xs
xsm
sm
md
lg

"สนธิ" ชี้ "ส.ส. - พรรค" ทำร้ายประเทศถึงรากเหง้า ย้ำ "โหวตโน" เท่านั้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"สนธิ" เปรียบพรรคการเมืองเป็นเพียงบริษัท ส่วน ส.ส. ก็ทำหน้าที่ผ่านนโยบายเอื้อประโยชน์ให้ผู้ถือหุ้นบริษัทเท่านั้น ไม่ได้ทำเพื่อบ้านเมืองเลย ชี้ระบบนี้เป็นการทำลายประเทศถึงรากเหง้า อัด "มาร์ค" ตอแหลลงตับ โหนสถาบันหาเสียงให้ตัวเอง โดยไม่เคยจัดการพวกหมิ่นเบื้องสูงเลย  ย้ำเลวไม่ต่าง "แม้ว" ต้อง"โหวตโน" เท่านั้น เพื่อให้มีการปฏิรูป


 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "รวมพลัง ปกป้องแผ่นดิน" ปราศรัยโดย "นายสนธิ ลิ้มทองกุล"  

วันนี้ (21 เม.ย.) เวลาประมาณ 21.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย  กล่าวปราศรัยบนเวที "รวมพลังปกป้องแผ่นดิน" ว่า วันนี้นายประพันธ์ คูณมี ไปให้สัมภาษณ์รายการทางช่อง ไทยพีบีเอส เนื่องจากนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ไปให้สัมภาษณ์ก็เลยจะเปิดเทปให้นายประพันธ์ ดูและตอบโต้  ส่วนการสัมภาษณ์ของนายเจิมศักดิ์ ก็พาดพิงตน ด้วยไทยพีบีเอส เลยจะมาสัมภาษณ์ตนสัปดาห์หน้า เขาบอกว่าจะเปิดเทปที่โดนพาดพิงให้ดู ตนบอกไม่ต้องเปิดเพราะนายคนนี้พูดอะไรไม่มีราคาอยู่แล้ว ตนตอบได้ทุกคำถาม

และอยากให้ถามคำว่า ครั้งหนึ่งหลายปีที่ผ่านมาใครทำตัวเป็นเสือ แต่ว่าเสือตัวจริงไม่ร้องเวลาเจ็บ แต่หมาเท่านั้นถึงจะร้อง จำได้หรือเปล่าคำพูดนี้ แล้วเสือนั้นหิวแค่ไหนก็ตามของที่จะกินเหมือนอาจมก็ไม่กิน ไม่เหมือนหมาบางตัวเขาหยิบยื่นให้ก็กินเอากินเอา

นายสนธิ กล่าวว่า วันนี้มาทบทวนบทเรียนเรื่องโนโหวตกัน ลองตั้งสติพิจารณาสิ่งที่ตนพูดว่ามีเหตุมีผลหรือไม่ ถ้ามีเหตุมีผลก็คิดตามไป แต่ถ้าคิดว่าไม่มีเหตุผลก็โต้แย้งในใจได้ เพราะเวทีนี้ไม่ใช่เวทีตอแหลลงตับ เวทีนี้เป็นเวทีเอาความจริงหรือว่าเอาธรรมนำหน้า

นายสนธิ กล่าวอีกว่า พูดถึงรากเหง้าปัญหาของประเทศไทย ตนเคยพูดมานานแล้วปัญหาประเทศไทยอยู่ที่นักการเมือง ตั้งแต่เมืองไทยมีนักการเมืองมาไม่เคยมีนักการเมืองยุคไหนที่ร่วมกันสร้างบ้านสร้างเมือง มีแต่ขายบ้านขายเมือง ที่เป็นเช่นนั้นเพราะการเมืองทุกวันนี้มันถูกออกแบบให้พรรคซึ่งเป็นการลงทุนทางการเมืองของนายทุน จะเรียกมันว่าบริษัทพรรคการเมือง ดังนั้นประชาธิปัตย์วันนี้ก็คือบริษัทประชาธิปัตย์ จำกัด นายทุนมีอยู่แล้ว ทั้งนายทุนน้ำมันปาล์มเถื่อน นายทุนเหล้า นายทุนโทรคมนาคม พ่อค้าข้าว การเมืองก็เลยต้องมีพรรค นี่คือเหตุผลว่าทำไมการร่างรัฐธรรมนูญทุกครั้งถึงต้องเน้นที่พรรค ไม่ยอมให้มีผู้สมัครอิสระ เพราะว่าการลงทุนด้วยพรรคเป็นการลงทุนที่เป็นกอบเป็นกำ ทำให้นายทุนกำหนดทิศทางการเมืองได้

"ถามตัวเองว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของพวกเราหรือเปล่า ไม่ได้เป็น ถึงบอกว่าประชาธิปไตยเมืองไทยคือประชาธิปไตย 4 วินาที หมายความว่าเข้าคูหา กาบัตร เดินไปหยอดบัตรลงตู้ นั่นคือสิทธิเพียง 4 วินาทีเท่านั้น พอพ้นจากนั้นนับคะแนนแล้วเราไม่มีสิทธิอีกแล้ว ด้วยเหตุนี้เราก็ใช้ 4 วินาทีของเราครั้งนี้ โดยเดินไปที่คูหา กาว่าไม่ประสงค์เลือกพรรคใด อย่างน้อยที่สุด 4 วินาทีที่เราใช้นี้จะมีคุณค่าถ้ามีคนกาโหวตโนมากขึ้นๆ" นายสนธิ กล่าว  

แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า เมื่อมันเป็นบริษัทพรรคการเมือง มันมีส.ส.ไม่ได้เอาไว้ร่างกฎหมาย แต่เอาไว้ยกมือในสภาเพื่อร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล แล้วพวกพรรคเล็กที่อยากได้ตำแหน่งรัฐมนตรี ก็ไปซื้อมาหัวละ 20-30 ล้าน เพราะฉะนั้นแล้วไม่มีพรรคไหนที่ส่งส.ส.เข้าไปเพื่อทำหน้าที่นิติบัญญัติ แค่เอาเข้าไปยกมือให้เป็นรัฐบาล ผ่านนโยบายบริษัทพรรคการเมือง ออกกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ผู้ถือหุ้นบริษัทพรรคการเมือง

ที่ต้องกระสันร่วมรัฐบาลเพราะพรรคเล็กที่มีส.ส.เพียง 5-20 คน อดอยากปากแห้งถ้าไม่ได้เป็นรัฐบาล เพราะแต่ละคนถ้าไม่นับต้นทุนที่ซื้อมา การลงทุนในส.ส. ต้องมี 40-50 ล้านบาทต่อคน ดังนั้นจะเอาสัตว์นรกพวกนี้เข้าไปเพื่อออกกฎหมายหรือ ไม่ใช่ แต่เอาเข้าไปเพื่อเป็นตัวเลขในการเข้าร่วมรัฐบาล โดยอ้างถึงเสถียรภาพรัฐบาล

เมื่อส.ส.เป็นตัวเลขในการจัดตั้งรัฐบาล แล้วส.ส.ก็เป็นคนเลือกนายกฯ ดังนั้นคนที่กระสันอยากเป็นนายกฯก็ต้องเอาใจส.ส. ด้วยการเอาใจพรรคร่วมรัฐบาลให้งบประมาณมากขึ้น หลับตาข้างหนึ่งเพื่อให้พรรคร่วมโกง แต่หลับตาสองข้างเมื่อโกงเอง

ที่พูดได้เนื่องจากปรากฎการณ์ที่ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ทุจริต ไม่เคยมีปัญหาเลย ไม่เคยร้องปปช. แต่พรรคร่วมเวลาโกง ทำเป็นค้าน แต่ในที่สุดก็ปล่อยผ่านไป ดังนั้นอำนาจนิติบัญญัติไม่ได้เป็นอิสระเพราะมาจากส.ส.ทั้งสิ้น อำนาจบริหารก็ไม่เป็นอิสระ เพราะไม่ได้ทำเพื่อประชาชน แต่ทำเพื่อผู้ถือหุ้นบริษัทพรรคประชาธิปัตย์จำกัด เมื่ออำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร เป็นพวกเดียวกันก็ย่อมทำให้อำนาจตุลาการสั่นคลอนไปด้วย

" การเกิดของทักษิณเมื่อปี 2540 เป็นการคอนเฟิร์มว่าพรรคการเมืองคือบริษัทจำกัด  ส่วนการเกิดของอภิสิทธิ์ 2 ปีกว่าที่แล้ว เป็นการคอนเฟิร์มความล้มเหลวของการเมือง เมืองไทย ในระบบปัจจุบัน"

นายสนธิ กล่าวต่ออีกว่า ตัวอย่างเห็นได้ชัดเยอะแยะไปหมด เช่นสร้างภาพทางการเมือง แสดงให้ต่างชาติเห็นว่าตัวเองรักสันติ แต่ชาติบ้านเมืองลุกเป็นไฟก็ไม่กล้าดับไฟที่ลุกขึ้นมา การใช้ความรุนแรงทางการเมืองเพื่อสร้างคะแนนนิยมให้ตัวเองบนความพินาศฉิบหายของชาติ  ไม่ว่าจะการประชุมอาเซียนซัมมิท เหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองรอบแรก เมื่อเมษายน และเผาราชประสงค์ ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าฝ่ายบริหารทำงานเพื่อประชาชนส่วนใหญ่ กล้าตัดสินใจแก้ปัญหา ไม่ใช่อ้างว่ามีพรรคร่วมเลยทำไม่ง่าย อึดอัดใจ ลำบากใจ  นี่คือสิ่งที่นายเจิมศักดิ์พยายามแก้ตัวให้นายอภิสิทธิ์ คือถ้ามึงอึดอัดนั้นก็อย่าเสือกมาเป็นนายกฯ

การที่ไปประนีประนอมให้คนเห็นว่ารักสันติ แต่เบื้องหลังคือความอำมหิต ปล่อยให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ ปล่อยคนตายเป็นสิบๆ ปล่อยทหารที่ไม่มอาวุธถูกยิงตายเปรียบประหนึ่งสุนัขข้างถนน เพียงเพื่อให้คนเกลียดเสื้อแดงเท่านั้นเอง โดยหวังจะได้คะแนนนิยมกลับมาหาตัวเอง ทำแบบนี้บนซากศพของทหารของประชาชน บนความวอดวายของตึก บนขี้เถ้าที่เกิดจากไฟ เหมือนกับที่เขาขึ้นมามีอำนาจบนศพของวีรชนที่ตายในวันที่ 7 ตุลาคม

นายสนธิ กล่าวว่า ตามคำพูดนายเจิมศักดิ์ที่บอกว่านายกฯทำอะไรก็ลำบาก เพราะจำเป็นต้องพึ่งรัฐบาล เลยทำให้ต้องหลับตาข้างหนึ่ง ปล่อยให้มีการทุจริตรถไฟใต้ดิน การกักตุนน้ำมันปาล์ม ถึงวันนี้ก็ยังก็หาคนผิดไม่ได้ จะหาได้อย่างไรเพราะคนทุจริตเป็นหัวคะแนนประชาธิปัตย์ในภาคใต้ ทุจริตสนามบินหนองงูเห่า ทุจริตถนนไร้ฝุ่น การทุจริตสมาร์ทการ์ด เห็นแก่พลังงานในอ่าวไทย จนยอมขายชาติยกแผ่นดินไทยให้เขมร

การช่วยประกันตัวเสื้อแดงหัวรุนแรง หวังสร้างภาพลักษณ์การปรองดอง รวมทั้งพยายามเปิดโอกาส ใช้คำว่าปรองดองสมานฉันท์ แต่เมื่อพวกนั้นออกมาก็ยังก่อปัญหาให้อีกเหมือนเดิม การห้อยโหนเจ้า เพื่อให้เห็นว่าปกป้องสถาบันกษัตริย์ แต่ย้อนกลับไปแล้วจะเห็นว่าประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่เมื่ออยู่แล้ว ทำลายสถาบันกษัตริย์มากสุด ตอนเป็นฝ่ายค้านนายอภิสิทธ์ รับรู้ว่ามีขบวนการล้มเจ้ามานานแล้ว เคยกล่าวโจมตีนายจักรภพว่า มีทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อสถาบันกษัตริย์ เคยดำเนินการให้นายสมัครจัดการให้ปรับออกจากรัฐมนตรี แต่เมื่อได้เป็นนายกฯกลับไม่ดำเนินการใดๆทั้งสิ้นในการนำตัวกลับมาลงโทษ ไม่พูดถึงอีกเลย

นอกจากนั้นแล้วยังมีบุคคลอีกมากมาย ที่หมิ่นพระบรมราชานุภาพแต่ไม่ได้รับการจัดการจากรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เช่น นายไจล์ อึ้งภากรณ์ อาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล บรรดานักวิชาการอีกหลายคนที่มีทัศนคติอันตรายต่อสถาบันกษัตริย์ยังได้ดิบได้ดีจากรัฐบาล เช่นนายชาญวิทย์ เกษตรศิริ ที่ได้รับงบ 7.1 ล้านบาท ให้ทำเอกสารสนับสนุนกัมพูชานำปราสาทพระวิหารไปขึ้นทะเบียนมรดกโลก

การปล่อยข่าวลืออันอัปมงคลเพื่อทุบราคาหุ้น เมื่อ 14 ตุลาคม 2552 มีการดำเนินคดีผู้ปล่อยข่าวลือรายเล็กไม่กี่คน แต่ไอ้โม่งผู้บงการเบื้องหลังได้ผลกำไรเป็นพันล้าน คือเครือญาติอดีตผู้นำประเทศ เครือญาตินักการเมืองฝ่ายรัฐบาลด้วย และเครือข่ายคนตุลาสายไม่เอาเจ้าทั้งหมด  ไม่มีใครโดนดำเนินคดีแม้แต่คนเดียว

พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ปราศรัยจาบจ้วงสถาบันฯบนเวทีเสื้อแดงหลายครั้ง ไม่โดนคดีแล้วยังเป็นรองประธานสภาจนถึงวันนี้ น.ส.วศ์วิภา เกษชโลม พนักงานบริษัท DHL กับนายวิทวัส ท้าวคำลือ ที่เขียนหมิ่นเบื้องสูงในเฟซบุ๊ก น.ส.ณัฐกานต์ สกุลดาราชาติ หรือก้านธูป ที่เขียนหมิ่นชัดเจน ก็ไม่ถูกดำเนินคดี

นายพันทิวา ภูมิประเทศ หรือทอม ดันดี ปราศรัยหมิ่นจนกระทั่งสังคมออนไลน์ต้องยื่นเรื่องให้ดีเอสไอ แต่ก็ยังไม่คืบหน้า นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายวิเชียร ขาวขำ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ขึ้นเวทีวันที่ 10 เมษายน กล่าวหมิ่น จนผบ.ทบ.ต้องแจ้งดำเนินคดี แต่คดีก็ยังไม่คืบหน้า

สรุปแล้วการออกมาปกป้องสถาบันเป็นหน้าที่ของพวกเราหรือผบ.ทบ. รัฐบาลไม่มีหน้าที่เลยใช่มั๊ย   ไม่มีการแสดงออกชัดเจนเลย ตามนโยบาย 9 ข้อที่พูด วันนี้ไม่พูดถึงอีกล่ะ พวกนี้โหนเจ้าตรงไหน เวลาจะโจมตีฝ่ายตรงข้ามก็เอาแผนผังมาโชว์ ว่ามีขบวนการอย่างโน้น อย่างนี้ มันก็แค่โชว์แผนผังเท่านั้นเอง จากนั้นก็ไม่ทำอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว

วันที่  17 ธันวาคม 2551 นายอภิสิทธิ์ ขึ้นเป็นนายกฯได้แถลงว่า "ผมสำนึกเสมอครับว่า ผมเกิดมาเป็นข้าของแผ่นดิน ต้องสนองคุณแผ่นดิน และผมสำนึกมาตลอดว่า แผ่นดินไทยของเรานั้น ร่มเย็นเป็นสุขตลอดมาก็ด้วยพระบารมี วันนี้ ผมยืนตรงนี้ในฐานะนายกรัฐมนตรี ผมขอยืนยันว่า รัฐบาลที่ผมเป็นผู้นำนั้นจะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และจะเทิดทูนสถาบันนี้ มิให้ผู้ใดทำให้สถาบันนี้ไม่อยู่เหนือความขัดแย้งในทางการเมือง ด้วยประการทั้งปวง" ตอแหลลงตับ ตั้งแต่นายจตุพรออกมาพูด มีสักคำหลุดจากปากนายอภิสิทธิ์ หรือไม่ว่าจะจัดการอย่างไร ตอแหลลงตับขนาดไหน  นายเจิมศักดิ์จะว่าอย่างไรเรื่องนี้

แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า จนวันนี้ยังไม่รู้ว่านายทักษิณ กับนายอภิสิทธิ์ ใครเลวกว่าใคร วิธีการจัดการพันธมิตรฯที่นายทักษิณใช้ก็ไม่ต่างกับที่นายอภิสิทธิ์ใช้เลย เพราะมันเป็นสัตว์นรกครอกเดียวกัน ไม่ต่างกันเลย นายทักษิณคือเจ้าของบริษัทพรรคไทยรักไทย นายอภิคือเจ้าของบริษัทพรรคประชาธิปัตย์

นายสนธิ ยังกล่าวต่ออีกว่า เคยหรือไม่ที่นโยบายรัฐบาลผิด แต่ส.ส. พูดกับเราว่าไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะต้องทำตามมติพรรค แย่างนี้แล้วเราจะมีพวกคุณไว้ทำไม จะเห็นว่าระบบส.ส. และพรรคการเมืองปัจจุบัน มันทำร้ายประเทศไทยถึงรากเหง้าเลย

"ระบบโหวตโนนั้นจากการทำโพลล์ ประชากรที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง 36 เปอร์เซ็นต์ 10 กว่าล้านคน  เห็นด้วยกับโหวตโน แต่จะทำอย่างไรให้ 10 กว่าล้านคน นั้นออกมาลงคะแนนเสียงแล้วโหวตโน อย่าโนโหวต ตรรกะอยู่ที่ไหนไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว เหมือนอย่างที่ตนพูดเมื่อวาน ว่าพวกมึงเดือดร้อนอะไรกันนักหนา ถ้าจะโหวตโน แค่นี้ก็ตอบไม่ได้ รักอภิสิทธิ์มากก็ไปเลือกอภิสิทธิ์สิ ทำไมต้องส่งเจิมศักดิ์ ส่งสมณะจ๊ะออกมา" นายสนธิ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น