ASTVผู้จัดการรายวัน-BTSC ตั้งเป้าปีนี้รายได้ค่าตั๋วโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสพุ่ง 15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 3.5 พันล้านบาท เหตุเปิดส่วนต่อขยายอ่อนนุช-แบริ่ง แอร์พอร์ตลิงค์และคอนโดฯ ใหม่ ที่ผุดตามเส้นทางรถไฟฟ้า ทำให้มีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น แย้มสนใจร่วมบริหารเดินรถไฟฟ้าในมาเก๊า คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา ผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)(BTSC) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส เปิดเผยว่า ปีนี้ได้ตั้งเป้ารายได้จากการขายตั๋วโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 3,500 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นตามจำนวนผู้โดยสารที่เติบโตขึ้น จากส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท อ่อนนุช-แบริ่ง ที่จะเปิดให้บริการในวันที่ 12 ส.ค.นี้ การเชื่อมต่อสถานีพญาไทกับแอร์พอร์ตลิงค์ ซึ่งในปีนี้จะมีการขยาย Express Line จากเดิมที่ให้บริการเฉพาะCity Line และคอนโดมิเนียมเปิดโครงการใหม่ตามเส้นทางรถไฟฟ้า
โดยประมาณการณ์ว่าจำนวนผู้โดยสารจะปรับตัวสูงขึ้น 15% จากปีก่อนที่มีจำนวนผู้โดยสาร 145.2 ล้านเที่ยวคน หรือเฉลี่ยวันละประมาณ 4.11 แสนเที่ยวคน ขณะที่ธุรกิจสื่อโฆษณาคาดว่าจะมีรายได้เติบโต 40% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1.4 พันล้านบาท แม้ว่าปีที่ผ่านมา การเติบโตจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสจะต่ำกว่าที่คาดไว้ 8% แต่ล่าสุดพบว่ายอดผู้โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสสูงสุด 572,941 เที่ยวคน/วัน เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา นับว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่บริษัทเปิดให้บริการมา 11ปี และยอดผู้โดยสารในเดือนเม.ย.-พ.ค. 2554 ดีกว่าที่บริษัทคาดการณ์ไว้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่จำนวนผู้โดยสารลดลงจากผลกระทบการชุมนุมทางการเมือง ทำให้บริษัทต้องปิดให้การบริการไปหลายวัน
นายสุรพงษ์กล่าวถึงความคืบหน้าการเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสส่วนต่อขยายเส้นสีลมจากวงเวียนใหญ่-บางหว้าว่า อยู่ระหว่างการเจรจากับกรุงเทพมหานคร คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ หลังจากนั้นจะดำเนินการสั่งซื้อรถไฟฟ้าเพิ่มอีก 5 ขบวน ใช้เงินลงทุน 1.5 พันล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากการกู้ยืมสถาบันการเงินและเงินสดจากการดำเนินงาน โดยรถไฟฟ้าใหม่จะเข้ามาเสริมระบบได้ในอีก 2ปีครึ่ง รองรับการให้บริการเส้นทางดังกล่าวในปลายปี 2555
ส่วนการปรับขึ้นค่านั้น คงต้องมีการพิจารณาอีกครั้ง เนื่องจากบริษัทสามารถจัดเก็บค่าโดยสารในอัตรา 15-45 บาท แต่ปัจจุบันเก็บอยู่ที่ 15-40 บาท โดยในส่วนที่เดินรถส่วนต่อขยายทั้งช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง และ ช่วงวงเวียนใหญ่-บางหว้า บริษัทไม่ได้เก็บ เนื่องจากเป็นว่าจ้างจากกรุงเทพมหานคร โดยกรุงเทพฯ จะเป็นผู้จัดเก็บค่าโดยสารเอง
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ในด้านการลงทุนในต่างประเทศ บริษัทสนใจเข้าบริหารเดินรถไฟฟ้าที่มาเก๊า แม้ว่าจะมีคู่แข่งที่น่ากลัวอย่างจีน และฝรั่งเศส คาดว่าปีนี้จะมีความชัดเจนขึ้น ส่วนเวียดนามคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีข้อกังวลเกี่ยวกับค่าเงินอ่องที่อ่อนค่าลง
สำหรับการลงทุนในประเทศ บริษัทยังให้ความสนใจเข้าร่วมการประมูลเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค ,บางซื่อ-ท่าพระ อย่างมาก แม้ว่าจะพลาดการประมูลเดินรถสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ เนื่องจากรถไฟฟ้าเส้นทางนี้จะมีจุดตัดกับรถไฟฟ้าบีทีเอสที่บางหว้า ทำให้บริษัทมีความได้เปรียบคู่แข่ง
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา ผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)(BTSC) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส เปิดเผยว่า ปีนี้ได้ตั้งเป้ารายได้จากการขายตั๋วโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 3,500 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นตามจำนวนผู้โดยสารที่เติบโตขึ้น จากส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท อ่อนนุช-แบริ่ง ที่จะเปิดให้บริการในวันที่ 12 ส.ค.นี้ การเชื่อมต่อสถานีพญาไทกับแอร์พอร์ตลิงค์ ซึ่งในปีนี้จะมีการขยาย Express Line จากเดิมที่ให้บริการเฉพาะCity Line และคอนโดมิเนียมเปิดโครงการใหม่ตามเส้นทางรถไฟฟ้า
โดยประมาณการณ์ว่าจำนวนผู้โดยสารจะปรับตัวสูงขึ้น 15% จากปีก่อนที่มีจำนวนผู้โดยสาร 145.2 ล้านเที่ยวคน หรือเฉลี่ยวันละประมาณ 4.11 แสนเที่ยวคน ขณะที่ธุรกิจสื่อโฆษณาคาดว่าจะมีรายได้เติบโต 40% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1.4 พันล้านบาท แม้ว่าปีที่ผ่านมา การเติบโตจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสจะต่ำกว่าที่คาดไว้ 8% แต่ล่าสุดพบว่ายอดผู้โดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสสูงสุด 572,941 เที่ยวคน/วัน เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา นับว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่บริษัทเปิดให้บริการมา 11ปี และยอดผู้โดยสารในเดือนเม.ย.-พ.ค. 2554 ดีกว่าที่บริษัทคาดการณ์ไว้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่จำนวนผู้โดยสารลดลงจากผลกระทบการชุมนุมทางการเมือง ทำให้บริษัทต้องปิดให้การบริการไปหลายวัน
นายสุรพงษ์กล่าวถึงความคืบหน้าการเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสส่วนต่อขยายเส้นสีลมจากวงเวียนใหญ่-บางหว้าว่า อยู่ระหว่างการเจรจากับกรุงเทพมหานคร คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ หลังจากนั้นจะดำเนินการสั่งซื้อรถไฟฟ้าเพิ่มอีก 5 ขบวน ใช้เงินลงทุน 1.5 พันล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากการกู้ยืมสถาบันการเงินและเงินสดจากการดำเนินงาน โดยรถไฟฟ้าใหม่จะเข้ามาเสริมระบบได้ในอีก 2ปีครึ่ง รองรับการให้บริการเส้นทางดังกล่าวในปลายปี 2555
ส่วนการปรับขึ้นค่านั้น คงต้องมีการพิจารณาอีกครั้ง เนื่องจากบริษัทสามารถจัดเก็บค่าโดยสารในอัตรา 15-45 บาท แต่ปัจจุบันเก็บอยู่ที่ 15-40 บาท โดยในส่วนที่เดินรถส่วนต่อขยายทั้งช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง และ ช่วงวงเวียนใหญ่-บางหว้า บริษัทไม่ได้เก็บ เนื่องจากเป็นว่าจ้างจากกรุงเทพมหานคร โดยกรุงเทพฯ จะเป็นผู้จัดเก็บค่าโดยสารเอง
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ในด้านการลงทุนในต่างประเทศ บริษัทสนใจเข้าบริหารเดินรถไฟฟ้าที่มาเก๊า แม้ว่าจะมีคู่แข่งที่น่ากลัวอย่างจีน และฝรั่งเศส คาดว่าปีนี้จะมีความชัดเจนขึ้น ส่วนเวียดนามคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีข้อกังวลเกี่ยวกับค่าเงินอ่องที่อ่อนค่าลง
สำหรับการลงทุนในประเทศ บริษัทยังให้ความสนใจเข้าร่วมการประมูลเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค ,บางซื่อ-ท่าพระ อย่างมาก แม้ว่าจะพลาดการประมูลเดินรถสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ เนื่องจากรถไฟฟ้าเส้นทางนี้จะมีจุดตัดกับรถไฟฟ้าบีทีเอสที่บางหว้า ทำให้บริษัทมีความได้เปรียบคู่แข่ง