“ประพันธ์” แจง พ.ร.บ.พรรคการเมือง การส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งต้องมีมติเห็นชอบจาก “คณะกรรมการบริหารพรรค-คณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัคร” เชื่อ ก.ม.ม.ไม่ผ่านขั้นตอนตามกฎหมาย ท้า “สมศักดิ์” ถ้าไม่ได้โกหก พรุ่งนี้รีบส่งลงรับเลือกตั้งเลยจะได้ติดคุกยกแก๊ง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายประพันธ์ คูณมี”
วันนี้ (18 พ.ค.) เมื่อเวลา 21.30 น. นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวปราศรัยบนเวที “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ว่า พรรคเพื่อไทยได้ใส่ชื่อแกนนำเสื้อแดงลงใน ส.ส.บัญชีรายชื่อครบถ้วน ไม่เป็นอีแอบแบบประชาธิปัตย์ เป็นแบบนี้ประชาชนตัดสินใจง่ายถ้าไม่เอาพรรคเผาบ้านเผาเมืองก็ไม่ต้องเลือก พรุ่งนี้จะเห็นรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของทั้ง 2 ฝ่าย แล้วจะตัดสินใจง่ายเลยว่าโหวตโนดีที่สุด
นายประพันธ์กล่าวอีกว่า อีกพรรคที่ยังวุ่นไม่เลิก กระสันอยากลงเลือกตั้งโดยไม่ดูพรบ.พรรคการเมือง มีคนถามมาว่าจะทำอย่างไรกับนายเคราแพะ (นายสมศักดิ์ โกศัยสุข) ที่ทรยศพวกเรา วันนี้ได้เห็นสันดาน กำพืดหมดเปลือกเลย แต่ก็ต้องให้กำลังใจพี่น้องสมาชิกการเมืองใหม่ส่วนหนึ่งที่ยังยึดมั่นในอุดมการณ์
วันนี้ นายสุริยะใส กตะศิลา นายสำราญ รอดเพชร และกรรมการบริหารจำนวนหนึ่ง ได้ไปยื่นหนังสือต่อ กกต. (กรรมการการเลือกตั้ง) แจ้งให้ทราบว่าพรรคการเมืองใหม่ไม่เคยมีมติของกรรมการบริหารที่จะส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง ทั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ นี่ก็คือความกล้าหาญ
แต่นายสมศักดิ์อ้างเสมอว่าตั้งพรรคก็ต้องส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งตามพรบ.พรรคการเมือง มาตรา 4 ซึ่งตนเป็นคนร่างและใส่ส่วนนี้เข้าไปเอง มาตรา 4 ระบุว่า “พรรคการเมือง” หมายความว่า คณะบุคคลที่รวมกันจัดตั้งเป็นพรรคการเมือง โดยได้รับการจดแจ้งการจัดตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ เพื่อสร้างเจตนารมณ์ทางการเมืองของประชาชนตามวิถีทางการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยมุ่งที่จะส่งสมาชิกเข้าสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และมีการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอื่นอย่างต่อเนื่อง
“ถูกต้อง นี่คือหลักการทั่วไป แต่การจะสมัครหรือไม่สมัครลงเลือกตั้งนั้น ยังมีบทมาตรา 37 - 38 รองรับไว้ และมาตรา 91 ที่คนเคราแพะไม่เคยอ่าน มาตรา 37 คือ คณะกรรมการสาขาพรรคการเมืองต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่สาขาพรรคการเมืองอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้งก่อนการประชุมใหญ่ประจำปีของพรรคการเมือง และในกรณีที่จะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งทั่วไปหรือเป็นการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง คณะกรรมการสาขาพรรคการเมืองต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อให้ความเห็นชอบในการเสนอชื่อบุคคลผู้สมควรได้รับการพิจารณาให้เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคการเมืองทั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งและแบบสัดส่วนในกลุ่มจังหวัดที่อยู่ในความรับผิดชอบของสาขาพรรคการเมืองนั้น
พูดง่ายๆ คือเวลาจะส่งใครลงสมัครเลือกตั้งจังหวัดนั้น สาขาพรรคต้องประชุมและผู้ที่ได้รับการคัดเลือกให้สมัครต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมสาขาพรรคก่อน นอกจากนั้นมาตรา 38 เขียนไว้ว่าการพิจารณาส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งและแบบสัดส่วนของพรรคการเมือง ให้เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองและคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคการเมือง
เห็นมั้ยเวลาจะส่งใครลงสมัคร ต้องเป็นความรับผิดชอบของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง และคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัคร ซึ่งคณะกรรมการทั้ง 2 ประเภทนี้ กรรมการบริหารพรรคเลือกมาจากที่ประชุมใหญ่พรรค ฉะนั้น ทั้ง 2 องค์กรนี้ต้องประชุมลงมติเห็นชอบ จึงจะสามารถส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งได้” นายประพันธ์ กล่าว
นายประพันธ์กล่าวต่ออีกว่า เมื่อเป็นอย่างนี้การที่หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ตะแบงว่าจะส่งลงรับเลือกตั้ง แต่กรรมการบริหารส่วนหนึ่งบอกส่งไม่ได้เพราะกรรมการบริหารไม่เคยมีมติ และที่ประชุมใหญ่สมาชิกพรรคก็ไม่เห็นด้วยที่จะส่ง คำถามคือหัวหน้าจะตะแบง เอาสีข้างเข้าถู อ้างกฎหมายข้อไหนไปส่งผู้สมัคร ทำไมต้องหน้าด้าน วันนี้ตะแบงไปว่าเคยมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคแล้ว มีเอกสารชัดเจน ตอนนี้เถียงกันอยู่ 2 ฝ่าย ว่าเคยประชุม กับไม่เคยประชุมเลย ดังนั้นต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่พูดเท็จ
“ผมเลยภาวนาว่าถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้ขอให้สมศักดิ์ไปที่สนามไทย-ญี่ปุ่นดินแดง รีบส่งลงสมัครเลือกตั้งเลย โดยนายสมศักดิ์หัวหน้าพรรคเป็นผู้ทำหนังสือรับรอง ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งติดคุกแน่นอน เพราะเป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน และทำผิดต่อพรบ.พรรคการเมือง และกฎหมายเลือกตั้ง เมื่อรู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้ง เมื่อรู้ว่าพรรคมีมติไม่ส่งลงเลือกตั้ง ยังทะลึ่งสมัคร และแจ้งกกต.ว่าได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการบริหารพรรคให้ลงสมัคร ทั้งๆ ที่ไม่มติ ถ้าเป็นอย่างนี้ก็แจ้งข้อความอันเป็นเท็จ” นายประพันธ์กล่าว
นายประพันธ์ยังกล่าวอีกว่า แต่ตนเชื่อว่ายังไม่เคยมีมติให้ส่งผู้สมัคร ไม่อย่างนั้นจะประชุมใหญ่ขอมติจากพี่น้องประชาชนทำไม แต่ถึงมีมติที่ไปแอบประชุมกันมันก็ไม่ครบองค์ประชุม และแม้คณะกรรมการมีมติไปแล้ว แต่คณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครยังไม่เคยมีมติก็ผิดเช่นกัน เพราะ 11 คนที่ไปยื่น กกต.วันนี้ก็เป็นคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครด้วย และเมื่อก่อนตนก็เคยเป็น 1 ในคณะกรรมการคัดเลือกด้วย เลยรู้ว่ากระบวนการทำงานที่ทำอยู่และจะไปยื่นส่งผู้สมัครนั้นมั่วแบบน่าละอายที่สุด ที่คนที่เคยเป็นอดีตแกนนำแต่แสดงภูมิปัญญาแบบน่าละอายที่สุด
ตนได้แต่ภาวนาว่าถ้าแน่จริงรีบไปสมัครเลย จะได้ติดคุกยกแก๊ง เรื่องพรรคการเมืองใหม่จบไปแล้ว อย่าไปอาลัยอาวรณ์สิ่งชำรุดในประวัติศาสตร์ มุ่งเดินหน้ากาโหวตโนลูกเดียว มันเป็นสัจธรรมพรรคการเมือง ว่าถ้ามีประชาชน จะมีพรรคการเมืองเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ถ้าไม่มีประชาชนก็ไม่มีทุกสิ่งทุกอย่าง
นายประพันธ์กล่าวว่า สุดท้ายที่ต้องดูอีกคือมาตรา 91 การส่งไม่ส่งผู้สมัคร ไม่มีผลต่อการยุบพรรคอย่างไร มาตรานี้ระบุว่า พรรคการเมืองย่อมสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมืองด้วยเหตุใดเหตุหนึ่งดังต่อไปนี้ วรรค(๒) ไม่ส่งผู้สมัครเข้ารับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการเลือกตั้งทั่วไปสองครั้งติดต่อกัน หรือเป็นเวลาแปดปีติดต่อกัน สุดแต่ระยะเวลาใดจะยาวกว่ากัน
“เห็นมั้ย ถ้าไม่ส่งครั้งนี้พรรคก็ไม่สิ้นสุดสภาพ จะสิ้นสุดต่อเมื่อมีเลือกตั้งทั่ว ไป 2 ครั้งติดต่อกัน หรือ 8 ปี แล้วแต่อันไหนยาวกว่า หากไม่ส่งผู้สมัครถึงจะถูกยุบพรรค เคราแพะอ้างข้างๆคูๆ ไม่ได้อ้างกฎหมาย แต่อ้างกฎกู น่าเศร้าใจที่สุด คนระดับนี้ทำไมมีสติปัญญาแบบนี้ ไม่รู้ม่านอะไรบังตา ม่านสีเทา หรือสีม่วงบังตา ทำไมถึงคิดแบบนี้” นายประพันธ์ กล่าว
นายประพันธ์กล่าวอีกว่า ปัญหาอยู่ที่คนๆเดียวที่ทำให้ประชาชนสับสน และขอเตือนลูกสมุนของเคราแพะที่ไปโจมตีคนโน้นคนนี้ วันนี้ที่ตนต้องเปิดหน้าชก เพราะคุณใช้ไม่ได้ คนแบบนี้เรียกว่าคนทรยศ ไม่เคยเป็นพันธมิตรฯมาก่อน เป็นพันธมิตรจอมปลอม เป็นพวกอีแอบ อย่าไปให้ราคา