“ชุมพล” ไม่มองตัวเอง และนักการเมืองทำประเทศวิกฤต โยนผิดให้รัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระ เป็นต้นเหตุทำบ้านเมืองพิกลพิการ ทุกฝ่ายต้องอยู่ในภาวะจำยอม บ่นอึดอัดอยู่ใต้อำนาจอำมาตยาธิปไตย ฉะนักวิชาการ เอ็นจีโอ กลายเป็นนักล่าตำแหน่ง จี้แก้รัฐธรรมนูญ อ้างเพื่อคืนอำนาจให้คนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม สุดแค้นพรรคชาติไทยไม่้ได้ทำอะไรผิดกลับถูกยุบ
นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมด้วย พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ร่วมแถลงข่าวระหว่างประชุมใหญ่พรรค โดย พล.ต.สนั่น กล่าวว่า วันนี้ถึงเวลาแล้วที่คนไทยทั้งประเทศไม่ว่าสีใด สีเหลือง สีแดง สีน้ำเงิน ควรหันหน้ามาพูดจากัน มีเอกภาพ มีความรัก สามัคคีกัน การเมืองไม่ขัดแย้ง ซึ่งตนสร้างถนนทางเดินสู่ความปรองดอง เพื่อต้องการให้ลดความขัดแย้ง ความเคียดแค้น หากเมื่อไหร่ประเทศปรองดองกันได้ ประเทศก็จะเจริญและประชาชนก็จะอยู่ดีกินดีขึ้น
ด้าน นายชุมพล กล่าวว่า เชื่อว่า การเลือกตั้งน่าจะมีขึ้นไม่เกินวันที่ 26 มิ.ย.หรือไม่ก็ 3 ก.ค. หากนายกรัฐมนตรี ทูลเกล้าฯกฤษฎีกายุบสภาในวันที่ 1 พ.ค.จะมีการยุบสภาในวันที่ 11-12 พ.ค.จะเลือกตั้งในวันที่ 26 มิ.ย.หากนายกฯ ทูลเกล้าฯกฤษฎีกายุบสภาในวันที่ 1-7 พ.ค.จะมีผลยุบสภาในวันที่ 17-19 พ.ค.และจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค.ซึ่งจะเป็น 2 ทางลือกของนายกรัฐมนตรี แต่เชื่อว่า นายกฯคงไม่ทูลเกล้าฯในวันที่ 6 เม.ย.ซึ่งเป็นวันจักรี (6 เม.ย.) แน่นอน
นายชุมพล กล่าวว่า สภาพสังคมเวลานี้ยังไม่จบ สังเกตว่า แต่ละกลุ่มพยายามยืนอยู่ในจุดที่ตัวเองได้เปรียบ ไม่ยอมปรองดอง หรือประนีประนอม ทุกคนรักษาจุดยืนเพื่อให้ตัวเองไดัประโยชน์มากที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมาก และสภาพการเมืองตกอยู่ในสภาพการจำยอม พรรคการเมือง และนักการเมืองถูกจ้องจับผิด วันดีคืนดีก็ถูกจับยุบพรรค และนักการเมืองถูกเว้นวรรค การเมืองวันนี้ยังไม่จบ เราจะได้ยินว่า สถาบันสูงสุดกำลังถูกละเมิดนำไปอ้างเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ไม่ว่าเหลือง หรือ แดง
“สภาพการณ์ตอนนี้อันตราย องค์กรอิสระส่อไปในทางเลือกข้าง และสองมาตรฐานชัดเจนดำรงอยู่ต่อไป หลังเลือกตั้งต้องแก้ไข ซึ่งผมไม่อยากพูดว่าเป็นระบบอำมาตยาธิปไตยครอบงำทุกด้าน แต่มันเป็นอย่างนี้ อย่าง ส.ว.สรรหา ก็มีอำมาตย์สรรหาเข้ามาครึ่งหนึ่ง ทำไมไม่ให้ประชาชนเลือก จะชั่วหรือดีทุจริตก็โทษประชาชนได้ ผมไม่เห็นว่า ส.ว.สรรหา ดีตรงนี้ วันๆ หนึ่งพยายามหาช่องโหว่ของกฎหมายยื่นญัตติและตีความ กล่าวหาว่า ส.ว.เลือกตั้ง เป็นสภาทาส แต่อันนี้ยิ่งกว่าอีก ผลทั้งหมดต้องโทษนักวิชาการ วันนี้นักวิชาการตกอยู่ในสภาพไม่เป็นนักวิชาการ เอ็นจีโอ ก็ไม่ใช่เอ็นจีโอจริง กลายพันธุ์เป็นนักล่าตำแหน่ง ตอนนี้ก็กำลังล่า ส.ว.สรรหา เพราะฉะนั้นสภาพบ้านเมืองจึงขาดการชี้นำ ใครพูดก็ไม่มีใครฟังแล้ว อย่างนี้สังคมจะอยู่ได้อย่างไร”
นายชุมพล ระบุว่า ตนเองอึดอัด ทำอะไรไม่ได้เต็มที่ อยู่ในภาวะจำยอม พรรคชาติไทยก็ตกอยู่ในสภาพจำยอม ถูกปิดม่านท่ามกลางความขัดแย้งของกลุ่มคนต่างๆ พรรคถูกยุบไปโดยไม่ได้ทำผิด ตกเป็นเหยื่อ ไม่ได้ทำผิด คนทำผิดลอยนวล คนทำผิดได้ใบเหลือง คนไม่ได้ทำผิดได้ใบแดง คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก็ผิดๆ ถูกๆ อ่านแบบลุกลี้ลุกลน สังคมพิกลพิการอย่างนี้ไม่ได้ คนทำผิดคนเดียวแต่ลงโทษคนทั้งบ้านไม่พอ แถมยังเผาบ้านทิ้ง มันไม่ยุติธรรม การเขียนรัฐธรรมนูญแบบนี้สะท้อนอำนาจบางอย่างที่ต้องการให้ผลักดันไปที่อื่น ประชาธิปไตยไม่เดินหน้า ทุกพรรคกลัวถูกยุบเหมือนหนูกลัวแมว การเมืองอยู่ในสภาพอย่างนี้ไม่ดีแน่นอน ต้นตอของปัญหาอยู่ที่รัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ
นายชุมพล กล่าวว่า การปรองดองเป็นนโยบายที่ดีเราต้องชู และแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อคืนอำนาจให้กับคนที่ไม่ได้รับความป็นธรรม ขณะนี้พรรคชาติไทยพัฒนาจัดทำนโยบายเดินสู่การเลือกตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้วจะแจกหลังนายกฯประกาศยุบสภา แต่ในวันนี้ตนขอให้ทุกคนร่วมกล่าวสัจจะวาจา 5 ข้อร่วมกัน คือ 1.จะจงรักภักดีเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยชีวิต 2.จะดำเนินกิจกรรมทางการเมืองเพื่อประเทศชาติและประชาชน 3.จะพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้เกิดความปรองดองแห่งชาติ และประชาชน และลดความขัดแย้งของคนทุกกลุ่ม ทุกเหล่าให้จงได้ 4.จะดำเนินนโยบายเป็นมิตรกับนานาประเทศ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน โดยคำนึงถึงประชาชนและประเทศชาติ 5.จะดำเนินนโยบายตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สืบสานเจตนารมย์ของพรรคชาติไทยให้เกิดผล 3 ประการ คือ การมืองไม่ขัดแย้ง สร้างแรงกระตุ้นเศรษฐกิจ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และเมื่อวันนี้เรามี ส.ส.ชาติไทยพัฒนา 25 คน แต่ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นเราต้องหวังให้ได้ 50 คน จึงขอให้ทุกคนช่วยกันทำให้สำเร็จ
