xs
xsm
sm
md
lg

เตือนนิรโทษเจอไล่! พธม.ท้าแม้วกลับไทย เปิดคุกรอ-ปูหนุนมางานแต่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน - พธม.ยัน นช.แม้วกลับไทย ต้องเข้าคุกก่อนได้รับอภัยโทษ ด้าน“ปู” หนุน พี่ชายกลับ ยันเป็นเรื่องปกติพ่อบินร่วมงานแต่งลูกสาว โฆษก ปชป.อัดออกสื่อเยอรมนี หมิ่นสถาบัน ไม่อยากปรองดองแค่มาทวงเงิน 4 หมื่นล้านคืน ส่วน “ศึกเฟซบุ๊ค” มาร์คพ่นฉบับ 4 อ้าง เหตุไม่ยอมนิรโทษทักษิณ ทำแดงป่วนหนัก "นพดล" ซัด ปชป.รู้ว่าแพ้แน่เลยชกใต้เข็มขัด

วานนี้(17 มิ.ย.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า หากจะกลับมาประเทศไทยเมื่อไร พ.ต.ท.ทักษิณต้องติดคุกทันที เพราะได้หนีหมายจับไปหลายคดี โดยเฉพาะคดีที่มีผลแล้วคือคดีที่ดินรัชดา ที่ศาลได้ตัดสินลงโทษจำคุก 2 ปี ซึ่งถือว่าคดีนี้ได้จบสิ้นไปแล้วและเป็นคดีอาญาที่ต้องรับโทษทันทีเพราะไม่ใช่คดีทางการเมือง แต่อดีตนายกรัฐมนตรี ได้หลบหนีการติดคุกไปต่างประเทศ ซึ่งอดีตนายกรัฐมนตรียังต้องโทษอยู่เพราะฉะนั้นคดีความจะต้องเข้าสู่การลงโทษตามกระบวนยุติธรรมเมื่อเดินทางกลับมา

“ที่ผ่านมาคุณทักษิณสามารถกลับได้ตลอดเวลาแต่ต้องมารับโทษ ศาลสั่งจำคุกสองปีคดีที่ดินรัชดา รวมทั้งคดีที่ตามมาอื่นๆ ซึ่งอดีตนายกรัฐมนตรียังไม่มารับโทษ แต่หลบหนีออกไปก่อน ขณะที่ตัวคุณทักษิณหนีไป ศาลก็ออกหมายจับอยู่ สิ่งสำคัญคดียึดทรัพย์ ยังมีคดีที่ต่อเนื่องจากคดียึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาทอีกหลายคดีที่มีความสำคัญมากกว่าคดีที่ดินรัชดาที่ศาลรอการตัดสินอยู่มาก หากกลับมาจริง ศาลจะได้เดินหน้าตามกระบวนการยุติธรรมในคดีที่ยังค้างอีกหลายคดี”นายปานเทพ กล่าว

สำหรับการนิรโทษกรรม ซึ่งมีแนวโน้มชัดเจนว่าพรรคเพื่อไทยจะได้เสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาลชุดหน้าหากมีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมเมื่อไหร่ กลุ่มพันธมิตรฯและแนวร่วมภาคประชาชน จะออกมาเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ทันที จะไม่มีการนิรโทษกรรมเพราะกฎหมายรัฐธรรมนูญปี 2550 ไม่เอื้อประโยนช์ให้กับคดีที่จบไปแล้วต้องมารับโทษเท่านั้น หลังจากค่อยเข้าสู่การขออภัยโทษจะได้หรือไม่อยู่กับขั้นตอนและเงื่อนไขของตัวนักโทษหากมีความประพฤติดี และสังคมต้องยอมรับจึงจะทำได้ อย่างไรก็ตามพ.ต.ท.ทักษิณ ต้องจำคุกก่อนหากทำตัวดีระหว่างคุมขังอาจจะได้รับอภัยโทษ

“ถ้ามีนิรโทษกรรมหลังพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล และใช้เสียงข้างมากจะมาทำลายกฎหมายเหมือนปี 2549 พันธมิตรฯออกมาต่อต้านแน่นอน ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ เขาพูดอย่างนี้มาตลอดพูดทุกปีว่าจะกลับเมืองไทยแต่ก็ไม่เคยได้กลับจริง การเมืองตอนนี้ก็สะท้อนให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ แพ้เลือกตั้งอยู่ดี ในสภาก็แพ้ พันธมิตรฯเราเป็นเสียงต่อต้านนิรโทษกรรมชัดเจน ต้องออกมาเคลื่อนไหวนอกสภา หากมีเหตุปัจจัยทุจริตคอรรัปชั่น ทำลายนิติรัฐ ทำลายพระราชอำนาจ เราต้องมาเคลื่อนไหวเหมือนกันทุกรัฐบาล" นายปานเทพ กล่าว

**ปชป.อัดหมิ่นสถาบันผ่านสื่อเยอรมัน

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า พรรคเป็นห่วงท่าทีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ และแกนนำคนเสื้อแดง ที่เป็นผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ที่สนับสนุนกลุ่มคนที่ขัดขวางการหาเสียงโดยอ้างว่า ไม่ใช่เป็นการกระทำของคนเสื้อเดง และเป็นเรื่องที่สามารถแสดงออกได้ เท่ากับว่า คนที่อาสามาเป็นผู้ปรองดองไม่มีพฤติกรรมห้ามปราม การเคลื่อนไหวที่เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการปรองดอง นอกจากนี้ยังมีการเคลื่อนไหวในต่างประเทศ ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่ให้สัมภาษณ์สื่อออนไลน์ในประเทศเยอรมนีชื่อ Spiegel online เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า โดยถ้อยคำทำนองว่า ไม่ประสงค์ที่จะปรองดอง และเงินจำนวนกว่า 4 หมื่นล้าน ถูกรัฐบาลขโมยไป ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะคดีดังกล่าว ศาลได้มีคำพิพากษาสิ้นสุดไปแล้ว

“การเคลื่อนไหวเหล่านี้ ถือเป็นการเพิ่มความวุ่นวายในบ้านเมือง มีบางถ้อยคำในการให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสถาบันที่อยู่นอกเหนือการเมือง สอดรับกับการทำงานของนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความของกลุ่มคนเสื้อแดง และ นายใจ อึ๊งภากรณ์ ผู้ต้องหาในคดีหมิ่นสถาบันที่กำลังหลบหนีคดีอยู่ สิ่งเหล่านี้ชี้ชัดว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีความตั้งใจจริงในการปรองดอง โดยวาระที่แท้จริงคือ ต้องการเอาเงินคืน และล้างความผิดให้ตัวเอง” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว

**จับพิรุธ 3 หมื่นล้านเป็นของตัวเอง

นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า จากคำให้สัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ผ่านสำนักข่าวรอยเตอร์ ถึงคดียึดทรัพย์จากการขายหุ้นชินคอร์ปว่า ตัวเองจนลงเพราะได้ทรัพย์สินคืนมาเพียง 3 หมื่นกว่าล้านบาท สวนทางกับคำให้การต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเครือญาติที่ถือหุ้นที่ได้ให้การว่าได้เงินดังกล่าวมาจากการซื้อขายหุ้น ดังนั้น 3 หมื่นกว่าล้านบาทดังกล่าวน่าจะตกกับคนในครอบครัว ที่อ้างว่าได้ซื้อขายหุ้น แต่พ.ต.ท.ทักษิณกลับบอกว่าตัวเองเป็นคนได้เงินดังกล่าวคืน แสดงว่าเป็นคำพูดที่โกหกต่อศาลหรือไม่

พ.ต.ท.ทักษิณต้องตอบเรื่องนี้ รวมทั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีส่วนเกี่ยวข้อง ในฐานะคนให้การต่อศาลในคดีเดียวกัน ดังนั้น การอ้างถึงเรื่องปรองดองในเวลานี้ คือการนำมาสู่การได้รับทรัพย์สิน ที่ศาลพากษาแล้วว่ามิชอบและทุจริตคืน ซึ่งมีการตั้งข้อสงสัยได้ว่าหากเลือกพรรคเพื่อไทย ท้ายที่สุดกระบวนการปรองดองจะนำไปสู่การล้างผิดและคืนเงินที่ได้มามิชอบให้ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ เรื่องนี้ต้องให้ความชัดเจนว่าที่พูดไว้ตรงไหนเท็จและโกหกบ้าง เพราะที่อ้างว่าจะทำให้บ้านเมืองกลับสู่ความสงบ แต่สุดท้ายถูกนำไปผูกติดกับประโยชน์ส่วนตัว

**พี่ชายร่วมงานแต่งลูกสาวเป็นเรื่องปกติ

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทย กล่าวภายหลังหาเสียงช่วยผู้สมัครด้วยการโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดินบีอาร์ทีถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือพี่ชายของตนจะเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อร่วมงานแต่งงานลูกสาวในเดือนธันวาคมว่า เป็นเรื่องปกติในฐานะพ่อที่ต้องการมาร่วมงานลูกสาว ซึ่งขณะนี้ตนเองพูดคุยถามทุกข์สุขกับพี่ชายทุกระยะ โดย พ.ต.ท.ทักษิณก็ให้กำลังใจตนเองในฐานะพี่ชายเสมอ

**"นพดล" ซัด ปชป.รู้ว่าแพ้แน่เลยชกใต้เข็มขัด

นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ ระบุแผนปรองดองของพรรคเพื่อไทยจะไม่สำเร็จ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณไม่เอาด้วย ถ้าไม่มีเรื่องนิรโทษกรรม ขณะที่โฆษกประชาธิปัตย์ระบุถึง พ.ต.ท.ทักษิณว่าให้สัมภาษณ์พาดพิงสถาบันเบื้องสูงว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ให้สัมภาษณ์พาดพิงสถาบัน การให้สัมภาษณ์ทุกครั้งจะระมัดระวังเป็นพิเศษ

"การออกมาพูดของพรรคประชาธิปัตย์ระยะหลังเหมือนเป็นอาการของคนที่รู้ว่าจะแพ้ จึงออกมาพูดสะเปะสะปะใส่ร้ายพรรคการเมืองอื่น อยากให้พรรคประชาธิปัตย์ยุติเสียที หันมาสู้ด้วยนโยบาย ไม่ใช่พอสู้ไม่ได้ก็มาชกใต้เข็มขัด เอาประเด็นสถาบัน ประเด็นหมู่บ้านคนเสื้อแดงมาสร้างความชุลมุนบนหน้าสื่อ"นายนพดลกล่าว

ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่าจะกลับประเทศไทยช่วงปลายปี เพื่อร่วมงานแต่งงานของ น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรสาวคนกลาง ถือเป็นความปรารถนาของพ.ต.ท.ทักษิณที่จะให้เหตุการณ์เป็นอย่างนั้น โดยเชื่อว่าสถานการณ์ประเทศไทยภายหลังการเลือกตั้ง ต่อเนื่องไปถึงสิ้นปี ราว 5-6 เดือน จะเกิดความปรองดอง ความขัดแย้งในประเทศหมดไป จึงทำให้มีโอกาสได้กลับประเทศ

**"มาร์ค" เย้ยแม้วพ่นลักษณะนี้ตลอดเวลา

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศจะกลับประเทศเพื่อมาร่วมงานแต่งงานของลูกสาว และระบุ น.ส.ยิ่งลักษณ์ น้องสาว ถูกกลั่นแกล้งนั้น เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ก็พูดในลักษณะนี้มาตลอด ยืนยันว่าไม่มีใครรังแก แต่ตรงกันข้ามกับตนและพรรคประชาธิปัตย์ที่ลงพื้นที่ และถูกขัดขวางจากคนเสื้อแดง

**“เทือก”ชี้แม้วอยู่เหนือคำพิพากษาไมได้

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวคงเกิดขึ้นไม่ได้ เพราะถ้ากลับประเทศไทยแล้วเป็นคนไทยคนเดียวที่อยู่เหนือคำพิพากษาของศาลบ้านเมืองก็คงอยู่ไม่ได้ หรือหากจะออกเป็นกฎหมายเพื่อช่วยเหลือก็ไม่น่าจะทำได้เช่นกัน โดยเฉพาะการออกกฎหมายเพื่อช่วยพ.ต.ท.ทักษิณ เพียงคนเดียวกับพวกคนไทย 65 ล้านคนคงไม่ยอม เพราะเป็นวิธีการที่ไม่ยุติธรรม และไม่เป็นมาตรฐานสากล และแม้พรรคเพื่อไทย จะอ้างผลเลือกตั้งเพื่อนำพ.ต.ท.ทักษิณ กลับก็ทำไม่ได้เช่นกันเพราะขัดกับหลักนิติธรรม

นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า หากพรรคเพื่อไทยชนะ ได้จัดตั้งรัฐบาล จะเชิญ ผบ.เหล่าทัพ มาหารือถึงแนวทางปรองดอง ว่า ไม่ทราบ เพราะยังไกลเกินไปที่จะพูดเรื่องอย่างนั้น เรื่องอนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน และไม่น่าจะพูดถึง จะทำให้มีปัญหาเปล่า ๆ

**"ปุ" อ้างตัดสัมพันธ์แม้ว 7 ปีแล้ว

ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ประธานพรรครักษ์สันติ กล่าวถึงความสัมพันธ์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ไม่ได้มีการพูดคุยกันกว่า 7 ปีแล้วกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เป็นเพื่อนกัน เป็นเพียงแค่ผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชาในอดีตเท่านั้น

**เฟซ 4 มาร์คอ้างเหตุไม่ยอมนิรโทษแม้ว

อีกด้าน นายอภิสิทธิ์ได้เขียนข้อความผ่านเฟสบุ๊ค "จากใจอภิสิทธิ์ถึงคนไทยทั้งประเทศ 4 โดย Abhisit Vejjajiva เมื่อ 16 มิถุนายน 2011 เวลา 19:07 น. 91 ศพสังเวยความต้องการใคร (ภาค 2)" มัใจความเช่น หลังจากสังคมได้รับรู้เรื่องเหตุการณ์ 10 เมษา และปรากฏการณ์ชายชุดดำ ปัญหาการชุมนุมก็ยังไม่ยุติ ตรงกันข้ามมีการใช้ความรุนแรงอย่างต่อเนื่องกับประชาชนผู้บริสุทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นการยิง M79 ที่สถานีรถไฟฟ้า BTS ที่ศาลาแดง การสูญเสียของเจ้าหน้าที่ที่ถนนพระราม 4 เป็นปรากฏการณ์ที่ตรงกันข้ามกับปี 2551 วันนั้นมีแต่ M79 ยิงใส่ผู้ชุมนุมฝ่ายพันธมิตรแต่ปี ’53 M79 ออกมาจากพื้นที่ชุมนุมยิงใส่ชาวสีลม ข่มขู่ประชาชนทั่วไปโดยเฉพาะเหตุการณ์ที่หลายคนไม่อยากจำ แต่ลืมไม่ลง คือ การบุกโรงพยาบาลจุฬาฯ จนต้องมีการย้ายคนไข้ ไม่เว้นแม้แต่สมเด็จพระสังฆราช ทุกท่านคงนึกออกว่า แรงกดดันที่มาที่ ศอฉ. ให้ใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมจะรุนแรงแค่ไหนผมแบกรับอย่างต่อเนื่อง แต่อดทนเพื่อหาแนวทางสันติ

จนต้นเดือนพฤษภาคม ผมจึงเสนอแผนปรองดองที่พูดถึงการแก้ปัญหาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเรียกร้องของผู้ชุมนุมในทุกเรื่อง โดยเฉพาะหากยกเลิกการชุมนุมก็จะจัดการเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤศจิกายน ผมถูกก่นด่าว่าอย่างรุนแรงจากคนที่สนับสนุนผม แต่ผมต้องการเห็นบ้านเมืองสงบทั้ง ๆ ที่รู้ว่า ข้อเสนอทั้งหมดไม่ได้คะแนนจากชาวเสื้อแดง แต่เสียคะแนนจากฝ่ายสนับสนุนผม ข้อเสนอผมเป็นเหตุเป็นผลขนาดที่แกนนำบนเวทีต้องตอบรับแต่ขอเวลาที่จะตัดสินใจในการสลายการชุมนุม ..... สิ่งที่ผมสังหรณ์ใจไม่ผิดก็คือ แผนปรองดองทั้งหมดมีจุดอ่อนจุดเดียวคือ ไม่มีการนิรโทษกรรมให้คุณทักษิณ

** มาร์คย้ำเฟซบุ๊คเป็นข้อเท็จจริงทั้งหมด

ด้านนายอภิสิทธิ์ กล่าวเรื่องนี้ว่า ชายชุดดำมีพฤติกรรมชัดเจน มีคลิบวิดิโอชัดเจนมีการกระทำที่ชัดเจน มีรายงานจากสื่อต่างประเทศก็ชัดเจน เพราะสิ่งที่ตนเขียนในเฟซบุ๊ค มันเป็นข้อเท็จจริงทั้งหมด ไม่มีตรงไหนที่อยู่ดีๆไปยกเรื่องอะไรขึ้นมา มีการอ้างอิงและเป็นประสบการณ์จริง ถ้าไม่ครบถ้วนคนอื่น ก็ช่วยเสริมได้ไม่ว่าอะไร แต่คงไม่ไปตอบโต้เพราะต้องการให้ความจริง เนื่องจากมีกระบวนการที่จะพยายามเขียนและสร้างแง่มุมที่คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงที่ตนรับทราบ

เมื่อถามว่า กลัวหรือไม่ถ้าแพ้การเลือกตั้งแล้วจะถูกเขียนประวัติศาสตร์การเมืองใหม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าไม่กลัว และไม่เชื่อว่าใครจะมาเปลี่ยนอดีตได้ความจริงก็คือความจริง อำนาจเปลี่ยนความจริงก็เปลี่ยนได้ไหม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อำนาจคงไม่เปลี่ยน

**พท.ขู่ฟ้องยุบ ปชป.ปมเฟซบุ๊ค

ที่พรรคเพื่อไทย นพ.เหวง โตจิราการ นายก่อแก้ว พิกุลทอง สองแกนนำนปช.และ ผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงว่า ขอให้นายอภิสิทธิ์หยุดเขียนเฟสบุ๊ต จากอภิสิทธิ์ถึงคนไทยทั้งประเทศ ที่ใส่ร้ายป้ายสีผู้สมัครสส.พรรคเพื่อไทย น่าผิดหวังที่ข้อความทั้ง 4 ฉบับ ของนายอภิสิทธิ์ที่เขียนผ่านเฟสบุ๊ค จงใจราดน้ำมันเข้ากองเพลง ทำให้ความรู้สึกของประชาชนที่กำลังจะเข้าสู่การเลือกตั้ง ถูกปลุกปั่นกระแสโดยการโจมตี ใส่ร้ายป้ายสีเสื้อแดง ว่าเป็นผู้ก่อการร้าย

ดังนั้นขอให้นายอภิสิทธิ์ หยุดเขียนเฟสบุ๊คโจมตีใส่ร้ายคนเสื้อแดง และเพื่อให้นายอภิสิทธิ์หยุดเขียน ในสัปดาห์หน้าตนและฝ่ายกฎหมายของพรรคจะเข้าร้องกับกกต. เอาผิดนายอภิสิทธิ์ กรณีใส่ร้ายผู้สมัครสส.พรรคเพื่อไทยด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ทำให้เสียคะแนนเสียง เข้าข่ายทำผิดกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส และส.ว. 2550 มาตรา 53( 5 ) มีโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ2 หมื่น ถึง 2 แสนบาท เพิกถอนสิทธิทางการเมือง 10 ปี และยุบพรรค

**เย้ยให้“ปู” ประณามเสื้อแดงป่วนหาเสียง

นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการออกมาแสดงจุดยืนทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ว่าไม่ได้ชี้นำให้เลือกฝ่ายใด แต่ให้เลือกคนดี ส่วนการที่พรรคเพื่อไทยปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของนายจักรภพ เพ็ญแข และนายใจ อึ๊งภากรณ์ นั้น เห็นว่าพรรคเพื่อไทยมักปฏิเสธบุคคลที่สังคมไม่ยอมรับ ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อว่าไม่เกี่ยวข้องกัน ซึ่งหากมีความจริงใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ควรจะประณามกลุ่มคนเสื้อแดงที่มาขัดขวางการลงพื้นที่ของตน แทนที่จะปัดให้พ้นตัว ในฐานะประกาศตัวที่จะเป็นผู้นำประเทศ

**"ปู" ดักคอ!เชื่อกองทัพไม่จุ้นการเมือง

ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวถึงกรณีที่กองทัพส่งหนังสือไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอรายชื่อผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย เก็บไว้นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ เห็นว่า ตามหลักแล้วหน้าที่ของกองทัพคือดูแลความมั่นคงและปกป้องสถาบัน เชื่อว่าจะไม่ทำนอกเหนือ 2 สิ่งนี้ และมั่นใจว่าองทัพจะวางตัวเป็นกลาง

น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวกรณีพีเน็ตเชิญดีเบตกับนายอภิสิทธิ์ว่า ต้องขอดูเวลาอีกครั้ง เพราะขณะนี้มีกำหนดการวางแผนหาเสียงไว้แล้วจนถึงสิ้นเดือน ซึ่งจะหาตัวแทนมาดีเบตหรือไม่ ก็ต้องหารืออีกครั้ง ส่วนตัวพร้อมนำเสนอนโยบายให้กับประชาชนได้ทราบอยู่แล้ว แต่จากการลงพื้นที่ก็เชื่อว่า ประชาชนต้องการรับฟังนโยบายแบบใกล้ชิดมากกว่า

สำหรับการลงพื้นที่หาเสียง นายอภิสิทธิ์ ลงพื้นที่กับแกนนำหาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เขต 1 จ.ปราจีนบุรี โดยเข้าสักการะศาลหลักเมือง ก่อนหาเสียงกับประชาชนในตลาด

ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ ได้เดินหาเสียงบริเวณถ.สุขุมวิทในช่วงเย็น โดยขึ้นรถไฟใต้ดินไปต่อ สถานนีBTS อโศกเพื่อไปปราศรัยที่สวนเบญจสิริ

ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ลงพื้นที่หาเสียงบริเวณถนนพหลโยธิน ย่านซอยอารีย์ เพื่อช่วยผู้สมัครของพรรคโดยได้ขึ้นรถไฟฟ้า BTS จากสถานีอารีย์ลงสถานีอโศก เพื่อต่อรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ไปลงสถานีศูนย์วัฒนธรรม โดยน.สยิ่งลักษณ์แลกเงินและหยอดบัตรด้วยตัวเอง ขณะที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยิ้มและตอบคำถามว่าเคยยั่งรถไฟฟ้าไหม สั้นๆ ว่าไม่ค่อยบ่อย
ขณะที่ช่วงเย็นน.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินหาเสียงช่วยผู้สมัครเขตบางพลัด

**การเมืองสบายใจ 4 เหล่าทัพไม่ยุ่งเลือกตั้ง

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.ทหารสูงสุด ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพครั้งที่ 5 /2554 ถึงบทบาทของกองทัพต่อสถานการณ์การเลือกตั้งที่กำลังมาถึงว่า ทุกคนรู้หน้าที่ของตนเองอยู่แล้ว ไม่ต้องมาพูดและย้ำกันแล้วในเรื่องการวางตัวเป็นกลางทางการเมือง เพราะได้พูดไปหมดแล้ว ตั้งแต่การประชุมผบ.เหล่าทัพเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งทุกคนรู้หน้าที่ดี ส่วนการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ตนไม่เป็นห่วงอะไร ส่วนกรณีที่ฝ่ายการเมืองพยายามโจมตีกองทัพ โดยมีการทำเอกสารลับถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอบัญชีรายชื่อหัวคะแนนพรรคเพื่อไทย จ.สมุทรสาคร นั้น ตนไม่ทราบว่า จะมีการโจมตีใคร ตนในฐานะที่เป็นผู้นำกองทัพรับผิดชอบกำลังพล 4 แสนกว่านาย ตนมั่นคง และยึดมั่น ไม่หวั่นไหว เรามีหน้าที่อะไรก็ทำไป ทั้งนี้เชื่อว่า คงไม่เกิดปัญหาอะไร ยืนยันว่า ไม่มีกำลังพลไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง วันนี้ตนเป็นผู้นำกองทัพ ยืนยันว่า ไม่มีใครเข้าไปข้องเกี่ยว ฝ่ายการเมืองน่าจะสบายใจได้ตั้งนานแล้ว ซึ่งที่ผ่านมามักพูดกันไปเอง

**หนุนขน“ครอบครัวทหาร”ไปเลือกตั้ง

พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ทางกองทัพบกจะอำนวยความสะดวกผู้ที่จะเดินทางไปเลือกตั้ง โดยการสนับสนุนรถเพื่อขนกำลังพลและครอบครัวไปใช้สิทธิเลือกตั้งตามสมควร เนื่องจากกำลังพลบางส่วนปฏิบัติงานในพื้นที่ห่างไกล เช่น ตามแนวชายแดน เพราะอยู่ไกลจากหน่วยเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามเพื่อป้องกันการเกิดความเข้าใจผิดว่า เป็นการขนคนไปเลือกตั้ง ขอยืนยันว่าจะไม่มีการชี้นำใดๆทั้งสิ้น ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามพ.ร.บ.การเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา มาตรา 55

ส่วนกรณีที่กองทัพบกได้ส่งเอกสารไปขอรายชื่อหัวคะแนนของพรรคเพื่อไทยนั้น ยืนยันว่า กองทัพบกไม่มีเอกสารดังกล่าว เราปฏิบัติงานตามปกติทั่วไป ส่วนจะตรวจสอบหรือไม่ เป็นความรับผิดชอบของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) .
กำลังโหลดความคิดเห็น