ตลาดของเล่นไทยคาดได้รับผลดีจากเออีซี ชี้รายย่อยอยู่ลำบาก ปัญหามากขึ้น คาดหวังตลาดของไทยยังเติบโตได้อีก นิชิเวิร์ลเร่งผลักดันตลาดเต็มที่ หวังอีก 5 ปีตลาดโต 100% ปรับแผนผนึก 4 บริษัทในเครือลุยร่วมดันตลาด นำเข้าเพิ่มอีก 10 แบรนด์
นายสุทธิชัย เอี่ยมเจริญยิ่ง กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท นิชิเวิร์ล จำกัด ผู้ประกอบการด้านของเล่นรายใหญ่เปิดเผยว่า ตลาดของเล่นในไทยจะขยายตัวดีขึ้นหลังจากที่ตลาดเออีซีหรือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนมีผลสมบูรณ์แบบในปี 2558 แต่จะไม่กระทบกับผู้นำเข้าเพราะว่าตลาดเอเซียมีประเทศที่เป็นผู้ผลิตของเล่นน้อยราย แต่ถ้าหากว่า เป็นการรวม เออีซีบวกจีน จะส่งผลให้ราคาถูกลง ซึ่งคาดว่าอีก 5 ปีจากนี้จะเกิดได้ ซึ่งจะยิ่งทำให้ผู้ส่งออกของเล่นของไทยสามารถขยายตลาดในเอเซียได้มากขึ้นอีก แต่ก็ต้องปรับตัวแ ละทำตลาดให้ถูกต้องทั้งด้านการผลิต การออกแบบ การลดต้นทุน การขยายตลาด
ขณะเดียวกันผู้ประกอบการของเล่นรายย่อยในไทยจะตกที่นั่งลำบากมากขึ้น เนื่องจากตลาดของเล่นต่างประเทศจะมีมากขึ้น ส่วนช่องทางการจำหน่ายอย่างเช่นห้างสรรพสินค้าเองก็ต้องการที่จะเลือกเฉพาะซัพพลายเออร์ไม่กี่รายที่มียอดขายดี ไม่ต้องการมีซัพพลายเออร์มากเกินไปแต่รายได้น้อย ซึ่งเข้าสูตร 20-80 คือ ซัพพลายเออร์ 20 % ทำยอดขายได้ 80% ส่วนซัพพลายเออร์อีก 80% ทำยอดขายได้ 20%
อีกทั้งยังป็นผลกระทบจากข้อบังคับของทางมอก. หรือสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ที่ออกมาเมื่อ2ปีที่แล้วที่ระบุว่า หากผู้ประกอบการรายใดจะนำสินค้าของเล่นเข้ามาจำหน่ายจะต้องให้เจ้าหน้าที่ของมอก.ไปทำการตรวจสอบหรือ AUDIT โรงงานแหล่งผลิตในประเทศนั้นๆก่อนที่จะนำเข้า ซึ่งจะทำให้ต้นทุนสูงและความเป็นไปได้ยากมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ตลาดของเล่นในไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก แต่ผู้ประกอบการต้องสร้างแรงกระตุ้นทางการตลาด เพราะทุกวันนี้มีมูลค่าตลาดเพียงแค่ 8,000 -9,000 ล้านบาทต่อปีเท่านั้น โดยมีรายใหญ่ในตลาดเพียง 3-4 รายเท่านั้น ขณะที่ประเทศอินโดนีเซียมีมูลค่ามากกว่าไทยถึง 3 เท่า ฟิลิปปินส์มากกว่า 2 เท่า อย่างไรก็ตามยังไม่นับตลาดนอกห้างสรรพสินค้าที่เป็นนอนแบรนด์ทั้งหลาย โดยปีนี้บริษัทฯคาดว่าตลาดรวของเล่นจะเติบโต 30%จากปีที่แล้วที่โตเพียง 10% และคาดหวังว่าอีก 5 ปีตลาดจะโต 100%
นายสุทธิชัยกล่าวว่า ในฐานะผู้นำตลาด จึงต้องผลักดันตลาดให้เติบโต โดยปีนี้ตั้งงบตลาดไว้ที่ 7% ของยอดขายรวม ตั้งเป้าหมายยอดขายปีนี้ยเติบโต 100% โดยจะรุกตลาดเต็มที่ ทั้งการทำบีโลว์เดอไลน์ อะโบฟเดอะไลน์ การขยายช่องทางจำหน่าย การนำเข้าสินค้าของเล่นเข้ามามากขึ้น ซึ่งล่าสุดครึ่งปีหลังนีนำเข้ามาอีก 10 แบรนด์ รวมกับของเดิมทำให้ทั้งเครือมีมากกว่า 30 แบรนด์แล้ว ครอบคลุมทุกตลาด ทุกกลุ่มเป้าหมาย ทุกระดับราคา และทุกช่องทางจำหน่าย
ทั้งนี้บริษัทฯจะผนึกกำลัง 4 บริษัทในเครือเพื่อรุกตลาดเต็มที่ทุกรูปแบบ เช่น บริษัท นิชิเวิร์ล จะเน้นการนำเข้าและจัดจำหน่ายเองมากขึน บริษัทวันเดอร์เวิร์ลเดิมเน้นขายสินค้าที่ผลิตเองจะเพิ่มบทบาทการนำเข้าและส่งออกสินค้าด้วย
หรือแม้แต่สำนักพิมพ์ปาเจราก็จะเพิ่มบทบาทการพิมพ์การ์ตูนหรือคาแรกเตอร์ที่เกี่ยวกับแบรนด์ที่บริษัท?มีอยู่เพื่อเสริมซึ่งกันและกัน ส่วนวิชั่นเนเรียมก็เน้นการทำตลาดของเล่นเพลย์กราวด์ที่เจาะเข้าตามหน่วยงานราชการเป็นหลัก
นายสุทธิชัย เอี่ยมเจริญยิ่ง กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท นิชิเวิร์ล จำกัด ผู้ประกอบการด้านของเล่นรายใหญ่เปิดเผยว่า ตลาดของเล่นในไทยจะขยายตัวดีขึ้นหลังจากที่ตลาดเออีซีหรือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนมีผลสมบูรณ์แบบในปี 2558 แต่จะไม่กระทบกับผู้นำเข้าเพราะว่าตลาดเอเซียมีประเทศที่เป็นผู้ผลิตของเล่นน้อยราย แต่ถ้าหากว่า เป็นการรวม เออีซีบวกจีน จะส่งผลให้ราคาถูกลง ซึ่งคาดว่าอีก 5 ปีจากนี้จะเกิดได้ ซึ่งจะยิ่งทำให้ผู้ส่งออกของเล่นของไทยสามารถขยายตลาดในเอเซียได้มากขึ้นอีก แต่ก็ต้องปรับตัวแ ละทำตลาดให้ถูกต้องทั้งด้านการผลิต การออกแบบ การลดต้นทุน การขยายตลาด
ขณะเดียวกันผู้ประกอบการของเล่นรายย่อยในไทยจะตกที่นั่งลำบากมากขึ้น เนื่องจากตลาดของเล่นต่างประเทศจะมีมากขึ้น ส่วนช่องทางการจำหน่ายอย่างเช่นห้างสรรพสินค้าเองก็ต้องการที่จะเลือกเฉพาะซัพพลายเออร์ไม่กี่รายที่มียอดขายดี ไม่ต้องการมีซัพพลายเออร์มากเกินไปแต่รายได้น้อย ซึ่งเข้าสูตร 20-80 คือ ซัพพลายเออร์ 20 % ทำยอดขายได้ 80% ส่วนซัพพลายเออร์อีก 80% ทำยอดขายได้ 20%
อีกทั้งยังป็นผลกระทบจากข้อบังคับของทางมอก. หรือสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ที่ออกมาเมื่อ2ปีที่แล้วที่ระบุว่า หากผู้ประกอบการรายใดจะนำสินค้าของเล่นเข้ามาจำหน่ายจะต้องให้เจ้าหน้าที่ของมอก.ไปทำการตรวจสอบหรือ AUDIT โรงงานแหล่งผลิตในประเทศนั้นๆก่อนที่จะนำเข้า ซึ่งจะทำให้ต้นทุนสูงและความเป็นไปได้ยากมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ตลาดของเล่นในไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก แต่ผู้ประกอบการต้องสร้างแรงกระตุ้นทางการตลาด เพราะทุกวันนี้มีมูลค่าตลาดเพียงแค่ 8,000 -9,000 ล้านบาทต่อปีเท่านั้น โดยมีรายใหญ่ในตลาดเพียง 3-4 รายเท่านั้น ขณะที่ประเทศอินโดนีเซียมีมูลค่ามากกว่าไทยถึง 3 เท่า ฟิลิปปินส์มากกว่า 2 เท่า อย่างไรก็ตามยังไม่นับตลาดนอกห้างสรรพสินค้าที่เป็นนอนแบรนด์ทั้งหลาย โดยปีนี้บริษัทฯคาดว่าตลาดรวของเล่นจะเติบโต 30%จากปีที่แล้วที่โตเพียง 10% และคาดหวังว่าอีก 5 ปีตลาดจะโต 100%
นายสุทธิชัยกล่าวว่า ในฐานะผู้นำตลาด จึงต้องผลักดันตลาดให้เติบโต โดยปีนี้ตั้งงบตลาดไว้ที่ 7% ของยอดขายรวม ตั้งเป้าหมายยอดขายปีนี้ยเติบโต 100% โดยจะรุกตลาดเต็มที่ ทั้งการทำบีโลว์เดอไลน์ อะโบฟเดอะไลน์ การขยายช่องทางจำหน่าย การนำเข้าสินค้าของเล่นเข้ามามากขึ้น ซึ่งล่าสุดครึ่งปีหลังนีนำเข้ามาอีก 10 แบรนด์ รวมกับของเดิมทำให้ทั้งเครือมีมากกว่า 30 แบรนด์แล้ว ครอบคลุมทุกตลาด ทุกกลุ่มเป้าหมาย ทุกระดับราคา และทุกช่องทางจำหน่าย
ทั้งนี้บริษัทฯจะผนึกกำลัง 4 บริษัทในเครือเพื่อรุกตลาดเต็มที่ทุกรูปแบบ เช่น บริษัท นิชิเวิร์ล จะเน้นการนำเข้าและจัดจำหน่ายเองมากขึน บริษัทวันเดอร์เวิร์ลเดิมเน้นขายสินค้าที่ผลิตเองจะเพิ่มบทบาทการนำเข้าและส่งออกสินค้าด้วย
หรือแม้แต่สำนักพิมพ์ปาเจราก็จะเพิ่มบทบาทการพิมพ์การ์ตูนหรือคาแรกเตอร์ที่เกี่ยวกับแบรนด์ที่บริษัท?มีอยู่เพื่อเสริมซึ่งกันและกัน ส่วนวิชั่นเนเรียมก็เน้นการทำตลาดของเล่นเพลย์กราวด์ที่เจาะเข้าตามหน่วยงานราชการเป็นหลัก