วานนี้(7 มิ.ย.) พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ทวิตข้อความผ่านเวปไซค์ทวิตเตอร์ส่วนตัว ระบุว่า “เขาเรียกกันว่าขาประจำครับ พวกนี้ไม่ต้องการให้บ้านเมืองปรองดอง เพราะได้รับประโยชน์และมีความสำคัญจากการขัดแย้ง โดยไม่คำนึงถึงส่วนรวม”
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครสส.แบบบัญชีรายชื่อลำดับที่หนึ่ง พรรคเพื่อไทย กล่าวภายหลังการไหว้พระธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนมว่าพร้อมรับการตรวจสอบต่อสาธารณชนภายใต้กฎกติกา ส่วนตัวจะอดทนและชี้แจงข้อเท็จจริง
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คนกลุ่มนี้กระทำไม่ได้เกิดขึ้นด้วยความสุจริต แต่ต้องการให้มีผลกระทบต่อคะแนนนิยมต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะเป็นการล็อคเป้า โดยใช้กฎหมายมาเป็นฉากกำบัง ถ้าดูตามข้อเท็จจริงแล้วคนเหล่านี้ โดยเฉพาะนายแก้วสรรที่เป็นนักกฎหมายต้องรู้เป็นอย่างดีว่า กระบวนการทางกฎหมายมีขั้นตอน และถ้ากรณีนี้ต้องมีการดำเนินคดีกันอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 ปี ดังนั้น กระบวนการทั้งหมดจะไม่สามารถสรุปได้ภายในระยะเวลาจากวันนี้ถึงวันที่ 3 กรกฎาคม แต่การกระทำของคนกลุ่มนี้ทำให้น.ส.ยิ่งลักษณ์เกิดความเสียหายไปแล้ว
ร.ต.ท.เชาวรินทร์ ลัทธศักดิ์ศิริ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าว เป็นการสร้างความหวั่นไหวแก่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ จนออกอาการไม่เป็นสุภาพบุรุษ โดยตนเห็นว่าทั้ง 2 คนควรมีจะพรหมวิหารธรรมมากกว่านี้ การกล่าวร้ายบิดเบือนข้อเท็จจริง ใช้คำพูดดูถูกเหยียดหยามต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการกระทำของคนจิตใจต่ำ กล่าวหาว่าพรรคเพื่อไทยพยายามล้างความผิดให้คนคนเดียวดังนั้นตนและผู้สมัครทั่วประเทศ จะแจ้งความดำเนินคดีและจะร้องต่อกกต. ให้เอาผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. มาตรา 53 (5)
“กลุ่มบุคคลที่ออกมากล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าให้การเท็จต่อศาลในคดียึดทรัพย์นั้น ตนเห็นตามคำพระพยอมท่านว่า เป็นพวกสมองหมาปัญญาควาย สมองหมาคือพวกคนบ้าไม่มีเหตุผล ปัญญาควายคือพวกคนโง่ เมื่อมีทั้งสมองหมาปัญญาควายรวมกัน ยิ่งน่ากลัวต่อประเทศไทย ควรปล่อยให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน พวกสมองหมาปัญญาควายควรหยุดปั่นป่วนได้แล้ว” ร.ต.ท.เชาวรินทร์กล่าว
วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ หัวเราะก่อนปฏิเสธข่าวกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกมาระบุว่า การที่น.พ.ตุลย์ ออกมาเพราะเป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ไม่มีหรอกครับ ตนก็ทราบจากข่าวสารเท่านั้นเองว่า คนเหล่านี้มีความคิดในเรื่องที่เขาเคลื่อนไหวไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งหมอตุลย์ นายแก้วสรร ถามว่าเรารู้จักคนเหล่านี้ไหม รู้จัก และตนเห็นตรงกันหลายเรื่อง และไม่เห็นตรงกันหลายเรื่อง
“ถามคิดแบบนี้ เดี๋ยวคนก็ถามคุณสนธิบ้างว่า กลับไปอยู่กับคุณทักษิณแล้วหรือเปล่า ถึงมาพยายามให้คนที่ไม่เอาคุณทักษิณแล้วโหวตโน ถ้าเกิดถามก็วุ่นวายไปกันใหญ่ อย่าไปจิตนาการมากไปเลยครับ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงเกรณีนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ผิดในคดีที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาหลายคดีแต่เพราะถูกกระทำว่า นายนพดลแน่ใจหรือว่าไม่ผิด โดยเฉพาะคดีที่ศาลได้ตัดสินแล้วว่าทุจริตคอร์รัปชั่น เช่น ซุกหุ้นและอีกหลายคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งเป็นการออกนโยบายเอื้อประโยชน์ธุรกิจตัวเองและพวกพ้อง
ส่วนทวิตเตอร์ของ พ.ต.ท.ทักษิณที่บอกใครที่เกี่ยวข้องกับคดีความของตัวเอง เป็นส่วนหนึ่งที่ไม่ต้องการสร้างความปรองดองสะท้อนชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ต้องการรับโทษ และพยายามผูกเรื่องการล้างผิดเข้ากับกระบวนการปรองดองชาติ ปชป.ยืนยันว่าสองเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน
นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดี หากแต่ต้องไม่ได้กระทำเพียงเพื่อผลประโยชน์ของพรรคการเมืองหนึ่งพรรคการเมืองใดหรือต้องการตัดคู่แข่งเท่านั้น และมาใช้ช่วงเวลานี้ในการเรียกร้อง อาศัยเกาะข่าวในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง ประชาชนจึงจั้งข้อสังเกตว่าต้องการทำเพื่อประโยชน์ของใครหรือไม่
ที่รัฐสภา เครือข่ายพลเมืองคัดค้านนิรโทษกรรมคอร์รัปชั่นทักษิณ (คนท.) นำโดยนายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการและอดีตคณะกรรมการครวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำเครือข่ายคนเสื้อหลากสี เข้ายื่นหนังสือต่อ น.ส.สุมล สุตวิริยะวัฒน์ ส.ว. เพชรบุรี ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาตรวจสอบการทุจริตและเสริมสร้างธรรมภิบาล วุฒิสภาเพื่อขอให้ติดตามการทำงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อัยการสูงสุด (อสส.) และสำนักงานตลาดหลักทรัยพ์ (กลต.) ต่อคดีที่ คตส.ได้ตรวจสอบคดีความของพ.ต.ท.ทักษิณ และส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อทำหน้าที่ตามกระบวนของกฎหมาย หลังผ่านมากว่า 3 ปีแต่คดียังไม่มีความคืบหน้า
ทั้งนี้ ขอให้ทาง ส.ว.ช่วยติดตามสอบถามจากผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นการเฉพาะด้วยว่า เมื่อศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ชี้ขาดในคดียึดทรัพย์ ตามคำพิพากษา ที่ อม.1/2553 ว่า พ.ต.ท.ทักษิณหลีกเลี่ยงกฎหมายโดยใช้ชื่อบุตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถือหุ้นชินคอร์ปแทนตนนั้น รวมทั้งยังมีคดีข้างเคียง ได้แก่ 1.คดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณแจ้งบัญชีทรัยพย์สินอันเป็นเท็จต่อ ป.ป.ช. 2.คดี ภริยา บุตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้การเท็จต่อ คตส. และเบิกความเท็จต่อศาลฎีกา 3.คดีแจ้งข้อมูลธุรกรรมหุ้นชินคอร์ปเป็นเท็จต่อตลาดหลักทรัพย์ และ 4.คดีที่เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจชินคอร์ป โดยขอให้สอบถามไปยัง ป.ป.ช. อสส. และ กลต.
ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้ง เพราะการที่ผู้สมัครถูกพาดพิงในช่วงการเลือกตั้งเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งไม่ใช่การใส่ร้ายป้ายสี ไม่ใช่การรังแก น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยก่อนหน้านี้ที่ไม่ยื่นเรื่อง เพราะยังไม่ทราบว่าพรรคเพื่อไทยจะเสนอบุคคลใดเป็นนายกรัฐมนตรี มีการปกปิดมาตลอด โดยพวกเรามองไปถึงจุดที่ว่าการเลือกตั้งเป็นขั้นหนึ่งของประชามติ ที่จะกลายมาเป็นกฎหมู่ของตระกูลนี้ หากเขาได้เสียงข้างมากไป สิ่งที่เขาจะทำต่อ คือ ผลักร่างกฎหมายนิรโทษกรรมเข้าสู่สภาฯ ซึ่งเมื่อมีความชัดเจนว่าเขาเดินหน้าแผนหนึ่ง เราก็กล่าวโทษทันที เพื่อสกัดไม่ให้ใครมาออกกฎหมายเพื่อนิรโทษกรรมตนเอง
“คะแนนเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร เราไม่สนใจ แต่เราไปดักหน้าแผนการณ์ของเขาไว้แล้ว และภาวนาว่าหากเขาชนะเลือกตั้ง สิ่งที่เราทำอยู่นี้จะหยุดไม่ให้เขากล้าผลักดันการนิรโทษกรรม นี่คืนสิ่งที่เราต้องการ ส่วนการที่เขาจะชนะเลือกตั้งหรือไม่ ไม่ใช่ความรับผิดชอบของเรา เป็นดุลยพินิจของประชาชน และผมเชื่อว่าประชาชนเคยชินกับการที่ผู้ต้องหาลงสมัครรับเลือกตั้ง จึงเชื่อว่าไม่ได้ทำให้พรรคไหนเสียคะแนน” นายแก้วสรร กล่าว
ส่วนกรณีที่ นายสนธิ ระบุว่านายแก้วสรร และ นพ.ตุลย์เป็นเครือข่ายต่อสู้เพื่อพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายแก้วสรร กล่าวว่า เหตุใดจึงมองว่าการไม่เห็นด้วยกับพรรคเพื่อไทยต้องผูกขาดว่าเป็นฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น อยากให้มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของแผ่นดิน เมื่อมีคนกำลังจะนิรโทษกรรมคนคอร์รัปชั่น ซึ่งเราไม่สามารถฝากให้พรรคประชาธิปัตย์ไปทำได้ เพราะหากเขากล้าทำจริง เรื่องคงไม่บานปลายมาถึงวันนี้
ด้าน นพ.ตุลย์ กล่าวว่า ได้กล่าวโทษผ่านทางเวบไซต์เฟซบุ๊คชื่อ "กล่าวโทษปู หยุดกฎหมู่ชินวัตร" โดยจะรวบรวมเอกสารการกล่าวโทษทั้งหมดในวันที่ 18 มิ.ย. เวลา 14.00-16.00 น. ที่ชั้น 3 อาคารเอนกประสงค์ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และในวันที่ 21 มิ.ย.จะไปยื่นต่ออธิบดีดีเอสไอ
ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณทวิตข้อความที่ระบุว่า นายแก้วสรร และ นพ.ตุลย์เป็นกลุ่มขาประจำที่ไม่อยากให้บ้านเมืองปรองดอง ว่า ตนไม่ปรองดองกับคนที่ทำผิด และสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณทวิตออกมา ตนตีความว่าถ้าเราดำเนินการต่อไปคุณจะสร้างความไม่ปรองดองให้เกิดขึ้น และสร้างความรุนแรงให้เกิดขึ้นอีกใช่หรือไม่ ส่วนตัวมองว่าหากจะสยบความแตกแยกได้ ต้องดำเนินกับคนที่พยายามปกปิดความผิดของตนเอง
อีกด้านนายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุด กล่าวว่า กรณีที่นายแก้วสรร สงสัยว่าเหตุใดอัยการไม่ดำเนินการทันทีเมื่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางหารเมือง มีคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาเป็นพยานนั้น โดยปกติคดีใดก็ตามเมื่ออัยการนำพยานเข้าเบิกความ หากเบิกความไม่ตรงหรือแตกต่างไปจากชั้นสอบสวน อัยการจะแจ้งให้พนักงานสอบสวนที่ทำสำนวนทราบเพื่อพิจารณาว่าพฤติการณ์นั้นเป็นการให้การเท็จ เบิกความเท็จหรือไม่ อย่างไร ไม่ใช่หน้าที่ที่อัยการดำเนินการเอง ซึ่งสำนวนคดียึดทรัพย์เริ่มต้นการสอบสวนจากคตส. โดยทางปฏิบัติเมื่อพบว่าน่าจะให้การหรือเบิกความเท็จก็เป็นเรื่องที่ คตส.จะเริ่มดำเนินการ ซึ่งแม้ที่ผ่านมา คตส.สิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่แล้ว และคดีต่างๆ ได้โอนให้ ป.ป.ช.
ดังนั้นจะเป็นการเบิกความเท็จคดียึดทรัพย์ หรือคดีที่เชื่อว่าน่าจะมีการกระทำผิดต่อเนื่องจากคดีที่กล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการ และที่จริงนายแก้วสรรและนพ.ตุลย์ ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงในเรื่องที่เชื่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเบิกความเท็จและคดีอื่นที่จะร้องทุกข์ แต่ถ้าจะยื่นเรื่องให้ดีเอสไอตามที่ระบุไว้ก็เหมือนเป็นการเริ่มเรื่องให้ตรวจสอบว่ามีการทำผิดหรือไม่
ทั้งนี้อัยการสูงสุดก็พร้อมทำหน้าที่ ส่วนคดีอื่นที่ คตส.ได้ดำเนินการและมีการกล่าวหาคนในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ร่วมกันทุจริตนั้น หลายคดีอยู่ระหว่างการสอบสวนในชั้น ป.ป.ช.
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครสส.แบบบัญชีรายชื่อลำดับที่หนึ่ง พรรคเพื่อไทย กล่าวภายหลังการไหว้พระธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนมว่าพร้อมรับการตรวจสอบต่อสาธารณชนภายใต้กฎกติกา ส่วนตัวจะอดทนและชี้แจงข้อเท็จจริง
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คนกลุ่มนี้กระทำไม่ได้เกิดขึ้นด้วยความสุจริต แต่ต้องการให้มีผลกระทบต่อคะแนนนิยมต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะเป็นการล็อคเป้า โดยใช้กฎหมายมาเป็นฉากกำบัง ถ้าดูตามข้อเท็จจริงแล้วคนเหล่านี้ โดยเฉพาะนายแก้วสรรที่เป็นนักกฎหมายต้องรู้เป็นอย่างดีว่า กระบวนการทางกฎหมายมีขั้นตอน และถ้ากรณีนี้ต้องมีการดำเนินคดีกันอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 ปี ดังนั้น กระบวนการทั้งหมดจะไม่สามารถสรุปได้ภายในระยะเวลาจากวันนี้ถึงวันที่ 3 กรกฎาคม แต่การกระทำของคนกลุ่มนี้ทำให้น.ส.ยิ่งลักษณ์เกิดความเสียหายไปแล้ว
ร.ต.ท.เชาวรินทร์ ลัทธศักดิ์ศิริ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าว เป็นการสร้างความหวั่นไหวแก่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ จนออกอาการไม่เป็นสุภาพบุรุษ โดยตนเห็นว่าทั้ง 2 คนควรมีจะพรหมวิหารธรรมมากกว่านี้ การกล่าวร้ายบิดเบือนข้อเท็จจริง ใช้คำพูดดูถูกเหยียดหยามต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการกระทำของคนจิตใจต่ำ กล่าวหาว่าพรรคเพื่อไทยพยายามล้างความผิดให้คนคนเดียวดังนั้นตนและผู้สมัครทั่วประเทศ จะแจ้งความดำเนินคดีและจะร้องต่อกกต. ให้เอาผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. มาตรา 53 (5)
“กลุ่มบุคคลที่ออกมากล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าให้การเท็จต่อศาลในคดียึดทรัพย์นั้น ตนเห็นตามคำพระพยอมท่านว่า เป็นพวกสมองหมาปัญญาควาย สมองหมาคือพวกคนบ้าไม่มีเหตุผล ปัญญาควายคือพวกคนโง่ เมื่อมีทั้งสมองหมาปัญญาควายรวมกัน ยิ่งน่ากลัวต่อประเทศไทย ควรปล่อยให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน พวกสมองหมาปัญญาควายควรหยุดปั่นป่วนได้แล้ว” ร.ต.ท.เชาวรินทร์กล่าว
วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ หัวเราะก่อนปฏิเสธข่าวกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกมาระบุว่า การที่น.พ.ตุลย์ ออกมาเพราะเป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ไม่มีหรอกครับ ตนก็ทราบจากข่าวสารเท่านั้นเองว่า คนเหล่านี้มีความคิดในเรื่องที่เขาเคลื่อนไหวไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งหมอตุลย์ นายแก้วสรร ถามว่าเรารู้จักคนเหล่านี้ไหม รู้จัก และตนเห็นตรงกันหลายเรื่อง และไม่เห็นตรงกันหลายเรื่อง
“ถามคิดแบบนี้ เดี๋ยวคนก็ถามคุณสนธิบ้างว่า กลับไปอยู่กับคุณทักษิณแล้วหรือเปล่า ถึงมาพยายามให้คนที่ไม่เอาคุณทักษิณแล้วโหวตโน ถ้าเกิดถามก็วุ่นวายไปกันใหญ่ อย่าไปจิตนาการมากไปเลยครับ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงเกรณีนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ผิดในคดีที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาหลายคดีแต่เพราะถูกกระทำว่า นายนพดลแน่ใจหรือว่าไม่ผิด โดยเฉพาะคดีที่ศาลได้ตัดสินแล้วว่าทุจริตคอร์รัปชั่น เช่น ซุกหุ้นและอีกหลายคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งเป็นการออกนโยบายเอื้อประโยชน์ธุรกิจตัวเองและพวกพ้อง
ส่วนทวิตเตอร์ของ พ.ต.ท.ทักษิณที่บอกใครที่เกี่ยวข้องกับคดีความของตัวเอง เป็นส่วนหนึ่งที่ไม่ต้องการสร้างความปรองดองสะท้อนชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ต้องการรับโทษ และพยายามผูกเรื่องการล้างผิดเข้ากับกระบวนการปรองดองชาติ ปชป.ยืนยันว่าสองเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน
นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดี หากแต่ต้องไม่ได้กระทำเพียงเพื่อผลประโยชน์ของพรรคการเมืองหนึ่งพรรคการเมืองใดหรือต้องการตัดคู่แข่งเท่านั้น และมาใช้ช่วงเวลานี้ในการเรียกร้อง อาศัยเกาะข่าวในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง ประชาชนจึงจั้งข้อสังเกตว่าต้องการทำเพื่อประโยชน์ของใครหรือไม่
ที่รัฐสภา เครือข่ายพลเมืองคัดค้านนิรโทษกรรมคอร์รัปชั่นทักษิณ (คนท.) นำโดยนายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการและอดีตคณะกรรมการครวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำเครือข่ายคนเสื้อหลากสี เข้ายื่นหนังสือต่อ น.ส.สุมล สุตวิริยะวัฒน์ ส.ว. เพชรบุรี ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาตรวจสอบการทุจริตและเสริมสร้างธรรมภิบาล วุฒิสภาเพื่อขอให้ติดตามการทำงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อัยการสูงสุด (อสส.) และสำนักงานตลาดหลักทรัยพ์ (กลต.) ต่อคดีที่ คตส.ได้ตรวจสอบคดีความของพ.ต.ท.ทักษิณ และส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อทำหน้าที่ตามกระบวนของกฎหมาย หลังผ่านมากว่า 3 ปีแต่คดียังไม่มีความคืบหน้า
ทั้งนี้ ขอให้ทาง ส.ว.ช่วยติดตามสอบถามจากผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นการเฉพาะด้วยว่า เมื่อศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ชี้ขาดในคดียึดทรัพย์ ตามคำพิพากษา ที่ อม.1/2553 ว่า พ.ต.ท.ทักษิณหลีกเลี่ยงกฎหมายโดยใช้ชื่อบุตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถือหุ้นชินคอร์ปแทนตนนั้น รวมทั้งยังมีคดีข้างเคียง ได้แก่ 1.คดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณแจ้งบัญชีทรัยพย์สินอันเป็นเท็จต่อ ป.ป.ช. 2.คดี ภริยา บุตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้การเท็จต่อ คตส. และเบิกความเท็จต่อศาลฎีกา 3.คดีแจ้งข้อมูลธุรกรรมหุ้นชินคอร์ปเป็นเท็จต่อตลาดหลักทรัพย์ และ 4.คดีที่เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจชินคอร์ป โดยขอให้สอบถามไปยัง ป.ป.ช. อสส. และ กลต.
ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้ง เพราะการที่ผู้สมัครถูกพาดพิงในช่วงการเลือกตั้งเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งไม่ใช่การใส่ร้ายป้ายสี ไม่ใช่การรังแก น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยก่อนหน้านี้ที่ไม่ยื่นเรื่อง เพราะยังไม่ทราบว่าพรรคเพื่อไทยจะเสนอบุคคลใดเป็นนายกรัฐมนตรี มีการปกปิดมาตลอด โดยพวกเรามองไปถึงจุดที่ว่าการเลือกตั้งเป็นขั้นหนึ่งของประชามติ ที่จะกลายมาเป็นกฎหมู่ของตระกูลนี้ หากเขาได้เสียงข้างมากไป สิ่งที่เขาจะทำต่อ คือ ผลักร่างกฎหมายนิรโทษกรรมเข้าสู่สภาฯ ซึ่งเมื่อมีความชัดเจนว่าเขาเดินหน้าแผนหนึ่ง เราก็กล่าวโทษทันที เพื่อสกัดไม่ให้ใครมาออกกฎหมายเพื่อนิรโทษกรรมตนเอง
“คะแนนเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร เราไม่สนใจ แต่เราไปดักหน้าแผนการณ์ของเขาไว้แล้ว และภาวนาว่าหากเขาชนะเลือกตั้ง สิ่งที่เราทำอยู่นี้จะหยุดไม่ให้เขากล้าผลักดันการนิรโทษกรรม นี่คืนสิ่งที่เราต้องการ ส่วนการที่เขาจะชนะเลือกตั้งหรือไม่ ไม่ใช่ความรับผิดชอบของเรา เป็นดุลยพินิจของประชาชน และผมเชื่อว่าประชาชนเคยชินกับการที่ผู้ต้องหาลงสมัครรับเลือกตั้ง จึงเชื่อว่าไม่ได้ทำให้พรรคไหนเสียคะแนน” นายแก้วสรร กล่าว
ส่วนกรณีที่ นายสนธิ ระบุว่านายแก้วสรร และ นพ.ตุลย์เป็นเครือข่ายต่อสู้เพื่อพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายแก้วสรร กล่าวว่า เหตุใดจึงมองว่าการไม่เห็นด้วยกับพรรคเพื่อไทยต้องผูกขาดว่าเป็นฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น อยากให้มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของแผ่นดิน เมื่อมีคนกำลังจะนิรโทษกรรมคนคอร์รัปชั่น ซึ่งเราไม่สามารถฝากให้พรรคประชาธิปัตย์ไปทำได้ เพราะหากเขากล้าทำจริง เรื่องคงไม่บานปลายมาถึงวันนี้
ด้าน นพ.ตุลย์ กล่าวว่า ได้กล่าวโทษผ่านทางเวบไซต์เฟซบุ๊คชื่อ "กล่าวโทษปู หยุดกฎหมู่ชินวัตร" โดยจะรวบรวมเอกสารการกล่าวโทษทั้งหมดในวันที่ 18 มิ.ย. เวลา 14.00-16.00 น. ที่ชั้น 3 อาคารเอนกประสงค์ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และในวันที่ 21 มิ.ย.จะไปยื่นต่ออธิบดีดีเอสไอ
ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณทวิตข้อความที่ระบุว่า นายแก้วสรร และ นพ.ตุลย์เป็นกลุ่มขาประจำที่ไม่อยากให้บ้านเมืองปรองดอง ว่า ตนไม่ปรองดองกับคนที่ทำผิด และสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณทวิตออกมา ตนตีความว่าถ้าเราดำเนินการต่อไปคุณจะสร้างความไม่ปรองดองให้เกิดขึ้น และสร้างความรุนแรงให้เกิดขึ้นอีกใช่หรือไม่ ส่วนตัวมองว่าหากจะสยบความแตกแยกได้ ต้องดำเนินกับคนที่พยายามปกปิดความผิดของตนเอง
อีกด้านนายวัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุด กล่าวว่า กรณีที่นายแก้วสรร สงสัยว่าเหตุใดอัยการไม่ดำเนินการทันทีเมื่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางหารเมือง มีคำพิพากษาคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาเป็นพยานนั้น โดยปกติคดีใดก็ตามเมื่ออัยการนำพยานเข้าเบิกความ หากเบิกความไม่ตรงหรือแตกต่างไปจากชั้นสอบสวน อัยการจะแจ้งให้พนักงานสอบสวนที่ทำสำนวนทราบเพื่อพิจารณาว่าพฤติการณ์นั้นเป็นการให้การเท็จ เบิกความเท็จหรือไม่ อย่างไร ไม่ใช่หน้าที่ที่อัยการดำเนินการเอง ซึ่งสำนวนคดียึดทรัพย์เริ่มต้นการสอบสวนจากคตส. โดยทางปฏิบัติเมื่อพบว่าน่าจะให้การหรือเบิกความเท็จก็เป็นเรื่องที่ คตส.จะเริ่มดำเนินการ ซึ่งแม้ที่ผ่านมา คตส.สิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่แล้ว และคดีต่างๆ ได้โอนให้ ป.ป.ช.
ดังนั้นจะเป็นการเบิกความเท็จคดียึดทรัพย์ หรือคดีที่เชื่อว่าน่าจะมีการกระทำผิดต่อเนื่องจากคดีที่กล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการ และที่จริงนายแก้วสรรและนพ.ตุลย์ ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงในเรื่องที่เชื่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเบิกความเท็จและคดีอื่นที่จะร้องทุกข์ แต่ถ้าจะยื่นเรื่องให้ดีเอสไอตามที่ระบุไว้ก็เหมือนเป็นการเริ่มเรื่องให้ตรวจสอบว่ามีการทำผิดหรือไม่
ทั้งนี้อัยการสูงสุดก็พร้อมทำหน้าที่ ส่วนคดีอื่นที่ คตส.ได้ดำเนินการและมีการกล่าวหาคนในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ร่วมกันทุจริตนั้น หลายคดีอยู่ระหว่างการสอบสวนในชั้น ป.ป.ช.