xs
xsm
sm
md
lg

พันธมิตรฯมั่นใจสาขาพรรคกมม.หนุนโหวตโน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- พันธมิตรฯ เชื่อสาขาพรรคการเมืองใหม่ หนุนภาคประชาชน ร่วม “โหวตโน” ในการประชุมใหญ่พรรค2 4 เม.ย.นี้ ลั่นแกนนำพันธมิตรฯ เคารพมติฟังความเห็นภาคประชาชน ไม่มีความขัดแย้งต่อกัน เพื่อเป้าหมายในการปฏิรูปการเมือง ด้าน "สนธิ" ชี้การเมืองไทย ถูกครอบงำโดยระบบ "บริษัทพรรคการเมือง" กำหนดนโยบายเอื้อผลประโยชน์นายทุนพรรค วอนประชาชนใช้ประชาธิปไตย 4 วินาที โดยออกมาใช้สิทธิ "ไม่ประสงค์เลือกพรรคใด" สั่งสอนนักการเมืองเลว

วานนี้ (21 เม.ย) นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวถึง บทบาทของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต่อการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคการเมืองใหม่ (กมม.) ในวันที่ 24 เม.ย.นี้ ที่สมาคมโผวเล้ง ย่านสาธุประดิษฐ์ ว่า ในการประชุมดังกล่าวคาดว่าจะมีพี่น้องประชาชนพันธมิตรฯ ที่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใหม่ไปร่วมรับฟังและแสดงความคิดเห็น ซึ่งทางกลุ่มพันธมิตรฯ จะยอมรับและเคารพมติที่ประชุมของพรรคการเมืองใหม่ ไม่ว่าจะออกมาในรูปแบบใด

ทั้งนี้ ในเบื้องต้นได้รับทราบว่า สาขาพรรคต่างๆ มีมติออกมา โดยมีทิศทางเดียวกับภาคประชาชนในการเว้นวรรคเลือกตั้ง 1 สมัย เพื่อให้เกิดการปฏิรูปหรือเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และจะร่วมรณรงค์โหวตโนกับภาคประชาชน อย่างไรก็ตามคงต้องรอฟังมติของที่ประชุมพรรคว่าเสียงส่วนใหญ่มีความเห็นว่าอย่างไร โดยส่วนตัวเชื่อว่าแกนนำพรรคจะพิจารณารับฟังความคิดเห็นของภาคประชาชน

“ไม่ว่ามติออกมาเป็นอย่างไร เราก็พร้อมที่จะเคารพ และเชื่อว่าไม่มีความขัดแย้งต่อกัน แต่อย่างไรก็ตามพันธมิตรฯจะเดินหน้ารณรงค์โหวตโน เพื่อเป้าหมายในการปฏิรูปการเมือง เป็นทางออกของวิกฤตในประเทศต่อไป” นายประพันธ์ กล่าว

***"สนธิ" ชี้ระบบ "บริษัทพรรคการเมือง" ทำลายประเทศ ต้องร่วมกัน Vote No

นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีรวมพลังปกป้องแผ่นดิน ที่สะพานมัฆวาน กล่าวว่า รากเหง้าปัญหาของประเทศไทยคือ ตั้งแต่ มีนักการเมืองมา ไม่เคยมียุคไหนที่นักการเมืองสร้างบ้านสร้างเมือง มีแต่ขายชาติขายบ้านเมือง โดยเฉพาะยุคอภิสิทธิ์เป็นยุครัฐบาลขายชาติ พรรคการเมืองก็คือบริษัทพรรค การเมือง พรรคประชาธิปัตย์ ก็คือบริษัท พรรคประชาธิปัตย์ จำกัด มีนายทุน ประกอบด้วย กลุ่มน้ำมันปาล์มเถื่อน, เหล้า, โทรคมนาคม, พ่อค้าข้าว

การร่างรัฐธรรมนูญแต่ละครั้งจึงเน้นที่พรรคการเมือง เน้นว่าการเมืองต้องมีพรรคการเมือง ไม่ยอมให้มีผู้สมัครอิสระ เพราะการเมืองระบบพรรคทำให้นายทุนกำหนดทิศทางการ เมืองได้ อำนาจอธิปไตยไม่ได้เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง ประชาธิปไตยเมืองไทยเป็นประชาธิปไตย 4 วินาที คือแค่เดินเข้าคูหา กาบัตร หย่อนลงหีบ นั่นคือสิทธิเพียง 4 วินาที พอนับคะแนนได้ใครเป็นรัฐบาลแล้ว เราก็ไม่มีสิทธิอีกแล้ว ดังนั้นจึงควรใช้ 4 วินาทีครั้งนี้ กาช่องไม่ประสงค์เลือกพรรคใด ซึ่งจะมีคุณค่าถ้ามีการโหวตโนกันมากขึ้นๆ

นายสนธิกล่าวว่า การเป็นบริษัทพรรคการเมืองในปัจจุบัน มีส.ส.เอาไว้ยกมือในสภา เอาตัวเลขจำนวนส.ส.เพื่อจัดตั้งรัฐบาล พรรคเล็กๆก็ไปซื้อส.ส.มาเข้าพรรคเพื่อเข้าร่วมรัฐบาล เพื่อเข้าไปต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรี ใช้จำนวนส.ส.ยกมือให้ผ่านนโยบายบริษัทพรรคการเมือง แล้วออกเป็นกฎหมาย เพื่อเอื้อประโยชน์แก่ผู้ถือหุ้นบริษัทพรรคการเมือง พรคการเมืองต่างๆต้องการถอนทุนคืน การจะให้ส.ส.ยกมือเลือกนายกฯ ทำให้คนที่อยากเป็นนายกก็ต้องเอาใจส.ส. ต้องเอาใจพรรคร่วมรัฐบาล โดยให้งบประมาณ ต้องหลับตาข้างหนึ่งให้พรรคร่วมรัฐบาลโกงกิน แต่จะหลับตาทั้งสองข้างเมื่อพรรคของตนโกงกินเสียเอง

ปัจจุบัน อำนาจนิติบัญญัติไม่ได้เป็นอิสระ เพราะเสียงมาจากส.ส. อำนาจบริหาร ก็ทำเพื่อผู้ถือหุ้นบริษัทพรรคการเมือง ทำให้ทั้งสองอำนาจเป็นพวกเดียวกัน ทำให้อำนาจตุลาการสั่นคลอนไปด้วย

การเกิดขึ้นของระบอบทักษิณเมื่อปี 2540 เป็นการยืนยันว่าพรรคการเมืองเป็น บริษัทพรรคการเมือง มีทักษิณเป็นเจ้าของ ส่วนการเกิดขึ้นของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เป็นการยืนยันความล้มเหลวของระบบการเมืองไทยในปัจจุบัน ที่บริหารเพื่อนายทุน ไม่ใช่เพื่อประชาชน มีแต่สร้างภาพให้ตัวเอง สร้างคะแนนนิยมให้ตัวเอง ปล่อยให้มีการเผาบ้านเผาเมือง ทำให้มีคนตายทั้งทหาร ประชาชน เพื่อหวังให้คนเกลียดเสื้อแดงแล้วคะแนนนิยมจะกลับมาหาตนเอง เป็นการกระทำที่อำมหิตมาก

กรณีการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ นายอภิสิทธิ นายสุเทพ ไม่เคยทำอะไรเลย ปล่อยให้มีคนออกมาจาบจ้วงและหมิ่นสถาบันฯต่อเนื่องมาตั้งแต่อดีต ทั้งนายจักรภพ เพ็ญแข, นายใจ อึ้งภากรณ์, พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย, มาร์ค เอเอฟ 7, ทอม ดันดี, จตุพร พรหมพันธ์, วิเชียร ขาวขำ, และสุพร อัตถาวงษ์ มีแต่การห้อยดหนเจ้าเพื่อโจมตีฝ่ายตรงข้าม มีการโชว์แผนผัง เชื่อมโยงขบวนการล้มเจ้า แจกให้นักข่าว แต่ไม่ดำเนินคดีอะไรเลย ไม่แม้กระทั่งล่าสุดที่นายจตุพร ปราศรัยบนเวทีเสื้อแดง ก็ไม่เคยออกมาพูดอะไรแม้แต่คำเดียวว่าเป็นการกระทำที่ไม่ควร ต้องดำเนินคดี

นายสนธิ กล่าวว่าระบบการเมืองในปัจจุบันล้มเหลว และไปต่อไม่ได้จริงๆ วันนี้ไม่รู้ว่าทักษิณ กับอภิสิทธิ์ใครเลวกว่าใคร เพราะสิ่งที่ทั้งทักษิณ และอภิสิทธิทำต่อการต่อสู้ของพันธมิตรเหมือนกันทุกประการ ตั้งแต่การถอดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ออกจากช่อง 9 การใช้กระบวนการยุติธรรมกลั่นแกล้งมาตลอด ในยุคประชาธิปัตย์ก็ฟ้องร้องคดีปิดสนามบินว่าเป็นการก่อการร้าย มีการดักฟังโทรศัพท์ มีการให้นักวิชาการออกมาตอบโต้ ในยุคนี้ก็มีนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทองออกมาตอบโต้ปกป้องรัฐบาล มีขบวนการปล่อยข่าวลือ ทำลายความชอบธรรม ทำลายความน่าเชื่อถือ วิธีการในยุคทักษิณ และยุคอภิสิทธิไม่ต่างกัน

การเมืองก็ไม่แตกต่างกัน พันธมิตรฯไม่ได้ยึดถือตัวบุคคล ไม่ได้ยึดถือความหล่อ แต่ประเทศไทยต้องการนายกฯที่รับผิดชอบ ต่อประชาชนทุกคน ไม่ใช่สร้างภาพ 2 ปีกว่าๆไม่ทำอะไร แล้วมาอ้างว่าถ้ากลับมาอีกจะทำโน่นทำนี่ แล้วสองปีกว่าที่ผ่านมามัวทำอะไรอยู่ ดังนั้นระบบการเมืองในปัจจุบัน เป็นเพียงเลือกส.ส.เข้าไปยกมือให้ใครเป็นนายกฯ ผ่านนโยบายให้บริษัทพรรคการเมือง ต่อรองตำแหน่ง ต่อรองผลประโยชน์กันในสภา แล้วจะมีส.ส.ไว้ทำไม การเลือกตั้งครั้งนี้ เราโหวตโนเพื่อแสดงว่า เราไม่เอาการเมืองแบบปัจจุบัน นี้ จากโพลที่ออกมาระบุว่ามี 36% หรือ 10 ล้านคนเห็นด้วยกับการโหวตโน ตนอยากให้ทั้งสิบล้านคนออกมาใช้สิทธิโหวตโน ไม่อยากให้โนโหวตหรือไม่ไปใช้สิทธิ เพื่อแสดงให้เห็นว่าเราไม่เอานักการเมืองเหล่านี้

**เทือกยังไม่เห็นสัญญาณพธม.“หยุด”

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึง ความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตร ในเรื่องการส่งสัญญาณว่าจะยุติความเคลื่อนไหวและจะให้มีการเลือกตั้งนั้น ว่า ยังไม่เห็นสัญญาณ ตนคิดว่าเมื่อสภาได้พิจารณาเรื่องที่เขากังวลใจอยู่คณะกรรมการร่วมเขตแดน เรื่องที่เป็นข้อที่เขากังวลเขาก็ถอดออกจากการพิจารณากันในสภาแล้ว เขาก็ควรจะหยุดได้แล้ว ตนก็ยังไม้เห็นสัญญาณอะไร
กำลังโหลดความคิดเห็น