xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“โจกแดง” ยึดเพื่อไทย เหยียบศพพี่น้อง นปช. สู่อำนาจทางการเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หมอเหวงและนายณัฐวุฒิที่วันนี้เดินตามนายหญิงของเขาต้อยๆ ราวกับเป็นวอลเปเปอร์
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - การปรากฏรายชื่อ “แกนนำคนสำคัญของคนเสื้อแดง” ในบัญชีผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะในลำดับต้นๆ นั้น นอกจากจะสะท้อนความยิ่งใหญ่ชนิดที่ “นช.ทักษิณ ชินวัตร” มิอาจไม่ให้ความสำคัญแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นถึง “เป้าหมายทางการเมือง” ของพวกเขาในการยกฐานะขึ้นไปเป็นระดับนำของคนเสื้อแดงว่า มีวัตถุประสงค์เช่นไร

เพราะถ้าเป็นเหตุการณ์ปกติธรรมดา ใครจะไปเชื่อว่า นักโต้วาทีแห่งสภาโจ๊กอย่างนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จะเป็นปาร์ตี้ลิสต์ลำดับที่ 9 ของพรรคเพื่อไทย ใครจะไปเชื่อว่านักกิจกรรมไร้ราคาอย่างนายจตุพร พรหมพันธุ์ จะเป็นปาร์ติ้ลิสต์ลำดับที่ 8 ของพรรคเพื่อไทย ใครจะไปเชื่อว่านายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท ผู้ก่อตั้งและโฆษกกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ จะเป็นปาร์ตี้ลิสต์ลำดับที่ 46 ของพรรคเพื่อไทย หรือนักจัดรายการวิทยุชุมชนคนรักทักษิณอย่างนายชินวัฒน์ หาบุญพาด จะเป็นปาร์ตี้ลิสต์ลำดับที่ 72 ของพรรคเพื่อไทย

แต่การยินยอมรับใช้ถวายหัวให้นายใหญ่ โดยใช้เลือดเนื้อและชีวิตของพี่น้องเสื้อแดงเป็นฐานในการก้าวสู่อำนาจ ทำให้พวกเขาไปถึงฝั่งฝันของตัวเองได้อย่างไม่ยากเย็นอะไรนัก

สิ่งที่พิสูจน์สัจธรรมข้อนี้ได้เป็นอย่างดีก็คือ การออกมาเคลื่อนไหวของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ต่อกรณีที่ออกมามีคำสั่งต่อเหตุการณ์ที่คนเสื้อแดงถือป้ายขับไล่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะระหว่างลงพื้นที่หาเสียงว่า ขอให้ยุติพฤติกรรมดังกล่าว

“เข้าใจคนเสื้อแดงดีว่า ในวันนี้คนเสื้อแดงมีความเจ็บปวดจากการถูกสลายการชุมนุม แต่ผ่านไปปีหนึ่งก็ไม่มีความคืบหน้า แต่ขณะนี้คนเสื้อแดงมีทางเดียวที่จะได้รับความยุติธรรม คือมุ่งสู่สนามเลือกตั้งและได้มาเป็นรัฐบาล โดยขอสัญญาว่า จะนำคนผิดมาลงโทษให้ได้ ผมอยากให้พี่น้องคนเสื้อแดงหยุดการติดตามขับไล่นายอภิสิทธิ์ได้แล้ว ผมได้โทรศัพท์หานางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการประธาน นปช.ให้สื่อสารถึงกลุ่มคนเสื้อแดงว่า ทุกอย่างต้องการเข้าสู่บรรยากาศการเลือกตั้ง”

นายณัฐวัฒิเกรงว่า การเคลื่อนไหวของพี่น้องเสื้อแดงจะทำให้ความฝันของตัวเองในการก้าวขึ้นไปเป็นนักการเมือง ไปเป็น ส.ส.หรือไปเป็นรัฐมนตรีต้องยุติลง โดยมิได้สนใจความรู้สึกของคนเสื้อแดง
ถามว่า ถ้าหากนายณัฐวุฒิเป็นแกนนำคนเสื้อแดงโดยหัวใจและจิตวิญญาณ นายณัฐวุฒิจะกลัวอะไรกับการยุบพรรค ถ้าหากพี่น้องเสื้อแดงเคลื่อนไหวด้วยความบริสุทธิ์ใจ

การถูกยุบพรรค การเป็นนักการเมืองสำคัญต่อนายณัฐวุฒิขนาดนั้นเชียวหรือ

“ชัยชนะของพวกเราอยู่ที่การชนะการเลือกตั้งเท่านั้น อยากขอให้พี่น้องคนเสื้อแดงอยู่ในความสงบ ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามกติกา”

ถามว่า ถ้านายณัฐวุฒิและผองเพื่อนเข้าไปเป็นผู้ทรงเกียรติในสภาได้จริงๆ นายณัฐวุฒิจะทวงถามความยุติธรรมให้กับพี่น้องเสื้อแดงของเขาอย่างไร เขาจะใช้ความเป็น ส..ส.หรือความเป็นรัฐมนตรีทวงถามความยุติธรรมได้จริงหรือ เพราะต้องไม่ลืมว่า อำนาจตุลาการนั้น มีความเป็นเอกเทศมิได้ข้องเกี่ยวหรือข้องแวะกับอำนาจนิติบัญญัติหรืออำนาจบริหารของนายณัฐวุฒิหรือนายจตุพรแต่อย่างใด

หรือถ้านายณัฐวุฒิทำได้จริง นั่นย่อมหมายความว่า กระบวนการยุติธรรมในประเทศไทยกำลังเดินไปอย่างผิดทิศผิดทาง

ด้วยเหตุดังกล่าว การที่นายณัฐวุฒิสั่งให้คนเสื้อแดงหุบปากและหยุดการเคลื่อนไหวจึงเป็นการกระทำเพื่อนายใหญ่และตนเองให้ก้าวสู่อำนาจบริหารราชการแผ่นดินเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม นอกจากกรณีดังกล่าวแล้ว กรณีของ “นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล” แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ที่แสดงความไม่พอใจและน้อยใจในการที่พรรคเพื่อไทยจัดให้อยู่ลำดับที่ 86 ของผู้สมัคร ส.ส.ระบบปาร์ตี้ลิสต์ ก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่า พวกเขามีเป้าหมายในการเคลื่อนไหวทางการเมือง มีเป้าหมายในการปลุกระดมมวลชนเพื่อตัวเองเป็นสำคัญ

ไม่เช่นนั้นแล้ว ถ้าเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อความบริสุทธิ์ใจ ต้องการเรียกร้องประชาธิปไตยที่แท้จริงดังคำกล่าวอ้าง นายเพชรวรรตไม่มีทางที่จะน้อยเนื้อต่ำใจในโชควาสนาของตัวเอง แต่ที่นายเพชรวรรตไม่พอใจจนถึงขั้นขู่ว่าจะปลุกระดมคนเสื้อแดงเชียงใหม่ไม่ลงคะแนนให้พรรคเพื่อไทยและไปใช้สิทธิในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนให้ใครนั้น เพราะนายเพชรวรรตเข้าใจว่า การอยู่ในลำดับที่ 86 ทำให้โอกาสที่เขาจะเป็นสมาชิกผู้ทรงเกียรติในสภาแทบจะเป็นศูนย์เปอร์เซ็นต์ ซึ่งนั่นได้สร้างความผิดหวังให้กับนายเพชรวรรตเป็นอย่างมาก

และความไม่พอใจอย่างถึงที่สุดทำให้นายเพชรวรรตถึงกับเปิดแถลงข่าวที่โรงแรมวโรรส แกรนด์พาเลซ อ.เมืองเชียงใหม่ ว่า....

“การที่ได้อันดับที่ 86 ทำให้ไม่รู้จะตอบชาวบ้านอย่างไร เพราะเราเป็นแกนนำเสื้อแดงภาคเหนือ 8 จังหวัดที่มีคนจำนวนไม่น้อยกว่า 3 ล้านคน และประกาศขอเข้าไปทำงานแทนชาวบ้าน เพื่อไม่ให้คนเสื้อแดงถูกรังแก จึงขอรอดูว่าพรรคเพื่อไทยจะให้คำมั่นสัญญาอย่างไร เพราะตอนแรกผมได้ลำดับประมาณ 20 กว่าๆ แต่สมัครจริงกลับอยู่ที่ 86 ผมไม่ได้สนใจว่าจะอยู่ในลำดับใด แต่เป็นห่วงคือมวลชนคนเสื้อแดง ที่เห็นแล้วว่าหากผมไม่พอใจ หรือไม่มีบทบาทหน้าที่ในการเข้าไปทำงานที่ชัดเจน ก็จะลงคะแนนโหวตโน ผมไม่เข้าใจ ผู้สมัครส.ส.บางคนเข้ามา 3 วันได้อันดับปาร์ตี้ลิสต์ต้นๆ เราทำงานกว่า 5 ปีทำไมได้อันดับนี้”

และความไม่พอใจอย่างถึงที่สุดทำให้นายเพชรวรรตถึงกลับไม่เดินทางไปปรากฏตัวเพื่อต้อนรับ “น.ส.ยิ่งลักษ์ ชินวัตร” นายหญิงคนใหม่ว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิงของคนเสื้อแดงที่เดินทางไปหาเสียงในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เลยทีเดียว

กระทั่ง นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล อดีต ส.ส.เชียงใหม่ คนสนิทของนักโทษชายแม้ว ออกมาปรามนายเพชรวรรตว่าต้องใจกว้าง ซึ่งคนอย่างนายใหญ่ไม่เคยทอดทิ้งคนที่มีบุญคุณ

ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พยายามปลอบใจ นายเพชรวรรต ด้วยการขายอนาคตแบบแบ่งรับแบ่งสู้ว่า หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลยังมีงานอีกมากมายที่รองรับนายเพชรวรรต

“หากเราต้องการทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ก็ไม่น่าจะทำให้ส่วนรวมไม่พอใจ ถ้าเรามีความตั้งใจทำเพื่อส่วนรวม เสียงส่วนใหญ่ก็คงจะเข้าใจ....ขอยืนยันว่า การคัดเลือกผู้สมัครมาจากคณะกรรมการคัดเลือก และไม่ได้เลือกปฏิบัติและยอมรับว่ารู้สึกเป็นห่วงกลุ่มคนเสื้อแดงว่า อาจไปสร้างความปั่นป่วนในการลงพื้นที่ของพรรคคู่แข่ง แต่คนเสื้อแดงก็เป็นกลุ่มคนที่เรียกร้องประชาธิปไตย และไม่น่าเกิดเหตุการณ์อะไรรุนแรง”

เช่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณที่โทรศัพท์มาหานายเพชรวรรตภายหลังจบการแถลงข่าว และรับปากว่า จะหาตำแหน่งแห่งที่ให้กับแกนนำเสื้อแดงเชียงใหม่ผู้นี้อย่างแน่นอน เพียงแต่ขอให้ชนะการเลือกตั้งให้ได้เสียก่อน

แต่ทั้งหลายทั้งปวงไม่ว่าจะเป็นคำพูดของนายณัฐวุฒิ นายเพชรวรรต นายสุรพงษ์หรือน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้สะท้อนให้สังคมให้เห็นชัดเจนว่า นี่ต่างหากคือตัวตนที่แท้จริงของบรรดาแกนนำคนเสื้อแดง เพราะแม้ปากของพวกเขาจะ “แข็ง” ว่า ไม่ได้เคลื่อนไหวเพื่อต้องการตำแหน่งทางการเมือง แต่สิ่งที่ปรากฏในทางปฏิบัติคือสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นชัดเจนถึงเป้าหมายสูงสุดของพวกเขาอย่างที่มิอาจปฏิเสธความจริงได้

ขณะเดียวกันด้วยความลุกลี้ลุกลนในการแก้ตัวเรื่องคนเสื้อแดงยึดพรรคเพื่อไทยของนายณัฐวุฒิ ทำให้สังคมได้ข้อเท็จจริงที่ตอกย้ำความเกี่ยวพันกันของพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงว่า แท้ที่จริงแล้ว พวกเขามีเนื้อเดียวกัน

“ความจริงคนเสื้อแดงที่เข้าระบบบัญชีเพียง 3 คนเท่านั้นคือ นพ.เหวง โตจิราการ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทและนายชินวัฒน์ หาบุญพาด ส่วนที่เหลือทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนายจตุพร พรหมพันธุ์ นายก่อแก้ว พิกุลทอง และผม ล้วนเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยมาตั้งแต่แรก”

นั่นแสดงว่า พรรคเพื่อไทยอยู่เบื้องหลังการชุมนุมของคนเสื้อแดงมาโดยตลอด และสิ่งที่นายณัฐวุฒิทำทั้งหมดในนามแกนนำคนเสื้อแดงก็คือ การกระทำเพื่อพรรคเพื่อไทย เพื่อ นช.ทักษิณ ชินวัตร และเพื่อตัวเอง โดยต้องการใช้คนเสื้อแดงในการขยับฐานะและความสำคัญทางการเมืองให้กับตัวเองเท่านั้น

...ถึงตรงนี้ ไม่มีใครทราบได้ว่า ความจริงที่ปรากฏออกมาของบรรดาแกนนำคนเสื้อแดงจะทำให้ไพร่เสื้อแดงหูตาสว่างขึ้นบ้างหรือไม่ เพราะผลพวงของการถูกล้างสมองมาเป็นเวลาเนิ่นนาน อาจทำให้พวกเขากลายเป็นบัวในโคลนตมที่มิอาจรับรู้ถึงผิดชอบชั่วดีได้อีกต่อไป และชีวิตของพวกเขาก็มิต่างอะไรจากหญ้าแพรกที่พร้อมจะให้นายใหญ่และแกนนำเหยียบย่ำด้วยความยินยอมพร้อมใจ
กำลังโหลดความคิดเห็น