ASTVผู้จัดการ – เสธ.ไก่อู หวั่น “อภิสิทธิ์-สุเทพ” ลอยแพหลัง ปี 53 ศอฉ.แฉผังขบวนการล้มเจ้า ให้การต่อศาลคดีโดนฟ้องหมิ่น ระบุ แค่เป็นการให้ข้อมูลความเชื่อมโยง ไม่ได้บอกว่าใครล้มเจ้า ชี้ ประชาชน-สื่อ ที่เอาไปขยายความต้องรับผิดชอบเอง นักวิชาการแดงพอใจถอนฟ้องทั้ง 3 จำเลย
จากกรณีที่วันที่ 26 เมษายน 2553 ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) โดย “เสธ.ไก่อู” หรือ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ.ได้แจกจ่ายเอกสารแผนผังรวบรวมเครือข่ายบุคคลที่มีความคิดและพฤติกรรมล้มล้างสถาบันเบื้องสูง โดยเชื่อมโยงว่า มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนักโทษผู้หลบหนีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี เป็นแกนกลาง จนทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว เนื่องจากแผนผังดังกล่าวได้เชื่อมโยงและพาดพิงบุคคลในวงกว้าง ทั้งนักการเมือง นักธุรกิจ นักวิชาการ เว็บไซต์ รวมไปถึงแกนนำคนเสื้อแดง
วานนี้ (25 พ.ค.) เว็บไซต์ไทยอีนิวส์ ซึ่งเป็นเครือข่ายของกลุ่มคนเสื้อแดง ได้เปิดเผยว่า จากกรณีที่ นายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักวิชาการของกลุ่มคนเสื้อแดงได้นำแผนผังดังกล่าวไปเป็นหลักฐานเพื่อฟ้องร้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รวม 3 คน ต่อศาลอาญาในข้อหาหมิ่นประมาท โดยศาลได้รับฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.1529/2553
ต่อมาเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2554 ผู้พิพากษาได้ออกนั่งพิจารณาคดีดังกล่าวโดยเป็นการนัดพร้อมเพื่อประนอมข้อพิพาท หรือไต่สวนมูลฟ้อง ซึ่ง พ.อ.สรรเสริญ ซึ่งเป็นจำเลยที่ 3 ได้แถลงต่อศาลว่า “ประการที่หนึ่ง ศอฉ.ในขณะนั้นเชื่อมั่นว่ามีขบวนการในการจ้องจะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์จริง
“ประการที่สอง ในช่วงเวลานั้น มีข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอินเทอร์เน็ตกล่าวหาในลักษณะทำนองว่า ท่านผู้หญิง จรุงจิตต์ (ทีขะระ) ซึ่งเป็นราชเลขาธิการในพระองค์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โทรศัพท์มาสั่งการ ศอฉ.อยู่ตลอดเวลา ให้ดำเนินการนานัปการกับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งข้อเท็จจริงมิได้เป็นเช่นนั้น ซึ่งหมายความว่า มีความพยายามเป็นความจริง ศอฉ.ก็มีความจำเป็นที่ต้องชี้แจงข้อมูลข่าวสารให้สังคมได้รับทราบความจริงเป็นเช่นไร นอกจากนั้นแล้ว ศอฉ.ก็ได้ขยายความลงไป เพราะว่าทางราชการมีหน่วยงานทางด้านความมั่นคง ที่สำนักนายกรัฐมนตรีได้จัดตั้งขึ้น โดยมีหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเป็นตัวขับเคลื่อน ซึ่งหน่วยงานด้านความมั่นคงก็มีการรวบรวมข้อมูลข่าวสารของขบวนการที่จ้องจะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ มาโดยตลอด จึงได้นำข้อมูลทั้งหลายเหล่านี้มาประกอบเพื่อใช้ในการชี้แจงทำความเข้าใจกับสังคม
“ประการที่สาม ในช่วงเวลาเช้าของวันเกิดเหตุ ข้าฯได้มีการแถลงข่าวให้สังคมรับทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่าไม่เป็นความจริงตามข้อมูลที่พยายามกล่าวหาใส่ร้ายท่านผู้หญิง จรุงจิตต์ โดยแถลงกำกับตอบไปด้วยว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการล้มเจ้านั้น ในขณะนั้นมี คุณดา ตอร์ปิโด กับ คุณจักรภพ เพ็ญแข ซึ่งทั้งสองคนนี้มีหมายจับไว้แล้ว ในช่วงเวลาเย็นเกิดจากการประชุมในช่วงบ่ายของ ศอฉ.ได้มติของ ศอฉ.ที่ต้องการจะให้นำเสนอข้อมูลข่าวสารแก่สังคมเป็นลายลักษณ์อีกษรอีกทางหนึ่ง เพื่อให้สังคมพิจารณา
“ข้าฯได้รับมอบหมายให้นำเอกสารเหล่านั้นไปแจกแก่สื่อมวลชน ซึ่งเอกสารที่ไปแจกนั้นมิได้หมายความว่า ผู้ที่มีชื่อในเอกสารเป็นผู้เกี่ยวข้องในฐานะอยู่ในขบวนการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่เป็นความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ในลักษณะต่างๆ ซึ่งให้สังคมพิจารณาและวินิจฉัยเอาเอง ซึ่งมีรายละเอียดอยู่ในเอกสาร ว่า แต่ละคนเกี่ยวข้องกันในฐานะอะไร เช่น เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันในฐานะญาติพี่น้อง เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันในฐานะผู้ทำธุรกิจร่วมกันอย่างนี้ เป็นต้น ซึ่งมิได้แถลงเลยว่า บุคคลทั้งปวงเหล่านั้นมีความสัมพันธ์ในฐานะที่เป็นผู้อยู่ในขบวนการ และมิได้ให้หมายความเช่นนั้น แต่หลังจากนั้น มีสื่อมวลชนนำเรื่องราวต่างๆ เหล่านี้ไปขยายผล ขยายความ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อผู้ที่เกี่ยวข้องในแผนผังดังกล่าว ทำให้ได้รับความเสียหายจากมุมมองของสังคม เพราะเป็นเรื่องที่สังคมจะต้องตัดสิน ส่วนผู้ที่ได้รับความเสียหายที่เกิดขึ้นจะฟ้องร้องกับผู้ที่นำไปขยายความในทางที่ผิดจากเจตนารมณ์ของ ศอฉ.ก็สุดแล้วแต่บุคคลเหล่านั้นจะพิจารณา”
เมื่อโจทก์ (นายสุธาชัย) ได้รับฟังข้อเท็จจริงจากจำเลยที่ 3 หรือ พ.อ.สรรเสริญ จึงไม่ติดใจที่จะดำเนินคดีต่อจำเลยทั้งสามอีกต่อไป จึงขอถอนฟ้องจำเลยทั้งสาม คือ นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ และ พ.อ.สรรเสริญ และอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจำเลยทั้งสาม จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า “แผนผังขบวนการล้มเจ้า” ดังกล่าวที่แจกจ่ายโดย ศอฉ.ในปี 2553 นั้นเป็นหนึ่งในหลักฐานที่สำคัญที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดย นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอใช้ในการดำเนินคดีความผิดต่อความมั่นคงว่าด้วยการละเมิดสถาบัน โดยมีการออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 2 มิ.ย.54 เวลา 09.00 น.ที่สำนักคดีอาญาพิเศษ ดีเอสไอ ซึ่งก็น่าสนใจว่า ทางรัฐบาลและดีเอสไอจะใช้หลักฐานอะไรเพิ่มเติม และดำเนินการเอาผิดอย่างไรต่อไป
สำหรับแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ถูกออกหมายเรียกในคดีดังกล่าวมีจำนวน 19 คน ประกอบด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์ นพ.เหวง โตจิราการ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ นายการุณ โหสกุล นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายชินวัฒน์ หาบุญพาด นายวิเชียร ขาวขำ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้อีสาน นายขวัญชัย สาราคำ หรือ ไพรพนา นายนิสิต สินธุไพร จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ นายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ นายสมชาย หรือ พิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ และ นายพายัพ ปั้นเกตุ ที่ถูกเพิ่มชื่อเข้ามาล่าสุด
ที่มาจากเว็บไซต์ไทยอีนิวส์