xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

"จตุพร"ตายเพราะปาก 33 วันเส้นทาง“คางคก” สู่คุก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - แม้ก่อนหน้านี้ อธิบดีดีเอสไอ "ธาริต เพ็งดิษฐ์" จะเพียรพยายาม ยื่นคำร้องขอถอนประกัน "จตุพร พรหมพันธุ์" แกนนำ นปช.และ ส.ส.เพื่อไทย จำเลยขาใหญ่ในคดีก่อการร้ายมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่เคยใกล้เคียงกับความสำเร็จ ทำเอา "กองเชียร์-กองแช่ง" ที่อยากเห็น“ตู่" จตุพร เข้าไปนอนในคุกเริ่มถอดใจ มิหนำซ้ำเหล่าแกนนำ นปช.ต่างทยอยได้รับการประกันตัวออกมาจนเกลี้ยงคุก ทำเอาอธิบดี ธาริต เจ้าของสำนวนคดีก่อการร้ายถึงกับเงียบหายไปพักใหญ่

แต่เมื่อ "จตุพร" และมวลหมู่แกนนำแดง เริ่มย่ามใจว่าไม่มีใครทำอะไรพวกเขาได้ จนกลายเป็นความประมาท บังอาจพูดจาปราศรัยไม่เหมาะสม บนเวที นปช.ที่จัดรำลึกถึงเหตุนองเลือดปะทะเดือดที่"สมรภูมิสี่แยกคอกวัว"เมื่อวันที่ 10 เมษายน 54 งานนี้คนไทยที่จงรักภักดี หากได้ฟังคำปราศรัยของ จตุพร คงต้องสะอึก เมื่อเขาได้ฟังคำปราศรัยในประเด็นการใช้กำลังทหารปราบปรามคนเสื้อแดง

ขณะที่ พวกพ้องของจตุพร ก็ดาหน้าออกมาจาบจ้วงสถาบันศาลว่าเป็นเครื่องมือพิเศษของรัฐบาลในการทำลายล้าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร "นายใหญ่สุดที่รัก" ซึ่ง หลายถ้อยคำ ฟังแล้วหมิ่นเหม่ และอาจเข้าข่ายผิดเงื่อนไขประกันตัวของศาล เพราะเป็นการยุยงปลุกปั่น ปลุกระดมให้ประชาชนเกลียดชังรัฐบาล และกระบวนการยุติธรรม

เมื่อฝ่ายเสื้อแดงพลาด คนที่เฝ้ารอโอกาสก็ต้องฉกฉวย 12 เมษายน หลัง 9 แกนนำแดง ขึ้นปราศรัยบนเวที นปช.เพียงสองวัน อธิบดีดีเอสไอ เจ้าของสำนวนคดีก่อการร้าย ก็สั่งการให้ถอดเทปคำปราศรัยของ "จตุพรกับพวก" เพื่อยื่นเป็นหลักฐานในการขอถอนประกันทันที

อีกคนที่เหลืออดกับพฤติการณ์จาบจ้วงสถาบัน ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ของ แกนนำ นปช. อย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ก็กระโดดเข้าเป็นแนวร่วม ส่งนายทหารพระธรรมนูญกองทัพบก นำเอกสารหลักฐานและซีดีบันทึกภาพเข้าแจ้งความร้องทุกข์ กับ พ.ต.อ.จิรภัทร โพธิ์ชนะพันธุ์ ผกก.สน.สำราญราษฏร์ ให้ดำเนินคดีกับ จตุพร พรหมพันธุ์ ,วิเชียร ขาวขำ ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย และ "แรมโบ้อีสาน"นายสุพร อัตถาวงศ์ แกนนำ นปช.ในความผิดฐาน ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จ ราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดย รอง ผบช.น. “อำนวย นิ่มมะโน” ก็ออกมาประสานเสียงขานรับ ว่าคำปราศรัยของ จตุพร หมิ่นเหม่กระทบสถาบันเบื้องสูง จึงเตรียมรวบรวมหลักฐานส่งให้ดีเอสไอดำเนินการฐานหมิ่นเบื้องสูง

“สำหรับสถานบันพระมหากษัตริย์เป็นที่เคารพสักการะของคนไทย ไม่ควรมีใครละเมิดหรือล่วงเกิน เรื่องนี้ต้องถามว่าเป็นคนไทยหรือไม่ เกิดในแผ่นดินไทยหรือไม่ที่คิดเช่นนี้ ผมไม่ได้หมายถึงนายจตุพร แต่พูดถึงทั่วๆ ไป และเคยบอกไว้แล้วว่าหากมีคดีเช่นนี้จะดำเนินการอย่างเด็ดขาดภายในเวลาไม่ เกิน 3 วัน” รอง ผบช.น.กล่าวเสียงหนักแน่น

17 เมษายน"จตุพร"กับก๊วนเสื้อแดง ได้แก้เกมด้วยการยกขบวนขึ้น สน.สำราญราษฎร์ แจ้งความกลับให้ดำเนินคดีกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในข้อหาหมิ่นประมาท ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และแจ้งความเท็จ กรณีส่งนายทหารพระธรรมนูญแจ้งความดำเนินคดีกับพวกตัวเอง ข้อหาหมิ่นสถาบัน ซึ่งวันนั้น มี พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. ร่วมรับแจ้งความด้วย

18 เมษายน หลังหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์ อธิบดีดีเอสไอ ส่งมือขวาสามัคคี “พ.ต.ท.ถวัล มั่งคั่ง” เข้ายื่นคำร้องต่อ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 “รุจ เขื่อนสุวรรณ” เพื่อขอให้ดำเนินการถอนประกัน 9 แกนนำ นปช. ประกอบด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายนิสิต สินธุไพร นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท และนายขวัญชัย ไพรพนา จำเลยคดีร่วมกันก่อการร้าย ที่ศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยตีวงเงินประกันคนละ 600,000 บาท

คำร้องดีเอสไอ ระบุว่าจำเลยทั้ง 9 กระทำผิดเงื่อนไขศาลที่ห้ามไม่ให้จำเลย กระทำการอันเป็นการยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน อันที่จะทำให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักรหรือให้ประชาชนล่วงละเมิด กฎหมายแผ่นดิน โดยขึ้นปราศรัยบนเวทีการชุมนุมของกลุ่ม นปช.วันที่ 10 เมษายน อันเป็นการกระทำผิดตาม ป.อาญา มาตรา 112 ฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และมาตรา 116 ฐานทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ก่อความไม่สงบในประเทศ

ขณะที่ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 บอกต้องใช้เวลาในการพิจารณา หากปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยทั้ง 9 กระทำผิดต่อกฎหมาย และเงื่อนไขที่ศาลวางข้อกำหนดไว้ พนักงานอัยการจะพิจารณายื่นคำร้องถอนประกันต่อศาลทันที แต่หากพบว่าไม่เข้าเงื่อนไข ถือว่าเป็นการใช้สิทธิไปตามรัฐธรรมนูญ คงไม่ยื่นคำร้องแต่อย่างใด และหากจำเลยยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการ ยินดีจะพิจารณาให้ความเป็นธรรมเช่นกัน

21 เมษายน หลังพิจารณาสำนวนหลักฐานของดีเอสไอ เพียง 3 วัน “ธนพิชญ์ มูลพฤกษ์” อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ออกมาเผยว่าหลังตรวจดูเอกสารบันทึกถ้อยคำจากการถอดเทปคำปราศรัยของจำเลยเกือบครบทุกคนแล้ว เบื้องต้นพบว่าบางคนไม่เข้าองค์ประกอบความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง แต่บางคนก็ฟังแล้วค่อนข้างชัดเจน ซึ่งอาจต้องพิจารณาขอถอนประกันจำเลยบางคน และเชื่อหากถอนประกันจำเลยก็จะไม่ส่งผลกระทบกับคดีหลักเพราะเป็นคนละส่วนกัน

แต่หลังจากนั้นไม่กี่วัน 25 เมษายน “อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ” คนเดิมกลับออกมาบอกว่า การพิจารณาพยานหลักฐานของอัยการยังไม่ได้ข้อยุติ จึงยังตอบไม่ได้ว่าจะยื่นคำร้องขอถอนประกันตัวพวกจำเลยทั้งหมด หรือจำเลยเพียงบางส่วนหรือไม่

อย่างไรก็ดี “จุลสิงห์ วสันตสิงห์” อัยการสูงสุด ให้ความสำคัญคดีนี้ จึงเรียกผู้บริหารอัยการฝ่ายคดีเศษ และอัยการเจ้าของสำนวนเข้าสอบถาม แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะยื่นถอนประกันพวกจำเลยทั้ง 9 คน หรือยื่นคำร้องถอนประกันแค่เพียงจำเลยบางส่วนที่ขึ้นปราศรัยบนเวที นปช. และมีการพูดพาดพิงหมิ่นเบื้องสูง เพราะจำเลยบางคนก็เพียงเข้าร่วมชุมนุมและสนับสนุนจำเลยที่ขึ้นพูดปราศรัย เท่านั้น และยังต้องพิจารณาต่อไปว่าการพูดพาดพิงหมิ่นเบื้องสูงนั้นเป็นการผิด เงื่อนไขประกันตัวในคดีก่อการร้ายหรือไม่ หรือจะต้องแยกไปเนินคดีในความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูงอีกหนึ่งสำนวน

26 เมษายน อธิบดีธาริต ออกมาให้สัมภาษณ์แสดงความมั่นใจอีกครั้งว่า ได้เวลาที่ 9 แกนนำ นปช.ต้องกลับเข้านอนในคุก พร้อมออกหมายเรียกแกนนำแดงอีก 18 คนให้มารับทราบข้อกล่าวหาในคดีหมิ่นเบื้องสูง จากการขึ้นปราศรัยบนเวทีชุมนุมเสื้อแดง 10 เมษายน

แต่เรื่องไม่ง่ายอย่างที่คิด 27 เมษายน “รุจ เขื่อนสุวรรณ” อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 ออกคำสั่งให้ดีเอสไอกลับไปถอดเทปคำปราศรัยของจตุพรกับพวกใหม่ทั้งหมด เพราะยังมีคำพูดตกหล่นบางตอน ซึ่งเป็นสาระสำคัญ ทำให้ประโยคข้อความไม่ต่อเนื่อง และอาจทำให้ความหมายของคำพูดเปลี่ยนไปได้ แต่ทางดีเอสไอก็ไวทายาทใช้เวลาเพียงข้ามคืน ก็ส่งเอกสารถอดเทปชุดใหม่ให้อัยการคดีพิเศษได้ในเช้าวันที่ 28 เมษายน

เมื่อสุดจะยื้อ 29 เมษายน อัยการคดีพิเศษจึงยื่นคำร้องต่อศาลอาญา แต่เลี่ยงที่จะขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการประกันตัว 9 แกนนำ นปช. เป็นการขอให้ศาลเปิดไต่สวนข้อเท็จจริงเพื่อพิจารณาเงื่อนไขปล่อยตัวชั่วคราวตามที่ได้กำหนดเงื่อนไขให้ วีระกานต์ มุสิกพงศ์ ,จตุพร พรหมพันธุ์ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เหวง โตจิราการ ก่อแก้ว พิกุลทอง ขวัญชัย ไพรพนา ยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก นิสิต สินธุไพร และวิภูแถลง พัฒนภูมิไท จำเลยที่ 1-8 และ 10 ในคดีก่อการร้าย

คำร้องของอัยการ ระบุว่าจำเลยทั้ง 9 ได้กระทำการฝ่าฝืน โดยจัดกิจกรรมให้มีการชุมนุมของกลุ่ม นปช. หรือกลุ่มคนเสื้อแดง โดยได้ปราศรัยต่อผู้ชุมนุมจำนวนมาก หลายแห่งหลายครั้ง ระหว่างวันที่ 10-11 เม.ย.54 จำเลยได้จัดชุมนุมคนเสื้อแดงที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในงานครบรอบ 1 ปี รำลึกถึงสมาชิก นปช.ที่เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 โดยมีประชาชนเข้าร่วมชุมนุมหลายหมื่นคน

โดยจำเลยทั้ง 9 กับพวก ผลัดเปลี่ยนกับผู้ร่วมชุมนุมขึ้นเวทีปราศรัย พูดโน้มน้าว ปลุกปั่น ปลุกระดม ให้ผู้ร่วมชุมนุมเกลียดชังรัฐบาล โดยให้เชื่อว่าการเข้าสลายการชุมนุมกลุ่ม นปช. เมื่อวันที่ 10-19 เม.ย.53 เป็นการปราบปรามและฆ่าประชาชนโดยรัฐบาลและคณะทหาร ทั้งนี้ มีการพาดพิงถึงกระบวนการยุติธรรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ และสถาบันเบื้องสูง โดยกล่าวหาว่าศาลรัฐธรรมนูญ และศาลฎีกา เป็นเครื่องมือทำลายล้าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคนเสื้อแดง ศาลบางศาลพึ่งไม่ได้เอนเอียงแย่กว่าศาลพระภูมิ และมี พล.อ.เปรมสนับสนุนการยึดอำนาจ โดยเฉพาะนายจตุพร พรหมพันธุ์ จำเลยที่ 2 ได้พูดปราศรัยบนเวทีกับผู้ชุมนุม กล่าวพาดพิงถึงสถาบันเบื้องสูง รวมทั้งนายนิสิต สินธุไพร จำเลยที่ 8 ได้กล่าวพาดพิงถึงสถาบันเบื้องสูงด้วย

อย่างไรก็ตาม คำปราศรัยของจำเลยทั้ง 9 เป็นการยุยงปลุกปั่น ปลุกระดมให้ประชาชนเกลียดชังรัฐบาล และกระบวนการยุติธรรม ไม่สามารถเชื่อถือได้ ทำให้เกิดกระแสต่อต้านจากประชาชนทั่วไป และจากกองทัพอย่างรุนแรง โจทก์จึงเห็นว่าจำเลยกับพวกได้กระทำการหมิ่นสถาบันเบื้องสูง โดยก่อให้เกิดความขัดแย้งของประชาชน ทั้งมิได้เป็นไปตามแนวทางสมานฉันท์ในชาติ โจทก์จึงขอให้ศาลได้มีคำสั่งให้ไต่สวนข้อเท็จจริง เพื่อประกอบการพิจารณาแก้ไข เปลี่ยนแปลง เงื่อนไขการอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว และพิจารณาสิ่งที่เกี่ยวกับการอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวของจำเลยทั้ง 9 ตามที่ศาลเห็นสมควร

4 พฤษภาคม ศาลอาญา เปิดไต่สวนคำร้องของอัยการ ขณะที่ แกนนำ นปช.ทั้ง 9 มาศาลด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม เช่นเคย โดยมีกลุ่มคนเสื้อแดง กว่า 200 คน เดินทางมาให้กำลังใจแน่นห้องพิจารณาคดี

อัยการ นำ “ อำนวย นิ่มมะโน” ขึ้นเบิกความเป็นพยานโจทก์ปากแรก ซึ่ง รอง ผบช.น.มาดเข้ม ยืนยันต่อศาลว่า จากการถอดเทปคำปราศรัยบนเวที นปช.เมื่อวันที่ 10 เมษายน พบว่า จตุพร พรหมพันธุ์ และ นิสิต สินธุไพร ปราศรัยจาบจ้วงสถาบัน โดยระหว่างการนั้น อัยการได้นำแผ่นวีซีดีที่บันทึกการปราศรัยเปิดให้ศาลฟังในห้องพิจารณาด้วย

ขณะที่ฝ่ายจตุพร แถลงต่อศาลว่าขอให้ฟังคำปราศรัยตั้งแต่ต้นจนจบไม่ใช่แค่ บางช่วงบางตอนอย่างที่อัยการเปิดและนำพยานเบิกความ โดยยืนยันว่าตัวเองและพรรคพวกมีเจตนาที่จะปกป้องสถาบัน

9 พฤษภาคม อัยการ นำ พ.ต.ท.ถวัล มั่งคั่ง ขึ้นเบิกความเป็นปากที่สอง ตอกย้ำว่าเนื้อหาคำปราศรัยของ จตุพร นิสิต และตลกเสื้อแดง “เจ๋ง ดอกจิก” เข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูง ยุยงปลุกปั่นให้กลุ่มคนเสื้อแดงเกลียดชังรัฐบาล สถาบันศาลและกระบวนการยุติธรรม อันเป็นการผิดเงื่อนไขประกันตัว ซึ่งหลังจากไต่สวนพยานสองปากศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะวินิจฉัยได้แล้ว จึงให้งดการไต่สวนพยานโจทก์ที่เหลือและให้ไต่สวนพยาน เฉพาะจำเลยที่ 2 ,7 และ 8 ที่มีพฤติการณ์เข้าข่ายถูกถอนประกัน

บ่ายวันเดียวกัน จตุพร พรหมพันธุ์ ขึ้นเบิกความเป็นพยานจำเลยปากยืนยันว่าในการปราศรัยตนได้กล่าวเตือน นายกฯอภิสิทธิ์ และท่านรองเทพเทือก ผอ.ศอฉ ไม่ให้นำทหาร 2 หน่วย คือ ทหารรักษา

พระองค์ และทหารเสือราชินี มาปราบปรามเข่นฆ่าประชาชนเหมือนวันที่ 10 เมษายน 2553 ทั้งนี้เพื่อปกป้องไม่ให้ใครนำแอบอ้างสถาบันมาทำลายฝ่ายตรงข้าม

ส่วน ตลกเสื้อแดง “เจ๋ง ดอกจิก” อ้างว่าขึ้นปราศรัยเรื่องอำนาจพิเศษของรัฐบาลจัดการกับฝ่ายตรงข้าม เช่น การใช้ทหารปฏิวัติ ใช้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน รวมทั้งการใช้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาฯ ซึ่งตนเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการ เมืองเป็นศาลการเมือง สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ รวมทั้งในการกล่าวปราศรัยตนพูดในทำนองตลกขับขัน ซึ่งไม่มีเจตนาในการยุยงปลุกปั่นประชาชนจึงไม่เข้าข่ายผิดเงื่อนไขศาล

12 พฤษภาคม 32 วัน หลังการจาบจ้วงเบื้องสูง บนเวที นปช.สี่แยกคอกวัว ศาลอาญาออกนั่งบัลลังก์ อ่านคำสั่งถอนประกัน จตุพร พรหมพันธุ์ กับ นิสิต สินธุไพร ทำเอากลุ่มแฟนคลับเสื้อแดงที่มาให้กำลังใจร่ำไห้กันระงม ส่วน “ตู่ จตุพร” ได้แต่ยิ้มแหยๆ เพราะต้องเข้าไปใช้ชีวิตอย่างไร้อิสรภาพในเรือนจำตามคำสั่งศาล งานนี้แม้ทีมทนายจะพยายามยื่นประกันซ้ำ อ้างคุณงามความดีที่จำเลยเคยเป็น ส.ส.ก็ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งศาล เมื่อถูกถอนประกันหลังยุบสภา อดีต ส.ส.ตู่ ก็หมดเอกสิทธิ์คุ้มครองต้องเดินคอตกเข้าคุกตามระเบียบ

คำสั่งศาลระบุชัดว่า กรณีของนายวีระ นายณัฐวุฒิ น.พ.เหวง นายก่อแก้ว นายขวัญชัย นายยศวริศ และนายวิภูแถลง จำเลยที่ 1, 3-7, 10 พยานหลักบานตามทางไต่สวนยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เห็นได้ว่า จำเลยดังกล่าวประพฤติผิดเงื่อนไขตามคำสั่งของศาล หรือมีพฤติการณ์การกระทำอื่นใดที่จะเป็นเหตุให้ศาลเพิกถอนสัญญาประกัน

ส่วน นายจตุพร จำเลยที่ 2 และนายนิสิต จำเลยที่ 8 ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโดยละเอียดแล้ว เห็นว่า พฤติการณ์การกระทำตลอดจนคำพูดของจำเลยที่ 2 และ ที่ 8 มีลักษณะส่อไปในทางที่อาจจะทำให้ประชาชนทั่วไปสับสนในข้อเท็จจริงจนถึงขั้น ก่อความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ซึ่งนับว่าเป็นการก่อเหตุอันตรายและเป็นภัยร้ายแรงต่อความมั่นคงของรัฐภายใน ราชอาณาจักรที่เป็นเหตุที่ศาลจะเพิกถอนสัญญาประกันจึงมีคำสั่งเพิกถอนสัญญา ประกันเฉพาะนายจตุพร จำเลยที่ 2 และนายนิสิต จำเลยที่ 8

ปฏิเสธไม่ได้ว่าคำสั่งศาลให้ถอนประกัน 2 แกนนำ นปช.สร้างแรงกระเพื่อมไปทั้งวงการ โดยเฉพาะมวลหมู่คนเสื้อแดงที่เตรียมแผลงฤทธิ์นัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 19 พฤษภาคม นี้

แม้ว่า “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ยืนยันว่าแกนนำที่เหลือจะร่วมเคลื่อนไหว และไม่จำเป็นต้องปรับรูปแบบการปราศรัย เพราะทุกคนไม่มีพฤติการณ์ที่จะทำการฝ่าฝืนเงื่อนไขประกันตัว แต่ เวที นปช.ที่ไร้ซึ่ง จตุพร แน่นอนว่าต้องจืดสนิท

แต่ในส่วนฟากพรรคการเมืองที่อิงแอบอยู่กับคนเสื้อแดงจนแยกจากกันไม่ได้ เชื่อว่านักเลือกตั้งหลายคนในพรรคเพื่อไทย สบายใจที่หมดคู่แข่งไปอีกหนึ่ง เพราะถึงจตุพรจะเป็นขาใหญ่ แต่พรรคเพื่อไทยคงไม่อยากส่งคนที่ถูกกาหัวว่าเป็นพวกหมิ่นสถาบันลงสมัครเลือกตั้ง ไม่นับรวมคนในแก๊งเสื้อแดงด้วยกันเองที่รอเสียบตำแหน่งของ ส.ส.บัญชีรายชื่อ

ดังนั้นการที่ “ตู่ จตุพร” ต้องเข้าไปนอนในคุก ในครั้งนี้จึงมีแต่คนสะใจ ไม่เว้นแม้แต่พวกเดียวกันเอง

เรื่องโดย....ทีมข่าวอาชญากรรม
กำลังโหลดความคิดเห็น