xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ” เย้ย 10 นวัตกรรม “มาร์ค” ลอกคนอื่นมา-ประมวล 10 ความล้มเหลว 2 ปีนายกฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สนธิ” ย้ำสื่อในเครือ “เอเอสทีวี-ผู้จัดการ” มุ่งโหวตโน ตะเพิดพวกก่อกวนอย่าเข้ามา ซัด “บุญยอด” หน้าไม่อาย อวด 10 นวัตกรรมใหม่ “มาร์ค” ทั้งที่ลอกคนอื่นมา แถมสะท้อนความสับสนของตัวเอง ย้ำ ปชป.แอบจับมือ “ทักษิณ” เตือนแม่ยกระวังเสียใจ ระบุ คำแถลงวันรับตำแหน่งทำไม่ได้ซักข้อ พร้อมประมวล 10 ความล้มเหลวของนายกฯ อภิสิทธิ์ เย้ยรีบยุบสภา หวังหนีผิดยกดินแดนให้เขมร

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "รวมพลัง ปกป้องแผ่นดิน" ปราศรัยโดย "นายสนธิ ลิ้มทองกุล"  

เมื่อเวลา 20.45 น.วันที่ 10 พ.ค.นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวปราศรัยบนเวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ ระหว่างการชุมนุม “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ว่า อยากบอกไปถึงพี่น้องที่อยู่ที่นี่ ดูอยู่ที่บ้าน ตลอดจนคนที่เป็นพลพรรค และลุ่มหลงประชาธิปัตย์ ให้เข้าใจข้อหนึ่งว่า สื่อในเครือเอเอสทีวีผู้จัดการ ตั้งแต่เอเอสทีวี วิทยุ 97.75 หนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน เอเอสทีวีผู้จัดการสุดสัปดาห์ เว็บไซต์ manager.co.th นั้น รวมทั้งตนและพี่น้องที่ร่วมกันเป็นเจ้าของ มีอุดมการณ์และหลักการอยู่อันเดียวเท่านั้น คือ การต่อสู้เพื่อให้มีการโหวตโน เพราะฉะนั้นใครก็ตาม ที่เข้ามาโพสต์ข้อความในเว็บไซต์เพื่อโจมตี และทำลายการโหวตโน ขออย่า ส.ใส่เกือกเข้ามา เราไม่ต้อนรับ เพราะว่าจุดยืนของเรา ของตน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และพี่น้องพันธมิตรฯ ไม่เคยเปลี่ยนแปลง เราจะเอาโหวตโน ใครจะเข้ามาโจมตีเราแบบหยาบคาย หรือแบบเนียน อ้างว่าเคยเป็นพันธมิตรฯ แต่วันนี้ขอไม่เป็นพันธมิตรฯ แบบนี้จะไปไหนก็ไป ไม่ต้อนรับ

นายสนธิ กล่าวต่อว่า ได้มีคนชื่อนุช เขียนจดหมายมาหา และบอกว่า เป็นห่วงพันธมิตรฯ กรณีที่มีข่าวว่าตนไปรับเงิน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาเคลื่อนไหว อยากให้ชี้แจงด้วย ซึ่งเรื่องนี้คงเป็นเพราะว่าตนเดินทางไปพบเพื่อนที่เซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นคนร่ำรวยมาก ตอนกลับลูกชายเขาได้เอาเงินดอลลาร์ใส่กระเป๋ามาให้เพื่อนำมาจ่ายเป็นเงินเดือนพนักงาน คนชื่อนุชบอกว่า มีความเป็นห่วงที่มีข่าวแบบนี้ เพราะเขารักพันธมิตรฯ แต่ก็รักประชาธิปัตย์เช่นกัน ตนเลยบอกว่าถ้ารักประชาธิปัตย์ก็ไปเลย เพราะพวกเรารักเดียวใจเดียว

หลังจากนั้น นายสนธิ ได้กล่าวถึง นายบุญยอด สุขถิ่นไทย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ที่ให้สัมภาษณ์ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้สร้างนวัตกรรมใหม่ทางการเมือง 10 ประการในช่วงเป็นนายกรัฐมนตรี 2 ปีกว่า ว่า เสียดายที่นายบุญยอดเคยเป็นผู้ประกาศข่าวเอเอสทีวี น่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เพราะทั้ง 10 ข้อที่นายบุญยอดอ้างถึงนั้น ไม่ใช่นวัตกรรมใหม่แต่อย่างใด ข้อแรกที่บอกว่านายอภิสิทธิ์ประกาศยุบสภาล่วงหน้าก่อนหมดอายุสภานั้น ความจริงนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ที่ประกาศยุบสภาล่วงหน้าบ่อยที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยอ้างเงื่อนไขต่างๆ และเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตลอดเวลา นี่ไม่ใช่นวัตกรรมใหม่ แต่เป็นลักษณะของคนสับสนในตัวเอง คนเราถ้ามีจุดยืนที่มั่นคงจะเข้าใจดีว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา แต่นายอภิสิทธิ์เริ่มพูดเรื่องยุบสภาตั้งแต่เดือนเมษายน 2552 หลังจากนั้น ก็พูดอีกหลายครั้งด้วยคำพูดที่กำกวม สับสน วกวน ดำก็ไม่บอกว่าดำ ขาวก็ไม่บอกว่าขาว การประกาศยุบสภาล่วงหน้าจะไม่เป็นนวัตกรรมใหม่เลย

ข้อที่ 2 ที่ นายบุญยอด อ้างว่า เป็นนวัตกรรมใหม่ คือ การตั้งโต๊ะเจรจากับ นปช. ที่มีนายกอรปศักดิ์ สภาวสุ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ ไปคุยกับนายแพทย์เหวง โตจิราการ นายจตุพร พรหมพันธ์ ที่สถาบันพระปกเกล้า ซึ่งเบื้องหลังที่จริงแล้วนายกอรปศักดิ์ติดต่อกับคนเสื้อแดงตลอด วันนี้ที่มากล่าวหาว่าตนรับเงินทักษิณนั้น จริงๆ แล้ว พรรคประชาธิปัตย์แอบจับมือกับทักษิณมาเป็นปีแล้ว เพราะได้พิสูจน์แล้วว่า นายวีระ มุสิกพงศ์ ได้รับการตอบสนองอย่างนุ่มนวลให้ได้รับการประกันตัว วันนี้พิสูจน์ชัดเจนแล้วว่าคนที่ทรยศประชาชนและแอบจับมือกับทักษิณคือประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ไม่ทำอะไรนอกจากทำหน้าหล่อพูดจาให้สุภาพแล้วให้นายสุเทพกับนายกอร์ปศักดิ์ไปแตะคนโน้นทีคนนี้ที แล้วมาคุยกัน ถึงขั้นถ้าคุยกันรู้เรื่องจะจับมือกันตั้งรัฐบาล พวกที่ลุ่มหลงพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นแค่เบี้ยตัวหนึ่งที่ไม่รู้เบื้องหลังอะไรเลย

นวัตกรรมใหม่ข้อที่ 3 การตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์สามฝ่าย หลังเหตุการณ์เผาเมืองครั้งแรก เมื่อวันที่ 27 เม.ย.52 โดยเอาวิป 3 ฝ่ายในสภาและผู้ทรงคุณวุฒิมานั่งคุยกัน แต่ก็ไม่สามารถหาข้อสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ ปีถัดมา นปช.ก็จัดชุมนุมครั้งใหม่ ทำให้มีคนตาย 91 คน บาดเจ็บ 2 พันกว่าคน นี่หรือนวัตกรรมใหม่ และที่จริงนายอภิสิทธิ์ก็เป็นโรคตั้งกรรมการ ตั้งมาไม่รู้กี่ชุดต่อกี่ชุด เพราะเป็นคนสับสน วนไปวนมา ไม่มีความกล้าหาญ แล้วจะมาพูดได้อย่างไรว่าการตั้งกรรมการเป็นนวัตกรรมใหม่

ข้อที่ 4 การตั้งกรรมการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มี ดร.สมบัติ ธำรงค์ธัญวงศ์ เป็นประธาน ซึ่งที่จริงแล้วกรรมการชุดนี้ก็แก้รัฐธรรมนูญ 2 ประเด็น คือ มาตรา 190 เรื่องการทำสัญญากับต่างประเทศ และมาตรา 93 และ 98 เรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้ง และเบื้องหลังคือการแก้ไขมาตรา 190 ที่แอบซ่อนบางอย่างเอาไว้ จนพันธมิตรฯ จับได้ นายอภิสิทธิ์ต้องขอโทษกลางสภาเหมือนเด็กแอบกินขนมแล้วโดนจับได้ ส่วนมาตรา 93 และ 98 ก็แก้ไขเขตเลือกตั้งและจำนวน ส.ส.ใหม่ เพิ่ม ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เป็น 125 คน ลด ส.ส.เขตลงเหลือ 375 คน เพราะคิดว่าการเลือกตั้งรอบนี้ พรรคประชาธิปัตย์จะได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์มาอันดับ 1 แต่คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต เมื่อพันธมิตรฯ ออกมารณรงค์เรื่องโหวตโน พรรคประชาธิปัตย์จึงเดินไปไม่ถูก และพากันเคียดแค้นโหวตโน

นายบุญยอด อ้างถึงวัตกรรมใหม่ข้อต่อไป คือ 5.การประกันรายได้เกษตรกรแทนการจำนำผลผลิต 6.การจัดสรรเบี้ยสวัสดิการผุ้สูงอายุ 500 บาทต่อเดือน 7.การจัดสรรเงินตอบแทนอาสาสมัครสาธารณสุข 600 บาทต่อเดือน 8.การปรับโครงสร้างการอุดหนุนผู้ใช้ไฟฟ้าน้อยให้ได้ใช้ไฟฟ้าฟรี ถือว่านายบุญยอดพูดอย่างไม่อาย เพราะลักษณะประชานิยมแบบนี้เป็นของทักษิณ และแท้ที่จริงคือการเอาเงินภาษีของพวกเราไปซื้อเสียงให้ชาวบ้านมาลงคะแนนสนับสนุนตัวเอง ยังใช้การลดแลกแจกแถม แลกกับคะแนนเสียง เช่นเดียวกันกับประชานิยมของทักษิณ และไฟฟ้าฟรีนั้นเป็นการต่อยอดมาจาก 6 มาตราการ 6 เดือนฝ่าวิกฤตของรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ก๊อปปี้มายังหน้าหนาบอกเป็นนวัตกรรมใหม่อีก

ข้อที่ 9 ที่ นายบุญยอด อ้างว่า เป็นนวัตกรรมใหม่ คือการให้ความสำคัญต่อฝ่ายนิติบัญญัติ โดยได้ลงมติในสภามากกว่า 81 เปอร์เซ็นต์ แต่ในข้อเท็จจริงสภาชุดนี้ประชุมล่มมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย อยู่มา 2 ปีกว่า สภาล่มเกือบ 30 ครั้ง

ข้อ 10 ที่อ้างว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ คือการมุ่งมั่นทุ่มเทในการทำงาน ซึ่งก็ไม่ผิด แต่เป็นการมุ่งมั่นในการยกดินแดนให้เขมร ไม่พยายามยกเลิกเอ็มโอยู 43 ที่ทำสมัย นายชวน หลีกภัย มุ่งมั่นให้ทหาารไทยถูกทหารเขมรยิง มุ่งมั่นให้คนไทยชายแดนเป็นผู้อพยพในประเทศของตัวเอง

นายสนธิ กล่าวต่อว่า นายอภิสิทธิ์ ประกาศจะยุบสภาหลายครั้ง เหมือนคนที่เอาเท้าแหย่น้ำแล้วชักกลับคืน แต่ครั้งนี้ที่ นายอภิสิทธิ์ ประกาศยุบสภาพโดยเร็ว สาเหตุก็คือเวทีแห่งนี้ นี่คือชัยชนะของเรา ที่ทำให้นายอภิสิทธิ์ไม่กล้าอยู่ต่อ เพราะเราได้เปิดหน้ากาก ล้วงตับ เปิดไส้เปิดพุงให้เห็นหมดแล้วว่ากำลังดำเนินนโยบายยกแผ่นดินให้กัมพูชา ไม่เช่นนั้นคนๆ นี้จะไม่มีวันยุบสภา จะอยู่ตลอดไป แต่ที่เขาต้องยุบเพราะว่าวันที่ 26 มิถุนายนนี้ จะมีการพิจารณาแผนบริหารจัดการพื้นที่เขาพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชา ซึ่งถ้าเรายังอยู่จะเป็นการจุดพลุให้มีการเคลื่อนไหวใหญ่จนเขาอยู่ไม่ได้ ที่จริงเขาต้องการให้มีการเลือกตั้งวันที่ 23 มิ.ย.เพื่อให้มติคณะกรรมการมรดกโลกไม่มีผลต่อคะแนนเสียง เป็นความฉลาดแกมโกง แทนที่จะปกป้องชาติตัวเองกลับปล่อยให้เป็นไป

นายสนธิ กล่าวต่อว่า ในการแถลงยุบสภาเมื่อวันที่ 9 พ.ค.นายอภิสิทธิ์ ได้ถือโอกาสหาเสียงไปด้วยโดยการอ้างถึงผลงานต่างๆ ที่ผ่านมา แต่ถ้าเราย้อนไปตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค.51 วันที่เขาขึ้นเป็นนายกฯ จะเห็นว่าเรื่องที่เขาแถลงนั้นเขาทำไม่ได้แม่แต่เรื่องเดียว ข้อแรก เขาบอกว่าจะปกป้องเทิดทูนสถาบัน ก็ดีแต่พูด เพราะในยุคนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ มีขบวนการจาบจ้วงทั้งทางเว็บไซต์-ใบปลิวและวิธีการต่างๆ มากที่สุด นายจักรภพ เพ็ญแข ที่หลบหนีออกไปต่างประเทศ นายอภิสิทธิ์เคยพยายามจะนำตัวกลับหรือไม่ หลายคนหมิ่นฯ อย่างชัดเจน นายอภิสิทธิ์ก็ไม่ทำอะไร

ข้อที่ 2 นายอภิสิทธิ์ อ้างว่า จะแก้การเมืองที่ล้มเหลวที่เป็นต้นเหตุของความขัดแย้ง และนำความสมัครสมานสามัคคีกลับมา แต่กลับทำให้มีคนตายไป 91 ศพ ซึ่งไม่ใช่ความล้มเหลวของการเมือง แต่ถือเป็นความล้มเหลวของนายอภิสิทธิ์ เพราะการเมืองมันมีความชัดเจนอยู่แล้ว สามารถดูได้ว่าฝั่งใดต้องการความสงบ ฝั่งใดใช้ความรุนแรง แต่นายอภสิทธิ์ลืมตัว มองว่าตัวเองต้องจัดการเสื้อเหลืองด้วย เพื่อให้เสื้อแดงสบายใจและเห็นว่าตัวเองดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม แล้วเสื้อแดงสบายใจหรือไม่ มีแต่กระทืบซ้ำนายอภิสิทธิ์ ที่คือผลจากการที่นายอภิสิทธิ์มีมิตรแท้แล้วไปกระทืบเขา มีผู้หญิงดีๆ อยู่แล้ว ยังไปเอาหญิงแพศยาคบชู้สู่ชายมา ก็ต้องบอกว่าสมน้ำหน้า

นายอภิสิทธิ์ ยังได้แถลงในวันที่ขึ้นเป็นนายกฯ ว่าจะใช้หลักนิติรัฐ ให้ความยุติธรรมเสมอภาคในระบอบประชาธิปไตย ฟังแล้วอยากจะอ้วก เอาเรื่องใกล้ๆ รอยลูกปืนที่อยู่บนหัวนายสนธิ จับใครได้หรือไม่ นอกจากนี้ ยังบอกว่ากำลังจะเป็นประธานอาเซียนและในการประชุมอาเซียนซัมมิตที่พัทยาตั้งใจจะให้ผู้นำอาเซียนมั่นใจในตัวเขา ปรากฏว่า มั่นใจจริงๆ ต้องวิ่งหนีคนเสื้อแดงหางจุกตูด เกิดมาเพิ่งเคยเห็นแบบนี้

นายอภิสิทธิ์ บอกว่า จะใช้ประสบการณ์ให้เป็นประโยชน์ ไม่ละทิ้งอุดมการณ์แนวทางของตัวเอง หรือปล่อยปละความไม่ถูกต้องเกิดขึ้น แต่ในข้อเท็จจริงประสบการณ์ของนายอภิสิทธิ์ไม่มีอะไรแม้แต่นิดเดียว บอกว่าจะซื่อสัตย์ แต่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ก็โกงกินไม่น้อยไปกว่ารัฐบาลทักษิณ โดยทักษิณนั้นโกงเพื่อตัวเองและญาติพี่น้อง แต่นายอภิสิทธิ์ต้องการให้พรรคร่วมรัฐบาลมาสนับสนุนตัวเองจึงปล่อยให้โกงกินกันทุกพรรค เรื่องปัญหาความรุนแรงในภาคใต้ ยุคนายอภิสิทธิ์ยังมีการตายจำนวนมากทุกวัน ทั้งที่รัฐบาลประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลของคนใต้ แต่สถานการณ์ภาคใต้กลับเลวร้ายที่สุด

นายสนธิ กล่าวต่อว่า แม้ นายอภิสิทธิ์ จะถือโอกาสหาเสียงตอนแถลงยุบสภา แต่ตนได้สรุปความล้มเหลวของนายอภิสิทธิ์ไว้ 10 ประการ ได้แก่ 1.ล้มเหลวด้านความมั่นคง เสียดินแดนเพราะเอ็มโอยู.43 ถูกทหารเขมรยิง แต่นายอภิสิทธิ์ก็ยังโกหกและกอดเอาไว้ ไม่สามารถแก้ไขความไม่สงบในภาคใต้ได้ ไม่สามารถเอาผิดขบวนการล้มเจ้าได้ ไร้ประสิทธิภาพการควบคุมคนเสื้อแดง จนล้มประชุมอาเซียนในปี 52 และปล่อยให้ก่อม็อบซ้ำซากจนเผาเมืองในปี 53 พร้อมกับเผาศาลากลางและอาคารของเอกชนหลายแห่งพังทลายลง

2.ล้มเหลวในการขจัดการเมืองที่ล้มเหลว เมืองไทยยุค นายอภิสิทธิ์ สภามีการแบ่งเป็นก๊กเป็นเหล่าแก่งแย่งผลประโยชน์ โกงกิน คุณภาพนักการเมืองไม่ดีขึ้น มีแต่ถ่อยเถื่อนถีบ สัตว์เลื้อยคลาน จนประชาชนเอือม แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของนักการเมืองล้วนๆ ให้คนที่ถูกศาลสั่งตัดสิทธิ์ทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง ซ้ำในตอนที่ตั้งรัฐบาลก็ไปเจรจากับคนพวกนี้ ถือว่าไม่เคารพคำตัดสินของศาล

3.ล้มเหลวด้านเศรษฐกิจ กู้เงินมหาศาลมาใช้ แจกจ่าย ละลายเงินไปอย่างไร้ประโยชน์ แล้วเพิ่มหนี้สาธารณะจาก 3.4 ล้านล้าน เป็น 4.2 ล้านล้านบาทในเวลาไม่ถึง 2 ปี ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคทุกชนิดพุ่งสูงขึ้น เป็นยุคที่ข้าวยากหมากแพงที่สุด มีการขึ้นค่าแรงเพียงอย่างเดียวแต่ไม่ลดค่าครองชีพ และไม่เคยมีของชิ้นไหนลดราคา และเอาประชานิยมแบบทักษิณมาใช้ ให้ประชาชนหันไปนิยมเขา ลงคะแนนเลือกเขา ซึ่งไม่ต่างจากทักษิณที่เอาเงินภาษีของพวกเราไปจ่ายหาเสียง

4.ล้มเหลวด้านสังคม คุยว่า จะสร้างความสมานฉันท์ แต่กลับทำให้แตกแยก สร้างคนเสื้อน้ำเงินขึ้นมาตอบโต้คนเสื้อแดงด้วยความรุนแรง ซึ่งเมื่อไม่สำเร็จ ก็สร้างเสื้อขาว เสื้อหลากสี เพื่อใช้ประโยชน์ทางการเมือง ทำให้บ้านเมือแตกแยก เมื่อก่อนมีแต่เหลือง-แดง เหลืองสู้เพื่อความถูกตค้อง แต่เสื้อแดงจะเอาทักษิณกลับมา เหลืองบอกว่าทักษิณกลับมาได้แต่ต้องเข้าคุกและห้ามจาบจ้วงอีก แค่นี้นายอภิสิทธิ์ก็มองไม่ออก ซึ่งที่จริงไม่ต้องมาเข้าข้างเสื้อเหลืองก็ได้แต่ให้ยึดความถูกต้อง เดินตามความถูกต้อง แต่นายอภิสิทธิ์พยายามทำตัวเหยียบหิมะไร้รอย ไม่เข้าข้างใคร พอเสื้อแดงบ่นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็ไปจัดการเสื้อเหลืองด้วย แล้วเสื้อแดงก็เผาเมืองเป็นการตอบแทน

5.ปล่อยให้มีโจรผู้ร้ายเต็มบ้านเต็มเมือง ยาเสพติดกลับมาระบาด แม้ว่ารัฐบาลเคยประกาศนโยบาย 5 รั้วป้องกันยาเสพติด ตอนรับตำแหน่งใหม่ๆ แต่ผ่านมา 2 ปี ก็กลายเป็น 5 รั่ว ยาเสพติดไม่ลด เยาวชนยังเป็นเอเยนต์ยาบ้ารายใหญ่ โดยมีเจ้าหน้าที่รู้เห็นเป็นใจ

6.การบริหารราชการ เกิดความล่าช้า เป็นจอมยุทธแห่งการตั้งกรรมการ คนร่วมงานใกล้ชิดก็มีแต่ศักดินา ตีนไม่ติดดิน ไม่เข้าใจปัญาคนจน เป็นรัฐบาลมา 2 ปีกว่า คนจนถึงไม่รัก วันๆ อยู่แต่ในทำเนียบกับแก๊งไอติม รอขึ้นโพเดียมออกทีวี ตั้งแต่เป็นนายกฯ มาไปเยี่ยมคนต่างจังหวัดไม่กี่ครั้ง น้ำท่วมก็ออกไปเสนอหน้า 2-3 ครั้ง แต่การติดตามช่วยเหลือก็ล่าช้า มีการโยกย้ายไม่เป็นธรรม ซื้อขายตำแหน่ง แต่งตั้ง นางอัญชลี วาณิช เทพบุตร มาเป็นเลขาฯ ทั้งที่นางอัญชลี เป็นภรรยาของ นายทศพร ที่ถูกศาลตัดสินให้คืนที่ดิน ส.ป.ก.อดีตอธิบดีกรมการปกครองร้องเรียน ก.พ.ร.เรื่องถูกปลดไม่เป็นธรรม ก.พ.ร.มีมติให้คืนตำแหน่งให้ นายอภิสิทธิ์ก็นั่งเฉย ไม่ยอมบอกให้รัฐมนตรีมหาไทย หรือนายเนวินให้คืนตำแหน่งให้

7.กระบวนการยุติธรรมล้มเหลว ไม่สามารถจับคนเผาเมืองได้ ส่วนแกนนำที่ควบคุมตัวไว้ก็ให้มีการประกันตัว แถมยังออกมติ ครม.ให้ช่วยประกันตัวแกนนำอีก ไม่สามารถนำตัวทักษิณกลับมารับโทษได้ ทั้งที่ ส.ส.เพื่อไทยและสื่อมวลชนเดินทางไปพบอย่างเอิกเกริก การถอดยศที่ทำได้ก็ไม่ทำ เพราะว่าแอบจับมือกันอยู่ นอกจากนี้ ยังไม่จริงจังกับการเอาผิดนักการเมืองและตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการสลายชุมนุมพันธมิตรฯ วันที่ 7 ต.ค.51 ทั้งที่ ป.ป.ช.ได้ชี้มูลไว้แล้ว พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ที่ ป.ป.ช.ให้ปลดออก แต่ ก.ตร.กลับมีมติให้เข้ารับราชการเหมือนเดิม นี่หรือคือการใช้นิติรัฐ โกหกชัดๆ

8.ล้มเหลวด้านการศึกษา ที่บอกว่า เรียนฟรี 15 ปี เป็นการหาเสียงเกินจริง เพราะค่าใช้จ่ายที่รัฐบาลออกให้มีเพียงค่าหนังสือ ค่าอุปกรณ์ ชุดนักเรียน ค่ากิจกรรม แต่ละรายการก็ออกเพียงส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือผู้ปกครองต้องออกเอง ไม่รวมค่าบำรุงโรงเรียน ค่าอาหารกลางวันที่ผู้ปกครองออกเองมากกว่าที่รัฐบาลออกให้หลาายเท่า การปฏิรูปการศึกษาที่นายอภิสิทธิ์อ้างว่าเป็นผู้ริเริ่มก็ล้มเหลว เป็นการเปิดช่องให้เอกชนร่วมมือกับสถาบันการศึกษาหากินกับนักการเมือง ขณะที่ผลทดสอบของเด็กออกมาวิชาคณิตศาสตร์ เฉลี่ยคะแนนเต็ม 100 ได้เพียง 14

9.การเมืองภาคประชาชนล้มเหลว ที่บอกว่า จะให้ประชาชนมีส่วนร่วม รับปากว่าจะให้ทำประชามติก่อนแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ไม่ทำ การทำประชาพิจารณ์บันทึกผลการประชุมเจบีซี.ก็เอาแต่พวกตัวเองเข้าไปพูด ไม่สนับสนุนภาคประชาชนทั้งที่ตัวเองเคยมาห้อยโหน เคยอภิปรายรัฐบาลนายสมัครในสภาว่า ถ้าประชาชนมาประท้วงเสียงเดียวก็ต้องฟัง แต่ทุกวันนี้มีการชุมนุมรอบทำเนียบเป็นม็อบสิบทิศ นายอภิสิทธิ์ ไม่เคยฟังเลย

10.ล้มเหลวในการต่อต้านคอร์รัปชัน ยุคนี้มีการคอร์รัปชั่นมากพอๆ กับยุคทักษิณ เผลอๆอาจจะมากกว่า ไม่เคยมีการปราบคอร์รัปชัน ไม่เคยมีการดำเนินคดีกับข้าราชการตัวใหญ่ๆ ที่ทุจริต น้องชาย นายกอรปศักดิ์ ที่มีปัญหาทุจริตในโครงการไทยเข้มแข็ง จนต้องออกไป ก็ไม่ดำเนินคดี นายวิฑูรย์ นามบุตร ที่มีปัญหาปลากระป๋องเน่า ก็ไม่ดำเนินคดี

นายสนธิ กล่าวว่า ตอนที่แถลงยุบสภานั้น นายอภิสิทธิ์ พยายามพูดในทำนองว่า เขาจะกลับมาทำงานให้ประเทศไทยอีก แต่ตอนที่เขามีเวลา 2 ปีกว่า เขาไม่ทำ ก็เพราะทำงานไม่เป็น และไม่ได้ตั้งใจที่จะเข้ามาทำงานเพื่อส่วนรวม

กำลังโหลดความคิดเห็น