ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- ดุลการค้าที่ทำให้นักเศรษฐศาสตร์หลายคนเป็นห่วงเป็นใยเศรษฐกิจเวียดนาม ในเดือน ม.ค.นี้ ลดลงเหลือประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากการส่งออกในเดือนเดียวเพิ่มขึ้น 25$ เป็นกว่า 6,000 ล้านดอลลาร์ แม้ว่าการนำเข้าจะไม่ได้ลดลงก็ตาม หนังสือพิมพ์ของพรรคคอมมิวนิสต์รายงาน
มูลค่าการนำเข้าสินค้าเดือน ม.ค.เพิ่มขึ้น 11% เป็นประมาณ 7,000 ล้านดอลลาร์ เทียบปีต่อปี หนังสือพิมพ์เญินซเวิน (Nhan Dan) รายงานอ้างตัวเลขกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า
เดือน ม.ค.2553 เวียดนามขาดดุลการค้าสูงเป็นประวัติการณ์ คือ 1,470 ล้านดอลลาร์
กระทรวงวางแผนและการลงทุน คาดว่า ในปี 2554 มูลค่าส่งออกของประเทศจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10% จาก 71,600 ล้านดอลลาร์ เมื่อปีที่แล้ว และคาดว่า จะขาดดุลดารค้าราว 14,000 ล้านดอลลาร์ ลดลงเล็กน้อยจาก 14,550 เมื่อปีที่แล้ว และจะลดลงมากกว่านั้นหากสามารถส่งออกได้มากขึ้น
แม้หลายฝ่ายจะห่วงใยว่าดุลการค้าที่เป็นลบสูงมากจะทำให้เศรษฐกิจไร้เสถียรภาพ แต่เจ้าหน้าที่ทางการกล่าวว่า เป้าหมายการขาดดุลที่ตั้งเอาไว้ คือ 20% ของมูลค่าส่งออก และ เมื่อปีที่แล้วสัดส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 17% เท่านั้น
เวียดนามมีความจำเป็นต้องนำเข้าสินค้าทุนเป็นมูลค่ามหาศาลในแต่ละปี เพื่อผลิตสินค้าส่งออก ขณะเดียวกันรัฐบาลได้พยายามสกัดกั้นสินค้าฟุ่มเฟือย และสินคาอุปโภคที่ไม่จำเป็นต่างๆ รวมทั้งตั้งกำแพงภาษีนำเข้ารถยนต์หรูและชิ้นส่วนยานยนต์เอาไว้สูงมาก บางมาตรการไปส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมประกอบรถยนต์อีกด้วย
ทางการกล่าวว่า ขาดดุลการค้าไม่ใช่ปัญหาใหญ่ในการบริหารเศรษฐกิจ เนื่องจากสินค้าทุนที่นำเข้าไม่ได้สูญเปล่า แต่จะคืนทุนและส่งผลกำไร ทำให้เศรษฐกิจขยายตัวในระยะข้างหน้า
แม้จะขาดดุลการค้ามหาศาล แต่สิ่งนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อดุลชำระเงินของประเทศ เนื่องจากยังมีเงินที่ชาวเวียดนามโพ้นทะเล ส่งกลับบ้านปีละนับหมื่นล้านดอลลาร์ รวมทั้งมีเงินลงทุนจากต่างประเทศไหลเข้าไม่คาดสาย ซึ่งช่วยพยุงฐานะการเงิน
ปี 2553 เศรษฐกิจเวียดนามเติบโต 8% เศษ ท่ามกลางความยุ่งยากจากภาวะเศรษฐกิจโลก ที่ส่งผลกระทืบต่อการส่งออก แต่ยังเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงปลายปี-ต้นปี ซึ่งเป็นช่วงแห่งการจับจ่ายเทศกาล
อัตราเงินเฟ้อในเดือน ธ.ค.สูงกว่า 11% ทำให้เวียดนามหยุดพักการส่งออกข้าวเอาไว้ชั่วขณะ เพื่อมิให้ราคาในประเทศสูงขึ้นเป็นตัวกระตุ้นเงินเฟ้อ ที่รัฐบาลพยายามสกัดไม่เกิน 7% แต่ยังไม่เคยประสบความสำเร็จ
ดัชนีราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและวัสดุต่างๆ ล้วนสูงขึ้นในปีที่ผ่านมา อันเป็นผลจากราคาน้ำมันในตลาดโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่เกิดใหม่ทั่วไป ไม่เฉพาะเศรษฐกิจเวียดนามเท่านั้น เจ้าหน้าที่กล่าวระหว่างการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เมื่อต้นเดือนนี้