเห็น