ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ครบรอบหนึ่งปีวันฝันร้ายของปวงชนชาวไทยกับเหตุการณ์“19 พฤษภาคม 53” ที่กลุ่มนปช.เผาบ้านเผาเมือง ปีนี้หากไม่ตรงกับช่วงการเลือกตั้ง รับรองได้เลยว่าวันครบรอบหนึ่งปีเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองต้องมีการปลุกเร้า รวมพลังคนเสื้อแดงออกมาย้อนรำลึกกันอย่างฮึกเหิม ดุเดือด และเข้มข้นเป็นแน่
แต่อุณหภูมิการชุมนุมคนเสื้อแดงในวันที่19 พ.ค.54 ผ่านไปแบบไม่มีแรงปลุกเร้าเรียกระดมพลกันออกมาสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายให้สังคมเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา กับการชุมนุมแดงประจำเดือน เพราะทุกฝ่ายเดินหน้าเข้าสนามเลือกตั้ง 3 ก.ค.
แกนนำคนเสื้อแดงก็กำลังจะไปเลือกตั้ง อันเป็นโอกาสที่จะจำแลงแปลงร่างกันใหม่ จากผู้ก่อการร้ายเป็นสมาชิกรัฐสภาผู้ทรงเกียรติ
ส่วนพลพรรคคนเสื้อแดง นับจากนี้ก็เป็นอีกหนึ่งพลังขับเคลื่อนสำคัญในการเลือกตั้งของทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย รวมถึง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ลงชิงนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย
คิดแค่ง่ายๆ หากตัวเลขเสื้อแดงทั่วประเทศที่เพื่อไทย และแกนนำนปช.บอกมาตลอดว่า มีแดงแท้ แบบฮาร์ดคอร์ ซึ่งเป็นแดงแบบที่รักความเป็นเสื้อแดงไม่ใช่กลุ่มที่ชอบทักษิณ หรือพรรคเพื่อไทย อยู่ต่ำสุดก็ที่ตัวเลข 2 ล้านคน
แค่นี้เพื่อไทย ก็กอดตัวเลขส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์แล้วประมาณเกือบ 10 ที่นั่ง ซึ่งในความเป็นจริงทางการเมืองแล้ว หลายคนก็เชื่อว่า มีคนเสื้อแดงมากกว่า 2 ล้านคน โดยคนพวกนี้จะเดินเข้าคูหากาเพื่อไทยให้อย่างซื่อสัตย์ แบบไม่ต้องรอฟังนโยบายพรรค หรือฟังดีเบต-การแสดงวิสัยทัศน์ ของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ก้มหน้าก้มตาเลือกเพื่อไทยแบบเหมือนมีมนต์สะกด ไม่สนใจว่ายิ่งลักษณ์ จะเป็นนอมินีหรือนายกประเทศไทยที่เป็นหุ่นเชิดให้นักโทษชาย ทักษิณ ชินวัตร
เท่านั้นไม่พอ คนเสื้อแดงเหล่านี้ยังพร้อมจะเป็นทาสการเมืองผู้ซื่อสัตย์ให้กับเพื่อไทยและทักษิณด้วยการอาสาเป็นหัวคะแนนจัดตั้งให้กับผู้สมัคร ส.ส.ระบบเขตทั่วประเทศ และหาคะแนนเสียงให้พรรคเพื่อไทยในระบบบัญชีรายชื่อ เพราะต้องการเพียงแค่เห็นเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งแล้วเอาทักษิณกลับบ้านโดยไม่ต้องรับโทษความผิด
ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทยกับเสื้อแดง เป็นหน่อเนื้อเดียวกันทางการเมือง บนเป้าหมายคือ หวังสถาปนาระบอบเสื้อแดงหลังการเลือกตั้ง หากเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล
โดยการเลือกตั้งรอบนี้ จะเห็นได้ว่า ทักษิณ-เพื่อไทย ให้ “ราคา” กับแกนนำนปช.อย่างมาก เห็นได้จากการให้แกนนำเสื้อแดงจำนวนมาก ที่มีบทบาทในการปลุกระดมประชาชนให้ออกมาก่อเหตุวุ่นวายทั่วประเทศเมื่อช่วง พ.ค. 53 จนถูกทางการตั้งข้อหาผู้ก่อการร้าย และมีพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบันฯ มาโดยตลอด
ที่แสบกว่านั้น เพื่อไทย ต้องการท้าทาย และเย้ยกระบวนการยุติธรรม ด้วยการเอาคนที่ติดคุกอยู่อย่าง จตุพร พรหมพันธ์ ให้อยู่ในปาร์ตี้ลิสต์ ของพรรคเพื่อไทยในอันดับ 8
ส่วนแกนนำคนอื่นๆ อย่าง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ก็อันดับ 9 -นพ.เหวง โตจิราการ อันดับ 19 ไม่เสียแรงติดคุกเสียหลายเดือน รอบนี้ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรแน่นอน กับอันดับนี้
ก่อแก้ว พิกุลทอง อดีตผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร ได้อันดับที่ 54 เยาวนิตย์ เพียงเกษ เมียอดิศร เพียงเกษ ที่ติดโทษแบนการเมืองได้อันดับ 47 ชินวัฒน์ หาบุญพาด ได้อันดับ 72 ชนะศักดิ์ อัตถาวงศ์ น้องชายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ได้เบอร์ 77 เพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำนปช. เชียงใหม่ได้อันดับ 86 สุนัย จุลพงษธร อดีตส.ส.สัดส่วน ที่แดงทั้งตัว ได้อันดับ 26 น้องเดียร์ ขัตติยา สวัสดิผล ได้อันดับ 46 รายนี้จ่อได้เป็นส.ส.ค่อนข้างแน่นอน
ส่วนโฆษกเสื้อแดง วิภูแถลง พัฒนภูมิไท ได้อันดับ 46 ส่วนอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ส่งเมียรัก รพีพรรณ พงษ์เรืองรอง จ่อนั่งเป็นส.ส.แน่นอน กับอันดับที่ 27 ส่วนพายัพ ปั้นเกตุ ที่ก่อวีรกรรมพาคนเสื้อแดงบุกโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ช่วงชุมนุมเสื้อแดงที่ราชประสงค์ ก็ได้อันดับ 48
และยังมีพวกทีมงานเสื้อแดงอีกหลายคนที่มีชื่อติดรอบนี้อาทิ จารุพรรณ กุลดิลก บุตรสาวพล.ต.ท.ชัชจ์ กุลดิลก ที่เป็นฝ่ายต่างประเทศให้กับคนเสื้อแดง โดยเฉพาะการติดต่อกับสื่อต่างประเทศ ก็ได้อันดับที่ 56 ขณะที่พล.ต.ท.ชัชจ์ รอบนี้มีสิทธิได้เป็นส.ส.ค่อนข้างแน่นอน เพราะได้อันดับ 11 และเชิดชัย ตันติศิรินทร์ ประธานนปช.ภาคอีสาน ก็ได้อันดับที่ 50
รวมเบ็ดเสร็จแล้วเครือข่ายคนเสื้อแดงมีชื่ออยู่ในบัญชีผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์เพื่อไทยประมาณ 17 คน
แน่นอนเป้าหมายของพวกนี้ ไม่ได้หวังแค่จะเข้ามาเป็นส.ส.ธรรมดา แน่นอน แต่หวังไว้ไกลกว่านั้น
“ทีมข่าวการเมืองASTVผู้จัดการ”ขอบอกว่า เป็นไปไม่ได้หรอกที่หากเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แล้วหัวหอก นปช.อย่าง จตุพร พรหมพันธุ์ หรือ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หรือแม้แต่ เหวง โตจิราการ ที่สู้เพื่อทักษิณ แต่ปากอ้างสู้เพื่อความเสมอภาคในสังคมจนติดคุกกินข้าวแดงหลายเดือน พอพรรคเพื่อไทยได้อำนาจแล้ว ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ จะไม่ตกรางวัลให้
ตำแหน่งทางการเมืองที่มากกว่าการเป็นส.ส.ผู้ทรงเกียรติ คือสิ่งที่คนพวกนี้ต้องการอยู่แล้ว ฟันธงลงไปแบบนี้แกนนำทั้งหลายคงจะไม่เถียง เพราะมันเป็นเรื่องจริง
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ย่อมต้องการเติมประวัติส่วนตัวให้มากกว่าแค่การเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เก้าอี้รัฐมนตรีคือสิ่งที่แกนนำนปช.คนนี้ก็ต้องการแน่นอนหากยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรี
จตุพร พรหมพันธุ์ มีหรือจะอยากเป็นแค่ ส.ส.ธรรมดา ซึ่งก็แค่ทำให้ชื่อของตัวเอง คือ จตุพร ส.ส.สองสมัย มันย่อมน้อยเกินไปสำหรับจตุพร ที่คงคิดตอนอยู่ในคุกตลอดเวลาว่า เมื่อสูญเสียอิสรภาพมากขนาดนี้แล้วเพื่อทักษิณและพรรคเพื่อไทย เมื่อถึงเวลาก็ต้องได้รับสิ่งตอบแทนมากกว่าการเป็นแค่ส.ส.
ขณะที่แกนนำนปช.คนอื่นๆ ที่ลงสมัครทั้งระบบเขต และปาร์ตี้ลิสต์ หรือแม้แต่ส่งเครือญาติตัวเองลงแทน ก็ย่อมหวังจะได้รับการปูนบำเน็จจากทักษิณ และพรรคเพื่อไทย หลังเลือกตั้งแบบเดียวกับณัฐวุฒิ-จตุพร แน่นอน เพียงแต่ภารกิจสำคัญตอนนี้ที่ต้องทำก่อนก็คือ ต้องช่วยให้พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง แล้วสิ่งที่หวังจะได้ตอบแทนจาก ทักษิณ-เพื่อไทย ค่อยมาคุยกันหลังจากนั้น
ด้วยเหตุนี้ พรรคเพื่อไทย กับแกนนำเสื้อแดง จึงอยู่ในสภาพน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า -ผีเน่ากับโลงผุ
แต่ที่จะซวยก็คือ อนาคตของประเทศไทย หากรู้ไม่เท่าทันยุทธศาสตร์ของทักษิณ และเสื้อแดงในการเลือกตั้งรอบนี้
เราไม่ได้ปรามาส หรือดูถูกความคิดของคนเสื้อแดงหรือคนไทย หากจะลงคะแนนเลือกพรรคเพื่อไทย หรือหวังจะเห็นยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะหากว่าทุกคะแนนที่ลงให้เพื่อไทยจนชนะการเลือกตั้ง โดยเฉพาะหากเป็นชัยชนะแบบท่วมท้น ก็ถือว่านี้คือ ลิขิตประเทศไทยที่ประชาชนตัดสินออกมาแล้ว ทุกคนก็ต้องยอมรับ
“ทีมข่าวการเมือง” ก็ยอมรับทุกเสียงของประชาชน เพียงแต่เราอยากให้ประชาชนได้ใช้วิจารณญาณก่อนการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งว่า เพราะเหตุใดจึงต้องเลือกผู้สมัครคนนี้ เลือกพรรคการเมืองพรรคนี้ ราเลือกด้วยอารมณ์ หรือเลือกด้วยเหตุผล เลือกเพราะชอบนโยบาย หรือเลือกเพราะการถูกชักจูงจากคนที่บิดเบือนข้อมูล ถ้าทำการบ้านมาอย่างดีก่อนตัดสินใจเลือก ผลที่ออกมา ทุกคนก็ต้องยอมรับ