ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ไม่น่าเชื่อว่า พรรคการเมืองที่มีส่วนร่วมกับการเผาบ้านเผาเมืองสร้างความเสียหายอย่างมโหฬารให้กับประเทศชาติถึง 2 ปีซ้อน อย่างพรรคเพื่อไทย เมื่อมีการสำรวจคะแนนนิยมจากประชาชนกลับปรากฏว่า พรรคนี้มีคะแนนนิยมเหนือกว่าพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นแกนนำรัฐบาลและมีการโอกาสสร้างผลงานบริหารประเทศมาตลอด 2 ปีกว่าเสียอีก
เป็นปัญหาที่คนในพรรคประชาธิปัตย์ต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่าเหตุใดจึงไม่สามารถใช้เวลาช่วง 2 ปีกว่าที่อยู่ในอำนาจรัฐ ควบคุมกลไกทุกอย่างอยู่ในมือ ในการสร้างผลงานให้ประชาชนชื่นชมศรัทธามากขึ้นกว่าเดิมได้ เหตุใดความนิยมจึงแพ้พรรคเพื่อไทย ซึ่งไม่มีผลงานอะไรเลย นอกจากทำทุกอย่างเพื่อให้เจ้าของพรรคตัวจริงคือ ทักษิณ ชินวัตร ได้กลับประเทศโดยปราศจากความผิดและได้ทรัพย์สินที่ถูกศาลสั่งยึดกลับคืน
การกระทำของพรรคเพื่อไทยเพื่อให้ทักษิณ ชินวัตรได้กลับมานั้น หลายๆ อย่าง เห็นได้ชัดเจนว่าผิดกฎหมายและสร้างความเสียหายให้กับบ้านเมืองรวมทั้งสั่นคลอนต่อความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ก็ยังมีประชาชนจำนวนหนึ่ง พอใจที่จะเลือกพรรคเพื่อไทย มากกว่าที่จะเลือกพรรคประชาธิปัตย์
ความไร้ประสิทธิภาพของพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้พรรคเพื่อไทยเหิมเกริมยิ่งขึ้น เห็นได้จากการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วประเทศในวันที่ 3 กรกฎาคม ที่จะถึงนี้ พรรคเพื่อไทยไม่อายเลยที่จะเอาแกนนำคนเสื้อแดงที่ก่อวีรกรรมในทางชั่วร้ายจากการเผาบ้านเผาเมือง 2 ปีซ้อนมานำเสนอให้ประชาชนเลือก
เมื่อดูจากรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรค หรือปาร์ตี้ลิสต์ จำนวน 125 คน ที่พรรคเพื่อไทยได้ยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา จะพบว่า แกนนำคนเสื้อแดง ปรากฏชื่ออยู่ในปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคเพื่อไทยแทบทุกคน ทั้งที่หลายคนถูกดำเนินคดีข้อหาก่อการร้ายซึ่งมีโทษหนักถึงขั้นประหารชีวิต ซึ่งบางคนแม้จะลงสมัครไม่ได้ด้วยตนเอง ก็ส่งคนใกล้ชิดลงสมัครเป็นนอมินี
เริ่มตั้งแต่หัวโจกเสื้อแดงเบอร์หนึ่งตัวจริงอย่างทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนตบหน้า กกต.อย่างจังว่า เขาได้ส่งน้องสาวคือนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็น “โคลนนิ่ง” มานำพรรคเพื่อไทยลงสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ ด้วยการลงสมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์หมายเลข 1
นั่นเท่ากับว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นยิ่งกว่าหุ่นเชิดหรือนอมินีของทักษิณ ชินวัตร เสียอีก เพราะความหมายของการโคลนนิ่งนั้นเสมือนกับเป็นตัวตนของคนที่เป็นต้นแบบจริงๆ
แต่สถานภาพที่แท้จริงของทักษิณ ชินวัตร ขณะนี้ยังคงอยู่ในช่วงที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี อันเป็นผลเนื่องมาจากคดียุบพรคไทยรักไทย ซึ่งมีข้อห้ามไม่ให้ลงเลือกตั้ง ไม่ให้ใช้สิทธิเลือกตั้ง ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับการตั้งพรรคการเมือง ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับการบริหารพรรคการเมือง
ขณะเดียวกัน ในทางคดีอาญา ทักษิณ ชินวัตร คือนักโทษหนีคดีการซื้อขายที่ดินรัชดาฯ ที่ศาลมีคำสั่งลงโทษจำคุกเป็นเวลา 2 ปี นอกจากนี้ยังเป็นจำเลยคดีทุจริตระหว่างการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่รอเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอีกนับสิบคดี รวมทั้งมีหมายจับข้อหายุยงปลุกปั่นและก่อการร้ายในช่วงเสื้อแดงเผาเมืองปี 2552 และ 2553 ติดตัวอีกด้วย
แต่ทักษิณ ชินวัตร สามารถส่งน้องสาวมาดำเนินงานทางการเมือง โดยกล้าพูดอย่างเต็มปากว่า เป็นโคลนนิ่งของตัวเอง โดยที่ กกต.ได้แต่นั่งทำตาปริบๆ ขณะที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายก็ทำเฉยชา ไม่เร่งสืบหาติดตามนำตัวทักษิณ ชินวัตร มารับโทษอาญาตามกฎหมาย
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์หมายเลข 1 ของพรรคเพื่อไทยนั้น แม้จะเป็นที่รู้จักในฐานะผู้บริหารสูงสุดของบริษัท เอสซี แอสเสท ก็ตาม แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เคยมีบทบาททางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น ยิ่งลักษณ์เคยไปขึ้นเวทีและไปให้กำลังใจคนเสื้อแดงระหว่างการชุมนุมหลายครั้ง
ขณะเดียวกัน ยิ่งลักษณ์เป็นหนึ่งใน 86 รายชื่อ ผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็น “ท่อน้ำเลี้ยง” ให้กับคนเสื้อแดง จากการตรวจสอบโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษพบว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 28 เมษายน 2552 ถึงพฤษภาคม 2553 พบว่ามีเงินไหลเวียนในบัญชีของยิ่งลักษณ์ประมาณ 317 ล้านบาท ฝากประมาณ 150 ล้านบาท ถอนประมาณ 166 ล้านบาท โดยเฉพาะวันที่ 28 เมษายน 2553 มีการถอนเงินประมาณ 140 ล้านบาท
นอกจากนี้ การเผยแพร่คลิปตัดต่อเสียงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็เกิดขึ้นในบริษัทเอสซี แอสเสท นั่นเอง จึงกล่าวได้ว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ก็คือแกนนำคนเสื้อแดงคนหนึ่ง
ส่วนแกนนำคนเสื้อแดงคนอื่นๆ ที่มีบทบาทสำคัญในการยุยงปลุกปั่นให้เกิดการเผาบ้านเผาเมืองในปี 2552 และ 2553 นั้น ล้วนแต่เข้ามาอยู่ในบัญชีรายชื่อระดับต้นๆ ซึ่งการันตีว่าจะได้รับเลือกตั้งค่อนข้างแน่นอนเกือบทั้งสิ้น แม้ว่าคนเหล่านี้จะมีข้อหาก่อการร้ายติดตัวก็ตาม
ไล่ไปตั้งแต่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำระดับหัวโจกที่พา “ม็อบไข่แม้ว” ไปก่อกวนที่หน้าบ้าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เมื่อปี 2550 และมีบทบาทสำคัญในการชุมนุมในปี 2552 และ 2553 ซึ่งลงท้ายด้วยการเผาเมืองทั้ง 2 ปี ก็ยังอยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับที่ 8
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่เป็นแกนนำคนเสื้อแดงคู่กับนายจตุพรมาตั้งแต่ต้น และมีบทบาทโดดเด่นยิ่งขึ้นในการชุมนุมปี 2553 ด้วยการปลุกระดมให้คนเสื้อแดงตกใจแล้ววิ่งเข้าไปชนของแพงในห้าง และยุยงให้เผาถ้ามีการยึดอำนาจ โดยอ้างว่าเขาจะรับผิดชอบเอง ก็ยังอยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับที่ 9
เช่นเดียวกับ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่นำการล่มสลายของราชวงศ์โรมานอฟในรัสเซีย มาเสียดสีรัฐบาลอย่างหมิ่นเหม่ ก็ยังมีรายชื่ออยู่ในลำดับที่ 14
ขณะที่แกนนำเสื้อแดงคนอื่นๆ ก็ยังอยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับที่ปลอดภัยชนิดที่นักการเมืองอาชีพในพรรคเพื่อไทยต้องอิจฉา เช่น นายเหวง โตจิราการ ลำดับที่ 19 นางรพิพรรณ พงศ์เรืองรอง ภรรยาของนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำคนเสื้อแดงที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดีก่อการร้ายและคดีหมิ่นเบื้องสูง ก็อยู่ในลำดับที่ 27
น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ลูกสาวของ “เสธ.แดง” อยู่ในลำดับที่ 42 นางเยาวนิตย์ เพียงเกษ ภรรยาของนายอดิศร เพียงเกษ อยู่ในลำดับที่ 47 รศ.เชิดชัย ตันติรินทร์ แกนนำเสื้อแดงจังหวัดขอนแก่น อยู่ลำดับที่ 50 นายก่อแก้ว พิกุลทอง ลำดับที่ 54
นายชินวัฒน์ หาบุญพาด แกนนำเสื้อแดงสายคนขับแท็กซี่ อยู่ในลำดับที่ 72 แม้กระทั่งนายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล แกนนำคนเสื้อแดงเชียงใหม่ ที่มีพฤติกรรมชอบใช้ความรุนแรงอย่างโจ่งแจ้ง ก็ยังมีชื่ออยู่ในลำดับที่ 86 จาก 125 คนที่พรรคส่งลงสมัครเต็มโควต้า
การที่พรรคเพื่อไทยหาญกล้าส่งแกนนำเสื้อคนเสื้อแดงลงเลือกตั้งเต็มปาร์ตี้ลิสต์ ยิ่งตอกย้ำว่า พรรคการเมืองพรรคนี้ เชื่อมั่นว่าการเผาเมืองรับสงกรานต์ 2 ปีซ้อนนั้นไม่ได้ส่งผลสะเทือนในทางลบต่อคะแนนนิยมของพรรคเลย ตรงกันข้ามกลับเอาไปโฆษณาชวนเชื่อว่า นี่เป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยต่างหาก ซึ่งก็มีประชาชนจำนวนมากในต่างจังหวัดที่หลงเชื่อ ซึ่งก็เป็นเพราะความล้มเหลวของรัฐบาลประชาธิปัตย์ในการใช้สื่อให้ข้อมูลเพื่อสร้างความเข้าใจลงไปถึงประชาชนในระดับรากหญ้านั่นเอง