“ขอให้พวกประชาธิปัตย์ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นายจิตรกร บุษบา คอลัมนิสต์เครือเนชั่น ขอให้จำคำพูดของผมไว้ว่า วันใดที่พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลแล้วดำเนินการทางรัฐสภาออกกฎหมายนิรโทษกรรมทักษิณ ผมจะเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นมาและออกมาต่อสู้เรื่องนี้ วันใดก็ตามที่ขบวนการล้มเจ้าที่แฝงอยู่ในฝ่ายซ้ายของเครือข่ายทักษิณลุกขึ้นมาจะสถาปนารัฐไทยใหม่ ผมจะเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นมาต่อสู้”
คุณสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศบนเวที ทำให้ข้อกล่าวหาที่พยายามป้ายสีว่า พันธมิตรฯ รับเงินเสื้อแดงมารณรงค์โหวตโนให้ทักษิณชนะนั้นมลายหายไปในพริบตา
โดยก่อนหน้านี้ข้อกล่าวหาดังกล่าวแพร่หลายโดยบรรดาแม่ยกพ่อยกพรรคประชาธิปัตย์และถูกรายงานเพื่อยืนยันข้อเท็จจริงนี้ผ่านเว็บไซต์มติชนออนไลน์ ว่า “อภิรักษ์” เรียก ส.ก.-ส.ข.ถกด่วน หลัง ปชป.แพ้ พท. 3 โพลรวด แนะแจงชาวบ้านเสียงโหวตโนจะช่วย “พท.” ทางอ้อม
รายงานข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แจ้งว่า เวลา 10.00 น. วันที่ 13 มิถุนายน นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้อำนวยการศูนย์เลือกตั้ง กทม.ของ ปชป.ได้เรียก ส.ก. ส.ข.และผู้เกี่ยวข้องราว 30 คน เข้าประชุมที่ห้องประชุมชั้น 3 อาคาร ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เพื่อซักซ้อมและปรับยุทธศาสตร์การหาเสียงใหม่ หลังกระแสความนิยมของ ปชป.ใน กทม.เป็นรองพรรคเพื่อไทย (พท.) อยู่หลายเขต โดยที่ประชุมได้แสดงความหนักใจที่โพลทุกสำนัก ไม่ว่าจะเป็นนิด้าโพล ธุรกิจบัณฑิตย์โพล และล่าสุด กรุงเทพโพลล์ ระบุตรงกันว่าผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของ ปชป.ตาม พท.เกือบ 20 เขต จากทั้งหมด 33 เขต พร้อมวิเคราะห์ว่าเหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะการรณรงค์โหวตโนของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไปตัดคะแนนของ ปชป.จึงให้ปรับวิธีชี้แจงกับประชาชนว่า การโหวตโนเท่ากับช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พรรค พท.และคนเสื้อแดงทางอ้อม และจะทำให้แกนนำ นปช.อาทิ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ได้เป็นรัฐมนตรี
แต่ข้อกล่าวหาของ ปชป.ที่ถนัดในยุทธวิธีใต้ดิน ปล่อยข่าวทำลายฝ่ายตรงข้ามทั้งบนดินใต้ดิน ผ่านคอลัมนิสต์พิธีกรรับจ้างแลกกับผลประโยชน์ก็เป็นหมันไปชั่วข้ามคืน หลังคุณสนธิประกาศเสียงดังฟังชัดว่า “วันใดที่พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลแล้วดำเนินการทางรัฐสภาออกกฎหมายนิรโทษกรรมทักษิณ ผมจะเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นมาและออกมาต่อสู้เรื่องนี้...”
ก่อนหน้านี้ความพยายามหลายครั้งที่โหมกระหน่ำมาเป็นระลอกเพื่อทำลายป้อมค่ายของพันธมิตรฯ ตั้งแต่การปล่อยข่าวว่ารับเงินทักษิณ ให้นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ออกมาป้ายสีโดยใช้วิธีตัดต่อคำพูดของคนนั้นคนนี้และต่อจิกซอว์พูดความจริงเสี้ยวเดียวแบบที่เจิมศักดิ์ถนัด ใช้ช่อง 11 รับใช้พรรคประชาธิปัตย์อย่างสุดลิ่ม แต่วิธีการสกปรกของเจิมศักดิ์ก็ใช้ไม่ได้ผล เพราะพฤติกรรมที่แสดงออกนั้นถ่อยและกักขฬะสิ้นดี
จริงแล้วไม่มีใครใส่ใจหรอกว่าเจิมศักดิ์จะสนับสนุนนายอภิสิทธิ์หรือไม่ เพราะเป็นสิทธิของนายเจิมศักดิ์ แต่สิ่งที่นายเจิมศักดิ์กระทำนั้นมันเกินเลยสิทธิพื้นฐานของสื่อมวลชน เกินขอบเขตของคนที่มีสามัญสำนึกผิดชอบชั่วดี น่าสมเพชสิ้นดีที่คนมีความรู้แต่กลับใช้ความรู้นั้น มาใช้กระบวนการของรัฐในการทำร้ายบุคคลอื่นแบบเกินเลยเหตุผลและข้อเท็จจริง
นักวิชาการด้านสื่อมวลชนคนหนึ่งโทรศัพท์เข้ามาวิพากษ์บทบาทของนายเจิมศักดิ์และบอกว่า อย่าไปใส่ใจเพราะแรงกระหน่ำของเจิมศักดิ์และวิธีการไร้อนารยะที่นายเจิมศักดิ์ใช้จะเป็นบูมเมอแรงสะท้อนกลับไปยังพรรคประชาธิปัตย์ และคนจะจดจำนายเจิมศักดิ์และตุ๊ดคู่หูในฐานะสุนัขรับใช้นักการเมืองไม่ใช่สื่อมวลชน เช่นเดียวกับที่คนจดจำบทบาทของสมัครและดุสิตเท่านั้นเอง
และถูกตั้งคำถามว่า หากนายเจิมศักดิ์ใช้สื่อของรัฐเป็นเครื่องมือทำลายฝ่ายตรงข้ามได้ขนาดนี้ ถ้าพรรคของทักษิณกลับมาพวกนั้นก็จะใช้ช่อง 11 เป็นเครื่องมือแบบเดียวกับที่เจิมศักดิ์ใช้ เพราะนายเจิมศักดิ์ได้ใช้สื่อของรัฐเป็นเครื่องมือทำลายฝ่ายตรงข้ามแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับตั้งแต่สมัคร-ดุสิตใช้วิทยุยานเกราะเป็นเครื่องมือทำลายขบวนการนักศึกษา
แต่ดูเหมือนว่า ความพยายามของเจิมศักดิ์จะไร้ผล เพราะโพลทุกสำนักที่ออกมาในช่วงนี้ยิ่งนานวันเข้าคะแนนของพรรคเพื่อแม้วจะทิ้งห่างพรรคประชาธิปัตย์ คะแนนของปูเหนือกว่าคะแนนของมาร์คไปเรื่อยๆ
แต่ไม่ว่าปูหรือมาร์คจะชนะสำหรับพันธมิตรฯ เห็นว่านี่ไม่ใช่ทางออก เพราะคนสองคนนี้มีประวัติไม่ได้ต่างกัน เป็นลูกแหง่ที่ถูกผลักดันให้มาเล่นการเมืองทั้งคู่ อภิสิทธิ์นั้นทำตามความฝันของครอบครัว ส่วนปูนั้นทำตามความฝันของพี่ชาย เกือบ 3 ปีของอภิสิทธิ์นั้นพิสูจน์แล้วว่าทำงานไม่เป็นดีแต่พูด ส่วนปูนั้นไม่เคยมีประวัติการทำงานที่แจ่มชัดมาก่อนนอกจากเป็นหุ่นเชิดของพี่ชาย
อีกอย่างที่ทำให้การใส่ร้ายป้ายสีการออกมารณรงค์ให้ประชาชนไปกาช่องไม่ประสงค์จะลงคะแนนของฝ่ายตรงข้ามที่กระหน่ำตีมายังพันธมิตรฯ ไร้ผล เพราะโดยเนื้อหาที่พันธมิตรฯ เคลื่อนไหวอยู่นั้น วิพากษ์วิจารณ์ทั้งระบอบทักษิณและระบอบอภิสิทธิ์ และป้ายรณรงค์ในโค้งสุดท้ายของพันธมิตรฯ นั้นประกาศไว้ชัดว่า ไม่เอาทั้งควายแดงและควายฟ้า
ทุกวันนี้มีประชาชนจำนวนไม่น้อยกลัวการกลับมาของทักษิณเช่นเดียวกับพันธมิตรฯ ที่ร่วมต่อสู้กับระบอบทักษิณกันมา แต่การประกาศของคุณสนธิที่ว่า วันใดที่พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลแล้วดำเนินการทางรัฐสภาออกกฎหมายนิรโทษกรรมทักษิณ จะเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นมาและออกมาต่อสู้เรื่องนี้ ได้กลายเป็นเครื่องการันตีที่ทำให้สังคมอุ่นใจได้ว่า คนที่สามารถรับมือกับระบอบทักษิณและลิ่วล้อนอมินีได้นั้นมีเพียงพันธมิตรฯ เท่านั้นไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์
เพราะ 2 ปีกว่าที่พรรคประชาธิปัตย์ครองอำนาจนั้น กลายเป็นเครื่องมือที่เร่งให้คนเสื้อแดงและระบอบทักษิณเติบโต คนไทยฝันร้ายจากการคุกคามของระบอบทักษิณและคนเสื้อแดงที่ลุกขึ้นมาเผาบ้านทำลายเมือง สถาบันพระมหากษัตริย์ถูกสั่นคลอน ในขณะที่รัฐบาลเอาแต่เสวยอำนาจและแบ่งปันประโยชน์ในพรรคร่วม และปล่อยให้ทหารที่ออกมารับมือกลายเป็นจำเลยสังคม
2 ปีกว่าที่คนเสื้อแดงกลายเป็นกระบวนการที่เติบใหญ่ไปพร้อมกับขบวนการจาบจ้วงสถาบันที่ฮึกเหิม ล้วนเกิดขึ้นภายใต้การนำของรัฐบาลที่อ่อนแอ คดีความของทักษิณและลิ่วล้อและคดีที่ต่อเนื่องจากการยึดทรัพย์ทักษิณถูกเพิกเฉย สถาบันพระมหากษัตริย์ถูกสั่นคลอนจนเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินต้องออกมาร้องขอความเป็นธรรมให้ในหลวง
ผมคงไม่ต้องบอกว่า ระหว่างเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ที่ทุกโพลบอกว่าแพ้แน่ แล้วไปพ่ายแพ้การยกมือในสภากับเสียงโหวตโนของพันธมิตรฯ ถ้ามีพลังที่มากพออันไหนจะรับมือกับระบอบทักษิณได้มากกว่ากัน
แต่สำหรับผมเชื่อด้วยว่าคนที่จะทำให้สถาบันมั่นคง และทักษิณไม่สามารถกลับประเทศได้คือ พันธมิตรฯ ไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์อย่างแน่นอน
คุณสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศบนเวที ทำให้ข้อกล่าวหาที่พยายามป้ายสีว่า พันธมิตรฯ รับเงินเสื้อแดงมารณรงค์โหวตโนให้ทักษิณชนะนั้นมลายหายไปในพริบตา
โดยก่อนหน้านี้ข้อกล่าวหาดังกล่าวแพร่หลายโดยบรรดาแม่ยกพ่อยกพรรคประชาธิปัตย์และถูกรายงานเพื่อยืนยันข้อเท็จจริงนี้ผ่านเว็บไซต์มติชนออนไลน์ ว่า “อภิรักษ์” เรียก ส.ก.-ส.ข.ถกด่วน หลัง ปชป.แพ้ พท. 3 โพลรวด แนะแจงชาวบ้านเสียงโหวตโนจะช่วย “พท.” ทางอ้อม
รายงานข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แจ้งว่า เวลา 10.00 น. วันที่ 13 มิถุนายน นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้อำนวยการศูนย์เลือกตั้ง กทม.ของ ปชป.ได้เรียก ส.ก. ส.ข.และผู้เกี่ยวข้องราว 30 คน เข้าประชุมที่ห้องประชุมชั้น 3 อาคาร ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เพื่อซักซ้อมและปรับยุทธศาสตร์การหาเสียงใหม่ หลังกระแสความนิยมของ ปชป.ใน กทม.เป็นรองพรรคเพื่อไทย (พท.) อยู่หลายเขต โดยที่ประชุมได้แสดงความหนักใจที่โพลทุกสำนัก ไม่ว่าจะเป็นนิด้าโพล ธุรกิจบัณฑิตย์โพล และล่าสุด กรุงเทพโพลล์ ระบุตรงกันว่าผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของ ปชป.ตาม พท.เกือบ 20 เขต จากทั้งหมด 33 เขต พร้อมวิเคราะห์ว่าเหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะการรณรงค์โหวตโนของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไปตัดคะแนนของ ปชป.จึงให้ปรับวิธีชี้แจงกับประชาชนว่า การโหวตโนเท่ากับช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พรรค พท.และคนเสื้อแดงทางอ้อม และจะทำให้แกนนำ นปช.อาทิ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ได้เป็นรัฐมนตรี
แต่ข้อกล่าวหาของ ปชป.ที่ถนัดในยุทธวิธีใต้ดิน ปล่อยข่าวทำลายฝ่ายตรงข้ามทั้งบนดินใต้ดิน ผ่านคอลัมนิสต์พิธีกรรับจ้างแลกกับผลประโยชน์ก็เป็นหมันไปชั่วข้ามคืน หลังคุณสนธิประกาศเสียงดังฟังชัดว่า “วันใดที่พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลแล้วดำเนินการทางรัฐสภาออกกฎหมายนิรโทษกรรมทักษิณ ผมจะเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นมาและออกมาต่อสู้เรื่องนี้...”
ก่อนหน้านี้ความพยายามหลายครั้งที่โหมกระหน่ำมาเป็นระลอกเพื่อทำลายป้อมค่ายของพันธมิตรฯ ตั้งแต่การปล่อยข่าวว่ารับเงินทักษิณ ให้นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ออกมาป้ายสีโดยใช้วิธีตัดต่อคำพูดของคนนั้นคนนี้และต่อจิกซอว์พูดความจริงเสี้ยวเดียวแบบที่เจิมศักดิ์ถนัด ใช้ช่อง 11 รับใช้พรรคประชาธิปัตย์อย่างสุดลิ่ม แต่วิธีการสกปรกของเจิมศักดิ์ก็ใช้ไม่ได้ผล เพราะพฤติกรรมที่แสดงออกนั้นถ่อยและกักขฬะสิ้นดี
จริงแล้วไม่มีใครใส่ใจหรอกว่าเจิมศักดิ์จะสนับสนุนนายอภิสิทธิ์หรือไม่ เพราะเป็นสิทธิของนายเจิมศักดิ์ แต่สิ่งที่นายเจิมศักดิ์กระทำนั้นมันเกินเลยสิทธิพื้นฐานของสื่อมวลชน เกินขอบเขตของคนที่มีสามัญสำนึกผิดชอบชั่วดี น่าสมเพชสิ้นดีที่คนมีความรู้แต่กลับใช้ความรู้นั้น มาใช้กระบวนการของรัฐในการทำร้ายบุคคลอื่นแบบเกินเลยเหตุผลและข้อเท็จจริง
นักวิชาการด้านสื่อมวลชนคนหนึ่งโทรศัพท์เข้ามาวิพากษ์บทบาทของนายเจิมศักดิ์และบอกว่า อย่าไปใส่ใจเพราะแรงกระหน่ำของเจิมศักดิ์และวิธีการไร้อนารยะที่นายเจิมศักดิ์ใช้จะเป็นบูมเมอแรงสะท้อนกลับไปยังพรรคประชาธิปัตย์ และคนจะจดจำนายเจิมศักดิ์และตุ๊ดคู่หูในฐานะสุนัขรับใช้นักการเมืองไม่ใช่สื่อมวลชน เช่นเดียวกับที่คนจดจำบทบาทของสมัครและดุสิตเท่านั้นเอง
และถูกตั้งคำถามว่า หากนายเจิมศักดิ์ใช้สื่อของรัฐเป็นเครื่องมือทำลายฝ่ายตรงข้ามได้ขนาดนี้ ถ้าพรรคของทักษิณกลับมาพวกนั้นก็จะใช้ช่อง 11 เป็นเครื่องมือแบบเดียวกับที่เจิมศักดิ์ใช้ เพราะนายเจิมศักดิ์ได้ใช้สื่อของรัฐเป็นเครื่องมือทำลายฝ่ายตรงข้ามแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับตั้งแต่สมัคร-ดุสิตใช้วิทยุยานเกราะเป็นเครื่องมือทำลายขบวนการนักศึกษา
แต่ดูเหมือนว่า ความพยายามของเจิมศักดิ์จะไร้ผล เพราะโพลทุกสำนักที่ออกมาในช่วงนี้ยิ่งนานวันเข้าคะแนนของพรรคเพื่อแม้วจะทิ้งห่างพรรคประชาธิปัตย์ คะแนนของปูเหนือกว่าคะแนนของมาร์คไปเรื่อยๆ
แต่ไม่ว่าปูหรือมาร์คจะชนะสำหรับพันธมิตรฯ เห็นว่านี่ไม่ใช่ทางออก เพราะคนสองคนนี้มีประวัติไม่ได้ต่างกัน เป็นลูกแหง่ที่ถูกผลักดันให้มาเล่นการเมืองทั้งคู่ อภิสิทธิ์นั้นทำตามความฝันของครอบครัว ส่วนปูนั้นทำตามความฝันของพี่ชาย เกือบ 3 ปีของอภิสิทธิ์นั้นพิสูจน์แล้วว่าทำงานไม่เป็นดีแต่พูด ส่วนปูนั้นไม่เคยมีประวัติการทำงานที่แจ่มชัดมาก่อนนอกจากเป็นหุ่นเชิดของพี่ชาย
อีกอย่างที่ทำให้การใส่ร้ายป้ายสีการออกมารณรงค์ให้ประชาชนไปกาช่องไม่ประสงค์จะลงคะแนนของฝ่ายตรงข้ามที่กระหน่ำตีมายังพันธมิตรฯ ไร้ผล เพราะโดยเนื้อหาที่พันธมิตรฯ เคลื่อนไหวอยู่นั้น วิพากษ์วิจารณ์ทั้งระบอบทักษิณและระบอบอภิสิทธิ์ และป้ายรณรงค์ในโค้งสุดท้ายของพันธมิตรฯ นั้นประกาศไว้ชัดว่า ไม่เอาทั้งควายแดงและควายฟ้า
ทุกวันนี้มีประชาชนจำนวนไม่น้อยกลัวการกลับมาของทักษิณเช่นเดียวกับพันธมิตรฯ ที่ร่วมต่อสู้กับระบอบทักษิณกันมา แต่การประกาศของคุณสนธิที่ว่า วันใดที่พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลแล้วดำเนินการทางรัฐสภาออกกฎหมายนิรโทษกรรมทักษิณ จะเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นมาและออกมาต่อสู้เรื่องนี้ ได้กลายเป็นเครื่องการันตีที่ทำให้สังคมอุ่นใจได้ว่า คนที่สามารถรับมือกับระบอบทักษิณและลิ่วล้อนอมินีได้นั้นมีเพียงพันธมิตรฯ เท่านั้นไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์
เพราะ 2 ปีกว่าที่พรรคประชาธิปัตย์ครองอำนาจนั้น กลายเป็นเครื่องมือที่เร่งให้คนเสื้อแดงและระบอบทักษิณเติบโต คนไทยฝันร้ายจากการคุกคามของระบอบทักษิณและคนเสื้อแดงที่ลุกขึ้นมาเผาบ้านทำลายเมือง สถาบันพระมหากษัตริย์ถูกสั่นคลอน ในขณะที่รัฐบาลเอาแต่เสวยอำนาจและแบ่งปันประโยชน์ในพรรคร่วม และปล่อยให้ทหารที่ออกมารับมือกลายเป็นจำเลยสังคม
2 ปีกว่าที่คนเสื้อแดงกลายเป็นกระบวนการที่เติบใหญ่ไปพร้อมกับขบวนการจาบจ้วงสถาบันที่ฮึกเหิม ล้วนเกิดขึ้นภายใต้การนำของรัฐบาลที่อ่อนแอ คดีความของทักษิณและลิ่วล้อและคดีที่ต่อเนื่องจากการยึดทรัพย์ทักษิณถูกเพิกเฉย สถาบันพระมหากษัตริย์ถูกสั่นคลอนจนเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินต้องออกมาร้องขอความเป็นธรรมให้ในหลวง
ผมคงไม่ต้องบอกว่า ระหว่างเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ที่ทุกโพลบอกว่าแพ้แน่ แล้วไปพ่ายแพ้การยกมือในสภากับเสียงโหวตโนของพันธมิตรฯ ถ้ามีพลังที่มากพออันไหนจะรับมือกับระบอบทักษิณได้มากกว่ากัน
แต่สำหรับผมเชื่อด้วยว่าคนที่จะทำให้สถาบันมั่นคง และทักษิณไม่สามารถกลับประเทศได้คือ พันธมิตรฯ ไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์อย่างแน่นอน
