xs
xsm
sm
md
lg

หยุดพรรคการเมือง “โหน” สถาบัน หาเสียงแบบมักง่าย!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

กลายเป็นเรื่องที่ต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักขึ้นเรื่อยๆ ต่อกรณีนักการเมืองกำลังดึงสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเครื่องมือเพื่อหวังผลในทางการเมือง หวังผลในการเลือกตั้ง หาคะแนนเสียงเฉพาะหน้า

สิ่งที่ต้องจับตากันก็คือ มีพรรคการเมืองอย่างน้อย 1-2 พรรคที่ถูกมองว่าเข้าข่ายกำลังถูกวิจารณ์ในเรื่องดังกล่าว นั่นคือ พรรคภูมิใจไทย กับ พรรคประชาธิปัตย์ เพราะสิ่งที่ดำเนินการอยู่นั้นมันมีข้อพิรุธส่อให้เห็นชัดเจนขึ้นทุกที

เริ่มจากพรรคภูมิใจไทยที่มี ชวรัตน์ ชาญวีรกูล เป็นหัวหน้าพรรค และมี เนวิน ชิดชอบ เป็นผู้สนับสนับสนุนคนสำคัญ กำลังถูกกล่าวหาว่ากระทำเรื่องไม่บังควร นั่นคือนำสถาบันมาโยงเพื่อหวังผลทางการเมือง เพราะสิ่งที่พรรคการเมืองพรรคนี้ดำเนินการนั่นคือการแจกพระบรมฉายาลักษณ์ให้แก่ชาวบ้านทั่วประเทศ แม้จะอ้างว่าทำไปเพื่อความจงรักภักดี และให้คนไทยได้ร่วมชื่นชมพระบารมีโดยทั่วกัน มันก็ดูไม่บังควรอยู่ดี เพราะไม่ว่ามองในมุมไหนในเมื่อมีการยึดโยงกับพรรคการเมืองและนักการเมืองก็ยิ่งดูไม่เหมาะไม่ควร กลายเป็นเรื่องการเมือง

ที่สำคัญยิ่งเป็นพรรคการเมือง และนักการเมืองที่ตลอดชีวิตมีแต่เรื่องอื้อฉาว มีแต่เรื่อง “ยี้” ถูกกล่าวหาในเรื่องทุจริต คิดไม่ชอบอยู่เนืองๆ มันก็ยิ่งไม่สมควรเป็นทวีคูณเข้าไปอีก ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งกลับกลายเป็นว่านี่คือการ “ทำลาย” ทางอ้อมเสียอีก

ที่ผ่านมาหากแยกพิจารณาเฉพาะบุคคลเริ่มตั้งแต่ เนวิน ชิดชอบ ที่ออกมาประกาศ “เอาชีวิตปกป้องสถาบัน” หรือกล่าวทำนองว่า “ถ้าใครทำลายสถาบันต้องข้ามศพไปก่อน” ซึ่งใครได้ฟังตอนนั้นเชื่อว่าหลายคนคงรู้สึก “กระอักกระอ่วน” เพราะยังเชื่อว่ามี “วาระซ่อนเร้น” แอบแฝงอยู่ภายใน

เพราะหากย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่เขายังไม่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ยังรับใช้ใกล้ชิด ทักษิณ ชินวัตร ที่ถือว่าเป็น “หัวหน้าขบวนการล้มเจ้า” ตัวจริง ก็มีคนชื่อ เนวิน ชิดชอบ นี่แหละยืนอยู่ข้างกาย มีการ “เดินเกม” ที่แยบยลเพื่อตอบโต้และทำลายฝ่ายตรงข้ามมาตลอด

หากยังจำกันได้ นักการเมืองที่ชื่อ เนวิน คนนี้แหละที่เคยเดินประกบที่ “ขาช้าง” ขณะที่ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งขณะนั้นยังเป็น “นายใหญ่” ของเขานั่งอยู่ “บนหลังช้าง” ทำให้หลายคนมองว่านี่คือลักษณะ “จตุรงคบาท” เพื่อ “แก้เคล็ด” หรือ “ข่ม” อะไรบางอย่างในพิธีกรรมทางไสยศาสตร์

แต่แล้วจู่ๆ ด้วยสถานการณ์เปลี่ยน หรือผลประโยชน์เปลี่ยนทำให้เขาต้องเผ่นออกมายืนอยู่ในมุมตรงกันข้าม แล้วประกาศตัวเป็น “ผู้ปกป้องสถาบัน” อย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้ชาวบ้านไม่น้อยที่ได้ยินคำพูดในลักษณะดังกล่าวแทบสำลักข้าวปลาอาหารที่กลืนกินลงท้องออกมา เพราะหลายคนเชื่อว่านั่นคือ “การแสดง” อย่างหนึ่งเพื่อหวังผลทางการเมืองเท่านั้น

ส่วนกรณีที่มีการพิมพ์พระบรมฉายาลักษณ์ออกแจกจ่ายชาวบ้านทั่วประเทศ โดยอ้างว่าทำโดยบริสุทธิ์ใจ ไม่หวังผลทางการเมือง ลองถามสักคำว่าจะมีใครเชื่ออย่างนั้นหรือไม่ เพราะถ้าให้พูดกันอย่างตรงไปตรงว่านี่คือวิธีการ “หาเสียง” ที่มักง่ายด้วยซ้ำไป เป็นการดึงสถาบันมาโยงกับการเมืองอย่างไม่บังควร และต้องหยุดพฤติกรรมดังกล่าวในทันที

สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ โดยหัวหน้าพรรคคือ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทั้งในฐานะนายกรัฐมนตรี รวมไปถึงคนอื่นๆ โดยเฉพาะเลขาธิการพรรค หรือรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่เพิ่งออกมาแสดงความขึงขังกับพวก “หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” หลังจากได้ยินคำพูดอัน “โอหังบังอาจ” ของ “ไอ้ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ บนเวทีคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา คำถามก็คือว่าทำไมถึงปล่อยให้คนพวกนี้เหิมเกริมมาได้นานถึงขนาดนี้ ทำไมถึงปล่อยให้บรรดาเครือข่าย ทักษิณ ที่มีทั้งพวก “หัวโจก” เสื้อแดง สื่อที่มาในหลายรูปแบบโดยเฉพาะเว็บไซต์หมิ่นพระบรมเดชานุภาพยังมีอยู่กลาดเกลื่อน ทำไมถึงได้จงใจเน้นย้ำในลักษณะ “ลากยาว-เลี้ยงไข้” เอาในช่วงใกล้จะเลือกตั้งแบบนี้

ลักษณะที่เกิดขึ้นจึงช่วยไม่ได้ที่จะถูกมองว่ามีเจตนาซ่อนเร้น หวังผลทางการเมืองเหมือนกัน มีเป้าหมายเพื่อทำลายคู่แข่งเท่านั้น เพราะที่ผ่านมาก็เป็นที่ประจักษ์มาตลอดแล้วว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่เคยเข้มงวดหรือดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดกับบุคคล คณะบุคคลรวมไปถึงพรรคการเมืองที่มีเจตนาทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์มาตลอด ทั้งที่มีพฤติกรรมให้เห็นกันอยู่ตำตาอยู่แล้ว

ดังนั้น ถ้ามองในมุมกลับกันหากคนในรัฐบาลไม่เอาไหน มันก็เหมือนเป็น “แนวร่วมมุมกลับ” ในการทำลายความมั่นคง และทำลายสถาบันนั่นเอง!!


กำลังโหลดความคิดเห็น